มาเที่ยว Hiroshima กันต่อ… เรามุ่งหน้าสู่ท่าเรือ เพื่อเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฮิโรชิม่า นั่นคือ เกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) เพราะสำหรับที่นี่แล้ว ถ้ามาฮิโรชิม่า.. แล้วไม่ได้ไปเยือน ถือว่าผิด!!
เช้าวันถัดมา เรามุ่งหน้าสู่ท่าเรือ เพื่อเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฮิโรชิม่า นั่นคือ เกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) เพราะสำหรับที่นี่แล้ว ถ้ามาฮิโรชิม่า.. แล้วไม่ได้ไปเยือน ถือว่าผิด!! 😉
จากตัวเมืองฮิโรชิม่าสู่ท่าเรือใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสประมาณ 40 นาที แล้วนั่งเรือไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงเกาะ Miyajima จากท่าเรือมีเส้นทางสู่ตัวศาลเจ้าซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย เราสามารถเลือกซื้อขนมของฝาก หรือซื้อชิมที่หน้าร้านเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นของกินไฮไลท์อย่าง หอยนางรมย่าง หรือโมจิรูปใบเมเปิ้ล รวมไปถึงซอฟท์ครีมและน้ำแข็งไส ที่เข้ากับผู้ที่เดินทางมาในช่วงฤดูร้อนอย่างมาก
และในวันที่เราไปยังศาลเจ้าอิทสึคุชิม่า (Itsukushima Shrine) มีงานประจำปีชื่อว่า “Tamatori-sai” (จัดขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม 2018) พอดิบพอดี โดยเทศกาลนี้สืบทอดต่อกันมานาน เดิมเรียกว่าเทศกาล “Einen Festival” ซึ่งในวันงานจะมีการนำภาชนะคล้ายตะกร้าสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดประมาณ 150×150 ซ.ม. ซึ่งบูชาแด่เทพเจ้าแห่งความโชคดีไว้ตั้งแต่ราวกลางเดือนกรกฎาคม มาแขวนที่ซุ้มไม้กลางน้ำ แล้วใส่ลูกบอลขุมทรัพย์ (Chushinsho) ลงไป จากนั้นชายหนุ่ม (ที่จริงควรจะเป็นชายหนุ่มอ่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ มีแต่คุณลุงๆ แฮะ ฮ่าๆ) ซึ่งเป็นชาวเมืองจะแบ่งทีมกันปีนขึ้นไปแย่งลูกบอลนั้น ทีมไหนชนะ ก็จะกล่าวได้ว่าจะเป็นทีมที่มีแต่โชคดี … การแข่งขันจึงดุเดือด และก็เป็นเชิงกระชับมิตรอยู่ในที กองเชียร์ซึ่งเป็นบรรดานักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็ดูเพลิน และเชียร์สนุกกันตามไปด้วย
ศาลเจ้า Itsukushima ขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าลอยน้ำ เพราะมีทางเดินเท้ายกขึ้นเชื่อมต่ออาคารต่างๆ ซึ่งเสาจะถูกน้ำท่วมถึง ตามเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงของทะเล มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,400 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วย ตัวอาคารมีการลงแล็คเกอร์และใช้สีแดงชาดที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ รวมทั้งยังมี O-torii ซึ่งเป็นเสาโทริอิ สัญลักษณ์ของศาลเจ้าที่เป็นเสมือนเส้นทางสำหรับเทพเจ้าที่เดินทางมายังตัวศาลเจ้า เป็นเส้นกั้นระหว่างลูกมนุษย์และโลกของเทพเจ้า สร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1168 ความพิเศษคือโทริอิหลังนี้ตั้งอยู่กลางทะเล สูงถึง 16.6 เมตร หนักถึง 60 ตัน ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร โดดเด่นจนเรียกได้ว่า ใครเห็นโทริอินี้ก็รู้เลยว่าเป็นศาลเจ้า Itsukushima อย่างแน่นอน ^^
และจากศาลเจ้า Itsukushima มีเดินผ่านเส้นทางชมธรรมชาติไปยัง Miyajima Ropeway เพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา Misen แห่งเกาะ Miyajima ซึ่งเป็นเสมือนจุดแสวงบุญแห่งหนึ่งของเกาะนี้ ต่อเนื่องมาจากศาลเจ้า Itsukushima เพราะเป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะ หากเดินจากด้านล่างขึ้นไปใช้เวลาประมาณ 90 นาที ถึง 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินจากสถานี Ropeway ด้านบนเขาไป จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที เส้นทางด้านบนยอดยังเขามีวิหารต่างๆ อีกหลายจุดให้นักแสวงบุญ หรือนักท่องเที่ยวอย่างเราได้ชมด้วย
ITSUKUSHIMA JINJA
ที่ตั้ง : 1-1 Miyajima-cho, Hatsukaichi, Hiroshima, 739-0588
เวลาทำการ : โดยทั่วไปจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กมัธยม 200 เยน เด็กประถม 100 เยน (ยังไม่รวมค่า Treasure Hall แต่ก็มีบัตร combo ราคาพิเศษด้วยนะ)
การเดินทาง : จาก JR Hiroshima นั่งรถไฟสาย Sanyo Hosen Line มาลงที่สถานี JR Miyajimaguchi แล้วเดินไปท่าเรือเฟอรี่ จากท่า Miyajimaguchi ไปท่า Miyajima Island ใช้เวลาราวๆ 10 -15 นาทีเท่านั้น (แต่นอกจาก JR จะให้บริการเรือเฟอรี่ไปยังเกาะมิยาจิม่าแล้ว ยังมีเฟอรี่ของบริษัท Matsudai อีกด้วยนะ เดินทางจากท่าเดียวกัน ซึ่งก็สะดวกเหมือนกัน)
เว็บไซต์ : http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html (Itsukushima Jinja)
เว็บไซต์ : http://visit-miyajima-japan.com/en/ (Miyajima Island)
กลับมาจากเกาะมิยาจิม่าในช่วงบ่าย เราไปกันที่แถวๆ Hiroshima Peace Memorial Park ก่อนเข้าไปในสวนของสวนจะมีตึกที่เพิ่งเปิดใหม่ชื่อว่า Hiroshima Orizuru Tower เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน น่าสนใจ เพราะมีทั้งความเป็นพิพิธภัณฑ์ สถานที่พักผ่อน และจุดชมวิว มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แล้วก็อยู่ติดกับ Atomic Bomb Dome เลย ซึ่งทำให้เรามองเห็นได้ในมุมสูง ก็แปลกตาไปอีกแบบ แล้วตึกนี้ยังมีกิมมิคโดยสร้างให้ส่วนหนึ่งเป็นคล้ายๆ ปล่อง ที่ให้เราสามารถพับนกกระเรียน แล้วหย่อนจากตึกด้านบน ลงมารวมกันที่ด้านล่าง โดยสามารถมองเห็นจำนวนของนกกระเรียนกระดาษที่ถูกพับมาแล้วตั้งแต่เปิดให้บริการได้ด้วย เพราะตึกมีกำแพงเป็นกระจก
