ความร่วมมือระหว่างสมาคมมวยปล้ำญี่ปุ่นและไทย ในงาน Japan Expo Thailand…งานนี้ต้องบอกว่าเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยเลยครับ เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีสมาคมมวยปล้ำมาจัดโชว์ในเมืองไทยหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่มีคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ จึงกล่าวได้ว่างานครั้งนี้เป็น “การขึ้นสู้บนเวทีมวยปล้ำของนักมวยปล้ำไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์”
เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา มีงาน Japan Expo Thailand ซึ่งทาง Marumura ของเราก็เป็นมีเดีย พาร์ทเนอร์อยู่ด้วยครับ และโดยส่วนตัวผมเองต้องบอกว่างานนี้มีส่วนร่วมเต็มๆ เลย เพราะผมได้ดูในส่วนของ Sport Zone ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการโชว์มวยปล้ำอาชีพจาก Michinoku Pro Wrestling และสมาคมมวยปล้ำจากประเทศไทย (เชื้อสายญี่ปุ่น) อย่าง Gatoh Move Pro Wrestling ซึ่งตัวผมเองเป็นผู้จัดการอยู่
งานนี้ต้องบอกว่าเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยเลยครับ เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีสมาคมมวยปล้ำมาจัดโชว์ในเมืองไทยหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่มีคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ จึงกล่าวได้ว่างานครั้งนี้เป็น “การขึ้นสู้บนเวทีมวยปล้ำของนักมวยปล้ำไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์”
งานนี้ได้รับการดูแลทั้งหมดโดยคุณโยชิโมโตะ จากบริษัท Thainchu ครับ ซึ่งได้ติดต่อมาทางผมและมองว่าเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่ดีสำหรับมวยปล้ำในเมืองไทย และงาน Japan Expo ก็ถือเป็นเวทีสำคัญและเป็นโอกาสที่จะให้นักมวยปล้ำทั้งหลายได้โชว์ฝีมือต่อหน้าคนไทย-ญี่ปุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่จะเดินทางมาในงาน Japan Expo ซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่มากๆ งานหนึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่น
ต้องบอกว่าทันทีที่ผมทราบเรื่องและได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับนักมวยปล้ำชาวไทย นักมวยปล้ำชาวไทยทุกคนตื่นเต้นกันมากครับ เพราะที่ผ่านมาเราจัดมวยปล้ำกันบนเบาะในกรุงเทพ และถึงแม้เราจะขึ้นปล้ำบนเวทีในญี่ปุ่นกันมานานกว่าสามปี แต่เมื่อทราบว่าเราจะได้ขึ้นปล้ำบนเวทีอย่างเต็มรูปแบบต่อหน้าแฟนๆ ชาวไทย นักมวยปล้ำของเราก็อดตื่นเต้นไม่ได้เลยล่ะครับ
การขึ้นปล้ำในครั้งนี้ นักมวยปล้ำชาวไทยจะได้ขึ้นแข่งขันร่วมกับนักมวยปล้ำจากญี่ปุ่น สมาคม Michinoku Pro Wrestling ซึ่งถือว่าเป็นสมาคมมวยปล้ำชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น จากภูมิภาคโทโฮขุ ซึ่งสมาคมนี้มีชื่อเสียงว่าเป็นสมาคมที่นักมวยปล้ำมีคุณภาพมากๆ นักมวยปล้ำที่ผ่านการฝึกฝนในสมาคมนี้ จะมีทักษะมวยปล้ำแน่นมากๆ ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่นักมวยปล้ำชาวไทยของเราพยายามจะเรียนรู้ทักษะ และประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับมืออาชีพเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
