ความสำเร็จของ Prius บอกให้เรารู้ว่าการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ได้มีแค่ความคิดสร้างสรรค์ แต่เพียงอย่างเดียวแล้วจะพอ แต่ต้องมีเรื่องของการสะสมความรู้ในทุกๆ วันด้วย
บทความโดย : Sensei Pae
สร้างสถิติโลกว่ายากแล้ว
ทำลายสถิติที่ตัวเองสร้างขึ้นยากกว่า
เห็นด้วยไหมครับ
แต่มีรถยนต์อยู่รุ่นหนึ่ง
ทุกครั้งที่เปิดตัวใหม่
มันจะทำลายสถิติตัวเองเสมอ
ปี 1997
โตโยต้าเปิดตัวรถยนต์ไฮบริด
เชิงพานิชย์เป็นครั้งแรก
นามว่า Prius (พรีอุส)
พรีอุส ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน
และคอยเก็บพลังงานสูญเปล่าที่เหลือใช้
ในภาวะต่างๆ และนำกลับมาใช้ใหม่ผ่าน
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
เพราะมีทั้งระบบเครื่องยนต์และไฟฟ้าผสมกัน
เราจึงเรียกมันว่าไฮบริด
สมัยนั้นรถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ราวๆ 1500 ซีซี
(เทียบเท่า Vios, City บ้านเรา)
มักมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
ให้ห้องทดสอบ ราวๆ 15 กิโลเมตร/ลิตร
แต่เจ้าพรีอุสกลับทำได้ที่
23.7 km/l ซึ่งจัดเป็นสถิติโลก
ปี 2004 Prius เปิดตัว 2nd Generation
ที่มีอัตราประหยัดน้ำมัน
29.6 km/l ประหยัดกว่าเดิม 25%
ทำลายสถิติโลกของตัวเองอย่างสวยงาม
ปี 2010 3rd Generation
ทำได้ 32.6 km/l ประหยัดขึ้นไปอีก 10%
จากรุ่นก่อน
และล่าสุด 2016 4th Generation
ทำได้ 40.8 km/l ประหยัดขึ้นไปอีก 25%
จาก 3rd Generation ทั้งๆที่มัน
คือสถิติโลก!!!
ตารางอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ของพรีอุสในรุ่นต่างๆ
หมายเหตุ
JC08 Mode เป็นชื่อเรียกรูปแบบการทดสอบหาอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น
รถยนต์ทุกคันที่จะวางขายในประเทศญี่ปุ่นต้องผ่านการทดสอบนี้
(เริ่มใช้งานหลังปี 1997 ดังนั้นตัวเลขของพรีอุส 1st generation
จึงเป็นการประเมินค่าผ่านอัตราส่วนทางวิศวกรรม ไม่สามารถใช้อ้างอิงทางกฏหมายได้)
พวกเขาทำได้อย่างไร?
หลักการง่ายๆที่พวกเขาใช้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์นั้นมีแก่นอยู่ 2 อย่าง
1. ทำให้เครื่องยนต์รับภาระน้อยที่สุดในทุกสถานการณ์
2. ทำให้เครื่องยนต์สามารถนำพลังงานในเชื้อเพลิงมาใช้งานได้มากที่สุด
ให้นึกถึงภาพ เกมขี่ม้าส่งเมือง
ถ้าสมมติว่านักกีฬาสองคน แข่งขันแบกคนเดินไปให้ได้ไกลที่สุด
คนไหนทำระยะทางได้มากกว่าชนะ
ปัจจัยที่ชี้วัดผลแพ้ชนะอาจจะเป็น
A. น้ำหนักคนที่ถูกแบก (ยิ่งเบายิ่งดี)
B. ความแข็งแรงของคนแบก (เปลี่ยนข้าวเป็นพลังงานได้มาก)
เป็นเรื่องเดียวกันกับแก่นที่พรีอุสใช้
เมื่อรู้แก่นนี้แล้ว สิ่งที่วิศวกรโตโยต้าทำก็เพียง
มองหาเทคโนโลยี หรือหลักการทางวิศวกรรมอะไรก็ได้ที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อ
ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักชื้นส่วน
การลดแรงต้านอากาศขณะขับด้วยความเร็วสูง
การสร้างระบบขับเคลื่อนให้มีแรงต้านภายในต่ำที่สุด
เพื่อให้ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
และอีกหนึ่งสิ่งที่พวกเขาใช้ในการสร้างสถิติที่หลายคนมองข้าม
คือความสม่ำเสมอ
พวกเขาใช้เวลา 4-6 ปี หรือราวๆ 1,500 วัน ในการมองหาไอเดีย
ที่จะทำให้รถยนต์มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงดีขึ้น
ค่อยๆ สะสมไอเดียดีๆ ต่อยอดให้ดีขึ้นขึ้น
พรีอุสจึงเป็นผลสะท้อนของหลักการ Kaizen อย่างแท้จริง
เข้าใจแก่น โฟกัส ทำให้ดีขึ้น ทำอย่างสม่ำเสมอ
ความสำเร็จของพรีอุสบอกให้เรารู้ว่า
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ได้มีแค่ความคิดสร้างสรรค์
แต่เพียงอย่างเดียวแล้วจะพอ
แต่ต้องมีเรื่องของการสะสมความรู้ในทุกๆ วันด้วย
สร้างสรรค์*สะสม=สำเร็จ
“ちょっと一歩やると新たな変化点が生まれる。
新たな変化点が生まれると
悩んでたことの大したことと無い事と、
分かった事と分からないことが分かってくる”
“เพียงแค่ก้าวเดินหนึ่งก้าว เราก็จะพบความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
เมื่อพบความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
(ก็จะมี) ความกังวลใจที่ใหญ่และที่ไม่ใช่
และในที่สุด เราก็จะเข้าใจว่าเรา รู้ และ ไม่รู้ อะไร”
Akio Toyoda
ประธานบริษัทโตโยต้า (2009-ปัจจุบัน)
#สร้างสรรค์*สะสม=สำเร็จ
#เก่งงานแบบญี่ปุ่นคุณก็ทำได้
#SenseiPae
#LeanovativeThinking
บทความโดย : Sensei Pae
ติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Facebook: Leanovative Thinking By Sensei Lek & Sensei Pae
เรื่องแนะนำ :
– ไม่ถอดใจ ก็ไม่แพ้ … บทเรียนจากเจ้าของแบรนด์ญี่ปุ่นที่ทั้งโลกรู้จัก
– คนไทยทำงานกับญี่ปุ่น รู้สึกยังไงกันนะ
– เทคนิคพิชิตใจเจ้านายญี่ปุ่น
– หลากหลาย…สไตล์เจ้านายญี่ปุ่น
– เจ้านายญี่ปุ่น… อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาว
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://toyota.jp/prius/performance/top/
https://asia.nikkei.com/Business/Companies/The-story-behind-the-Prius
หนังสือ Toyota mind คิดระดับโลก คุณก็ทำได้