(รับรองว่าตอนนี้ไม่ใช่นกกระเรียนพันตัวแล้ว แต่น่าจะเป็นหมื่น เป็นแสนตัว แล้วล่ะจ้ะ)
แล้วยังมีอีกจุดนึงที่ดึงดูดใจได้ ก็คือ “Sampo” SPIRAL SLOPE ซึ่งแทนที่เราจะเดินลงบันได หรือลงลิฟต์กลับลงมายังชั้นล่าง เรายังสามารถเล่นสไลเดอร์ที่มีเส้นทางเป็นเกลียวโค้งๆ ลงมาได้ (แต่ก็ไม่ได้ยาวลงมาตั้งแต่ชั้นบนถึงล่างเลยนะ จะหยุดเป็นชั้นๆ ไป เดินก้าวนึง แล้วก็สไลด์ใหม่ ซึ่งก็ดูเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางได้ดี ^^ )
ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสได้ไปเมืองฮิโรชิม่า ก็ลองไว้ไปเยือนกันดูนะ
HIROSHIMA ORIZURU TOWER
ที่ตั้ง : 1-2-1 Ootemachi, Naka-ku, Hiroshima, Hiroshima-pref., 730-0051
เวลาทำการ : 10.00 – 19.00 น. (เดือนกรกฎาคม – กรกฎาคม 09.00 – 20.00 น.) ปิดวันที่ 31 ธันวาคม และ 15 – 16 มกราคม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,700 เยน เด็กมัธยม 900 เยน เด็กประถม 700 เยน เด็กเล็ก (4 – 5 ขวบ) 500 เยน
การเดินทาง : จากสถานี JR Hiroshima นั่ง Tram สาย Miyajima หรือสาย Eba ลงที่ป้าย Atomic Bomb Dome เดินต่อแค่ 1 นาทีก็ถึง
เว็บไซต์ : http://www.orizurutower.jp/en
จากนั้นเราข้ามไปยัง Hiroshima Peace Memorial Park กันเลย ในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีหลายจุดที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ และผู้เสียชีวิต ในตอนที่ Hiroshima ถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ มีทั้งอนุสาวรีย์ซาดาโกะกับนกกระเรียน แล้วก็เปลวไฟสันติภาพ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมเยอะมาก ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวตะวันตก มีอยู่เยอะมากจริงๆ และภายในก็บรรยายถึงเหตุการณ์เมืองครั้งระเบิดนิวเคลียร์ถูกทิ้งที่เมืองนี้ไว้ได้อย่างละเอียด และทำให้เห็นภาพ สะท้อนความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ไม่น่าแปลกใจ ที่จะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เห็นน้ำตาคลอเบ้า หรือการร้องไห้อย่างจริงจัง จากผู้มาชมพิพิธภัณฑ์ อยู่ตลอดเวลา …
ค่าเข้าชมเพียง 200 เยน เท่านั้น แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่คุ้มค่าต่อการเข้าชม แนะนำว่าไม่ควรพลาด
HIROSHIMA PEACE MEMORIAL MUSEUM
ที่ตั้ง : 1-2 Nakajima-cho, Naka-ku, Hiroshima 730-0811
เวลาทำการ : เดือนมีนาคม – กรกฎาคม 08.30 – 18.00 / เดือนสิงหาคม 08.30 – 19.00 น. (วันที่ 5 – 6 สิงหาคม เปิดถึง 20.00 น.) / เดือนกันยายน – พฤศจิกายน 08.30 – 18.00 / เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ 08.30 – 17.00 น. ปิดวันที่ 30 – 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กมัธยม 100 เยน เด็กประถม เข้าฟรี!