เป้าหมายแรกของอีเวนท์และความร่วมมือระหว่างไทย – ญี่ปุ่นในครั้งนี้คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ในวงการมวยปล้ำยุคปัจจุบัน กล่าวคือธุรกิจมวยปล้ำทุกวันนี้เจริญเติบโตมากๆ ครับ ประเทศรอบข้างของเรามีค่ายมวยปล้ำมากมาย และมีความร่วมมือกับประเทศที่แข็งแกร่งทางด้านมวยปล้ำ อย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ที่ร่วมมือกับรัสเซีย หรือบางสมาคมของญี่ปุ่นที่หันไปร่วมมือสร้างสมาคมมวยปล้ำในพม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ หรือกระทั่งมาเลเซีย จนอาจกล่าวได้ว่าการแข่งขันในวงการมวยปล้ำมีอยู่ค่อนข้างสูง และทางผมในฐานะตัวแทนของสมาคมมวยปล้ำในเมืองไทย ก็หมายมั่นว่าจะทำผลงานให้ดี เพื่อวางรากฐานของวงการมวยปล้ำไทยให้จงได้ แม้จะยากขนาดไหนก็ตามครับ
พูดถึงอีเวนท์ที่ผ่านมาครั้งนี้ต้องบอกว่าแฟนมวยปล้ำชาวไทยให้ความสนใจมากๆ ครับ โดยนอกจากจะมีการแข่งขันมวยปล้ำแล้ว ทางสมาคมมวยปล้ำของเรายังได้จัด “ฝึกสอนมวยปล้ำอาชีพ” ซึ่งสอนโดยนักมวยปล้ำอาชีพจากประเทศญี่ปุ่น
ต้องบอกว่างานนี้มีแฟนมวยปล้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาร่วมฝึกกันมากกว่า 20 ราย ซึ่งทุกคนใจสู้มาก เพราะวันที่เราฝึกวันแรกนั้น เราเริ่มเวลาบ่ายโมง และอุณหภูมิในวันนั้นคือ 36 องศาเซลเซียส!!! แต่ทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ที่อยากเป็นนักมวยปล้ำ ก็ไม่ได้กังวลครับ ฝึกหนักกันมากไม่ว่าจะเป็นการตบเบาะ การวิ่งเด้งเชือก หรือพวกยิมนาสติกพื้นฐานต่างๆ ซึ่งจำเป็นต่อการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ ส่วนนี้คือการนำร่องให้คนได้รู้จักมวยปล้ำครับ ทางผมเองได้คุยกับผู้ฝึกสอนหลายๆคนเกี่ยวกับมวยปล้ำอาชีพในไทย ทุกฝ่ายคิดเหมือนกันว่า
ปัจจุบันคนเข้าใจมวยปล้ำผิดไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นมาก อาจเพราะมวยปล้ำในกระแสหลักต่างพยายามพูดว่า “มันคือการแสดง” มากจนเกินไป มากจนคนคิดว่ามวยปล้ำไม่ได้ใช้ทักษะอย่างอื่นนอกจากการแสดงเลย ทั้งที่ความจริงแล้วนักมวยปล้ำต้องฝึกหนักเป็นอย่างยิ่ง และความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียว นั่นอาจหมายถึงอาการบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งในอีเวนท์นี้ ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ผู้ฝึกสอนหลักในวันนั้นคือคุณเอมิ ซากุระ ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำชื่อดังของญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงในฐานะของผู้ฝึกสอนเป็นลำดับต้นๆ ของวงการ เธอบอกว่าคนไทยนั้นมีทักษะพื้นฐานในการเป็นนักมวยปล้ำที่ไม่เลว เพียงอาจต้องเพิ่มรายละเอียดเช่นพวกวินัยของนักกีฬา หรือทัศนคติบางอย่างเกี่ยวกับมวยปล้ำ คนไทยต้องเข้าใจบริบทของมวยปล้ำอาชีพว่าเป็นอย่างไร การเป็นมืออาชีพต้องเป็นอย่างไร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีมาในไทยมาก่อนครับ แต่ด้วยความที่มวยปล้ำมันเป็นการแข่งขันที่สากล ดังนั้นเราจะใช้ความเป็นไทยสไตล์ไม่ได้ เราต้องเรียนรู้ทัศนคติหรือจุดร่วมที่นักมวยปล้ำทุกคนต้องมี เพื่อที่จะสามารถร่วมงานกับผู้อื่นได้อย่างไม่ติดขัด นี่คือมวยปล้ำอาชีพ และเราคิดว่าจะจัดงาน “ฝึกสอน” ชาวไทยให้รู้จักทักษะของมวยปล้ำอาชีพให้บ่อยขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อหานักมวยปล้ำหน้าใหม่ และอีกส่วนหนึ่งคือเพื่อชี้แจงให้คนเข้าใจว่ามวยปล้ำที่แท้จริงต้องเป็นอย่างไร และเขาควรมีมุมมองอย่างไรต่อจากนี้ หากมีความสนใจที่จะเป็นนักมวยปล้ำอาชีพจริงๆ
ผมมองว่างาน Japan Expo ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และจะเป็นหน้าที่สำคัญหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์มวยปล้ำเมืองไทยได้เลยล่ะครับ ด้วยจำนวนผู้ชมหลายร้อย และเสียงเรียกร้องมากมายให้มีการจัดมวยปล้ำสดๆ แบบนี้อีกครั้ง ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราคาดหวังจากแฟนๆ และรู้สึกดีใจที่เราทำให้พวกเขามีความสุขได้อย่างที่ต้องการครับ