การเดินทาง : นั่ง Tram ที่มุ่งหน้าสู่ Hiroshima Port ลงป้าย Fukuro-machi หรือ Tram มุ่งหน้าสู่ Nishi-Hiroshima ลงป้าย Genbaku Domu Mae ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที แต่ที่จริงจะนั่งรถเมล์มาก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่ต่างกันมาก หรือจะเที่ยวที่ Hiroshima Orizuru Tower แล้วเดินตัดผ่าน Hiroshima Peace Memorial Park มาเหมือนเราก็ได้
เว็บไซต์ : http://hpmmuseum.jp/?lang=eng
ผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกหนึ่งวัน สำหรับทริปเที่ยวฮิโรชิม่า วันรุ่งขึ้น…เรามีเวลาว่างหนึ่งวัน แต่ละคนก็กระจัดกระจายไปที่หาสิ่งที่ตัวเองชอบ (โดยเฉพาะย่านช้อปปิ้งนั้น ไม่มีใครไม่แวะไปเยือน) ขอบอกเลยว่า ย่านช้อปปิ้ง รวมทั้งถนนคนเดินที่ตัวเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima City) นั้น อย่างเช่นถนนช้อปปิ้งฮอนโดริก็ดีงามมากๆ จัดว่าเป็นเมืองที่ไม่พลุกพล่านมากนัก แต่ห้างร้านมีมากมาย ย่านช้อปปิ้งก็มีสารพัดตรอกให้ซอกแซก รอบสถานีก็เป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง ย่านประวัติศาสตร์ (Hiroshima Peace Memorial Park) ก็มีป้ายบอกทาง ข้อมูลครบถ้วน เดินเที่ยวชมก็ง่าย … จากประสบการณ์มาชมเมืองนี้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก “ประทับใจ” คุ้มค่าที่ได้มาเยือนจริงๆ
แต่เหตุผลอย่างหนึ่งที่น่าจะทำให้เกิดความรู้สึกนี้ ก็คงเป็นเพราะในวันว่างที่เรามีหนึ่งวันนี้ เราเช่าจักรยาน ขี่ชมเมือง รวมถึงไปยังย่านช้อปปิ้งด้วยนั่นเอง ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับเมืองได้เร็วขึ้น แล้วผังเมืองก็เป็นระเบียบทำให้การเดินทางไปยังจุดต่างๆ ไม่ยาก … ไม่หลงทางเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เนื่องจากเราพักที่โรงแรม APA HOTEL Hiroshima Ekimae ซึ่งมีศูนย์เช่าจักรยานของ PEACECLE อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมเลย เราก็เลยเดินไปสอบถาม (แอบหาข้อมูลในเว็บไซต์เขามาบ้างแล้วล่ะ) คุณลุงพนักงาน พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ ถามว่าจะจ่ายเงินสดหรือจ่ายบัตร ถ้าเงินสด จ่าย 1,500 เยน ถ้าจ่ายบัตรให้จองผ่านเว็บ ราคา 1,080 เยน … จ่ายบัตรสิจ้ะ รออะไร เปิดมือถือสมัครมันตรงนั้นเลย (ที่ร้านมี Free WiFi ด้วยนะ) เสร็จปุ๊บ! คุณลุงก็พาเดินออกไปหน้าร้าน อธิบายวิธีการใช้รถนู่น นี่ นั่น จากนั้นเราก็ถามเส้นทาง วิธีการจอดรถนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็บอกลาคุณลุง
ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่เจอหน้าคุณลุง จนปั่นออกมา ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที (พูดจริงๆ) จองผ่านเว็บก็ไม่ถึง 2 นาทีอ่ะ ง่ายดาย แต่เป็นระบบมาก