ในอีเวนท์นี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในอีเวนท์วันแรก (วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2016) เมื่อ Kenbai นักมวยปล้ำหน้ากากชื่อดังจากมิชิโนกุ โปร เรสลิ่ง ใส่ท่าตีลังกาลงมาจากเชือกเส้นที่สาม แต่เกิดผิดจังหวะ ทำให้ไหล่หลุดทันที (ตามข่าวที่แจ้งออกมา) นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าอุบัติเหตุในวงการมวยปล้ำนั้นเกิดขึ้นได้เสมอครับ
เรื่องที่น่าสนใจอย่างต่อมาก็คือ “นักมวยปล้ำจากเมืองไทย สามารถเอาชนะนักมวยปล้ำญี่ปุ่นได้สองแมตช์ติดต่อกัน” เรื่องคือในเมืองไทย เรามีแทคทีมชื่อว่า Bad Company ซึ่งเป็นคู่หูนักมวยปล้ำชาวไทยที่มีชื่อเสียงพอสมควรทั้งในเมืองไทย ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ที่พวกเขาเริ่มกลายเป็นขวัญใจของแฟนๆ แดนลอดช่องไปแล้ว (มีแฟนๆ จากสิงคโปร์ตามมาดูด้วยนะครับ ทำเป็นเล่นไป)
โดยทีมของสองคู่หูชาวไทยสามารถเอาชนะทีมของ “อดีตแชมป์” อย่าง Ayumu Gunji และ Daichi Sasaki อย่างงดงามในวันเสาร์ ก่อนที่จะย้ำแค้นทาง Sasaki อีกครั้งในวันอาทิตย์ (แต่ในวันอาทิตย์ Sasaki จับคู่กับนักมวยปล้ำชาวไทยชื่อ Paksa ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำดาวรุ่งที่ได้รับรางวัลจากประเทศญี่ปุ่นมาแล้วเช่นกัน) นี่คือสิ่งที่บอกกับเราว่านอกจากในแง่ของสมาคม ในแง่ของระบบจะเกิดการพัฒนาแล้ว ในส่วนของนักมวยปล้ำชาวไทยเอง ก็เกิดการพัฒนาเช่นกัน จนอาจพูดได้ว่าเรามีนักมวยปล้ำอาชีพที่ไม่เป็นสองรองใคร ไม่ว่าจะเป็นในละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้กระทั่งในญี่ปุ่นที่เราสามารถเอาชนะมาได้แล้วหลายต่อหลายครั้ง !
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานนี้ ผมขอยกให้กับคุณ Jinsei Shinzaki ประธานของทาง Michinoku Pro ที่สนใจเดินทางมาขึ้นปล้ำในเมืองไทย ตลอดจนให้โอกาสกับนักมวยปล้ำชาวไทยทุกๆคน นักมวยปล้ำคนนี้เป็นที่ชื่นชอบมากๆ ทั้งในญี่ปุ่น รวมถึงในไทยเอง เพราะเขาเคยขึ้นปล้ำให้กับสมาคม WWF ในชื่อของ Hakushi ดังนั้นในงาน Japan Expo เราจะเห็นว่ามีแฟนๆ ต่อคิวรอถ่ายภาพกับเขายาวมาก! เราพูดได้เต็มปากเลยว่าหากไม่มีคุณ Jinsei งานในครั้งนี้ก็จะไม่ออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่พวกเราได้เห็นอย่างแน่นอนครับ
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าวงการมวยปล้ำในเมืองไทยสามารถเติบโตได้มากกว่านี้ครับ ส่วนหนึ่งด้วยความที่มวยปล้ำกระแสหลักเดิมอย่าง WWE ได้หายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ นั่นทำให้เป็นโอกาสดีในการนำสิ่งใหม่ๆ มอบให้กับแฟนกีฬาทุกคน โดยเฉพาะมวยปล้ำของประเทศตนเอง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนนั่นเองครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า หรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ
NOTE: ขอบคุณภาพประกอบจากคุณ Kanpai Ariyavatkul ครับ
เรื่องแนะนำ :
– ORIGAMI ศาสตร์มาแรงแห่งปี 2016
– “2015” ปีแห่งความสำเร็จของนักมวยปล้ำไทยในญี่ปุ่น
– “ถ่ายแบบวาบหวิว” หนึ่งในวิธีการเอาตัวรอดในวงการมวยปล้ำหญิง
– นักมวยปล้ำญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา
– ร้านเช่าและร้านมือสอง กับธุรกิจหนังสือญี่ปุ่น