สำหรับรถจักรยานของ PEACECLE นั้นเป็นรถจักรยานไฟฟ้า ตอนแรกคุณลุงบอกตอนแรก ก็สะดุ้งเบาๆ คือไม่เคยขี่ แต่โห.. มันดีงามมาก ปั่นฉิ๋วววว เร็วปรื๋อ ไม่เหนื่อยแรงขาเลยจ้า เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับการปั่นเพื่อการท่องเที่ยว แถมเมืองฮิโรชิม่าก็ไม่ค่อยมีเนินเป็นทางราบเกือบทั้งหมด จะมีเนินบ้างก็ตอนขึ้นสะพาน ซึ่งก็ไม่ได้เปลี่ยนเกียร์หรือใช้ตัวช่วยพิเศษของจักรยานไฟฟ้าคันนี้เลย
และที่ประทับใจมากคือ ระบบการล็อครถ
คือตอนที่เราสมัครผ่านเว็บ เราจะต้องใช้อีเมล์สมัครเข้าไป พอสมัครเรียบร้อย ก็จะมีลิงก์ให้เราเปิดรหัสปลดล็อครถของเรา ซึ่งก็จะมีเบอร์ประจำรถ เราก็แค่มองหารถที่ระบุเบอร์ไว้ในอีเมล์ ใช้รหัสปลดล็อคที่อยู่ในอีเมล์นั้น ทำตามขั้นตอนการปลดล็อค (จำเบอร์รถกับจำรหัสไว้ให้ดีล่ะ เผื่อไปจอดที่ไหน หารถไม่เจอ จำรหัสปลดล็อคไม่ได้ละก็ งานเข้าชัวร์) ส่วนการล็อคนั้นเป็นแบบแมนนวล ต้องใช้มือกดตัวล็อคที่ล้อ … ที่ชอบก็คือทุกครั้งที่ล็อครถ จะมีอีเมล์เด้งเข้ามาว่า ขณะนี้คุณได้ล็อครถไว้แล้วนะ พร้อมวงเล็บว่า (แต่ยังไม่ได้ทำการคืนรถ) ซึ่งในการคืนรถนั้น เราก็ต้องไปที่ศูนย์ก่อน แล้วก็กดล็อค แล้วกดรหัสตามขั้นตอนการส่งคืน ซึ่งก็ง่ายมากๆ ใครงงก็สามารถดูวิธีการได้ตามตัวอย่างข้างตัวรถ หรือดูที่โปสเตอร์หน้าศูนย์ตอนที่ไปคืนก็ได้ มีภาษาอังกฤษ พร้อมรูปภาพประกอบ สะดวกไปอีก!
เพื่อนๆ อาจจะสงสัยเรื่องการคืนรถ …
ไม่ยากๆ คืนที่ศูนย์ไหนในเมืองก็ได้ ประมาณว่าเบื่อแล้วก็หาศูนย์ใกล้ๆ (เช็คในเว็บได้) แล้วก็เอาไปคืนจุดนั้น คือจบ แต่อย่างเรา เช่าหน้าโรงแรม ก็กลับมาคืนที่โรงแรมสิจ้ะ สบายจะได้ แถมยังใช้ได้ถึงเที่ยงคืน (ศูนย์หน้าโรงแรม ปิดตอนทุ่มนึง แต่เราสามารถเอามาจอดคืนหน้าร้านได้เลย ตอนไหนก็ได้ ขอแค่ก่อนเที่ยงคืน)
เพื่อนๆ คนไหน สนใจปั่นจักรยานเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า ก็ขอแนะนำ PEACECLE เลยละกัน
ส่วนเพื่อนๆ ที่ไม่ถนัดปั่น ก็แนะนำรถเมล์ และรถราง ซึ่งก็มีวิ่งผ่านย่านสำคัญๆ ในเมืองฮิโรชิม่าทั้งหมด และอย่างรถราง เขาก็มีตั๋ววัน ราคาแค่ 500 เอง สะดวกอยู่เหมือนกันนะ
PEACECLE
ราคา : วันละ 1,500 เยน (จ่ายบัตรผ่านเว็บ ราคา 1,080 เยน)
เว็บไซต์ : http://docomo-cycle.jp/hiroshima/en
วันฟรีเดย์แสนสนุกของเราในฮิโรชิม่าผ่านไปด้วยดีค่ะ วันรุ่งขึ้นจะพาไปเที่ยวที่ไหนต่อ รอติดตามกันนะคะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว Hiroshima … บินตรงสู่ฮิโรชิม่าด้วย New Gen Airways
– รีวิวเที่ยว Hiroshima … ตะลุยทุ่งดอกทานตะวันและเกาะกระต่าย Okunoshima
– 10 สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปไซตามะ (Saitama)
– เที่ยวญี่ปุ่นชิลๆ เส้นทางใหม่ Gunma – Niigata – Saitama ตอนที่ 1
– บีมเซนเซตะลุยเมือง Chichibu แหล่งธรรมชาติที่ใกล้โตเกียวมากที่สุด