ทิ้งความวุ่นวายของเมืองกรุง มุ่งตรงสู่ชิโกกุ ดินแดนแห่งธรรมชาติ และอาหารแสนอร่อย
ตื่นเต้นระทึกใจกับธรรมชาติลึกลับในภูมิภาคชิโกกุ – จังหวัดโทคุชิมะ
เอ่ยถึงประเทศญี่ปุ่น คงอดนึกถึงที่เที่ยวหลากหลายรูปแบบไม่ได้ แต่ที่ดูจะโดดเด่นมากๆ สำหรับเราก็คงต้องยกให้จุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะไปจังหวัดไหน ก็ไม่เคยผิดหวังเลยจริงๆ
ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวกันที่ “ชิโกกุ 四国” ภูมิภาคเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยจุดท่องเที่ยวที่สวยงามและแฝงไปด้วยความตื่นเต้นลึกลับน่าค้นหาไม่แพ้ที่ใดๆ และอาหารแสนอร่อยมากมาย
“ชิโกกุ 四国” เป็น 1 ใน 4 เกาะหลัก ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ โทคุชิมะ, คางาวะ, เอฮิเมะ และโคจิ มีทำเลตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างคิวชู และคันไซ
การเดินทางมาก็ไม่ลำบาก สามารถมาได้ทั้งจากฝั่งโตเกียวและจากฝั่งคันไซ เพราะมีสนามบินทั่วทุกจังหวัดบนเกาะ มีเที่ยวบินเข้าออกกันวันละหลายเที่ยวบิน ในส่วนการเดินทางในแต่ละจังหวัดก็มีทั้งรถไฟและรถเช่า
สิ่งที่โด่งดังของขึ้นชื่ออันเป็นที่รู้จักกันดีก็หลากหลาย เช่น โดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen) สะพานแขวนที่สร้างจากเถาวัลย์ในหุบเขาอิยะ (Iya Valley) สวนริทสึริน RITSURIN KOEN หนึ่งในสุดยอดสวนที่สวยที่สุดญี่ปุ่น และซานุกิอุด้งของจังหวัดคะงาวะอันเป็นที่ยอมรับว่าเป็น 1ใน 3 อุด้งอร่อยของญี่ปุ่น และที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้อีกอย่างก็คือ เส้นทางจาริกแสวงบุญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,200 ปี
ใช่แล้วค่ะ … ที่นี่เป็นอีกภูมิภาคที่ไม่ควรมองข้ามเลย ครั้งนี้เราพาเที่ยวกันแบบจุใจ 5 คืน 6 วัน รอบเกาะชิโกกุ โดยจะพาไปจุดเด็ดๆ ที่คัดมาให้แล้ว ทั้งที่เที่ยว ที่กิน มาทำความรู้จักและออกเที่ยวชิโกกุไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ …
เริ่มต้นเดินทางกันจากสนามบินฮาเนดะรอบเช้า มุ่งตรงสู่สนามบินโทคุชิมะ (Tokushima Awaodori Airport) นั่งชมวิวจากหน้าต่างแค่ 1 ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว
ไม่รอช้า เรารีบทำการเช่ารถเพื่อขับออกเที่ยวกันทันที … จุดแรกคือ ชมกระเเสน้ำวนนารูโตะ จากที่เห็นเพื่อนๆ ลงรูปอวดทั้งใน IG, Facebook มานาน ครั้งนี้มีโอกาสได้มาเยือนบ้างแล้ว
ล่องเรือชมกระแสวังน้ำวนนารุโตะ (The Whirlpools of Naruto) ตื่นตาระทึกใจกับความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์
จุดชมกระเเสน้ำวนนารูโตะมีหลายจุดด้วยกัน ทั้งชมแบบใกล้ชิดจากบนเรือ หรือจุดชมวิวที่เห็นทั้งสะพานและกระแสน้ำวนเชี่ยวกรากที่ไหลวนผ่าน สามารถเลือกชมได้ตามที่เวลาในทริปจะอำนวยกันเลย
แต่ก่อนอื่นอย่าลืมเช็คเวลาให้ดีๆ เพื่อเลือกว่าจะไปจุดไหนก่อน เพราะปรากฏการณ์น้ำวนจะเกิดขึ้นแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น ในเวลาน้ำขึ้นและน้ำลง (เช้า 1 ครั้ง บ่าย 1 ครั้ง) ครั้งละ 1 – 2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถเช็คล่วงหน้าได้จากเว็ปไซต์นี้เลย >> https://www.uzunomichi.jp/
จุดขึ้นเรือของ บริษัทอูซูชิโอะคังโคเซน (鳴門のうずしお観潮船) ที่นี่ เราสามารถเลือกขึ้นเรือได้ 2 แบบ คือลำใหญ่ Wonder Naruto ที่เป็นเรือลำใหญ่ 2 ชั้น และ Aqua Eddy เป็นเรือขนาดกลาง 2 ชั้น ที่สามารถชมกระแสน้ำวนได้จากชั้นบน และจากหน้าต่างใต้น้ำ ครั้งนี้เราเลือก Aqua Eddy เพราะอยากดูทั้งสองแบบ
บริเวณชั้นล่าง หน้าตาจะเป็นแบบนี้ มีหน้าต่างให้เราดูกระแสน้ำวนใต้น้ำได้
เรือ Aqua Eddy จะออกทุกๆ 30นาที ใช้เวลาแล่นในทะเลให้เราชมกระแสน้ำวนประมาณ 25 นาที เรือจะพาไปใกล้จุดที่มีกระแสน้ำวนมากๆ ระยะประชิดให้เราได้ดูแบบตื่นตาตื่นใจกันทีเดียว
มีบางช่วงแอบกลัวว่าจะโดนดูดลงไปมั้ยนะ… 55…
ถ้าใครอยากดูแบบระทึกใจมากกว่านี้ แนะนำว่าให้เล็งมาช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้แดง เพราะเป็นช่วงที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดกระแสน้ำวนขนาดใหญ่มากที่สุดของปี ว่ากันว่า มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 20 เมตรเลยทีเดียว
จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ได้ความมาว่า บริเวณนี้ไม่เป็นอันตรายต่อการล่องเรือ ดังนั้นทุกคนไม่ต้องตกใจไปนะ เราสามารถมาล่องเรือชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ แบบสบายๆ กันได้เลย..
นอกจากเรือเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว ระหว่างทางเราจะเห็นเรือประมงอยู่เยอะมาก ใช่แล้วค่ะ ที่จังหวัดโทคุชิมะนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการประมงมากๆ เรือที่เราเห็นอยู่ไกลๆ เป็นเรือหาสาหร่ายและจับปลาไทหรือปลากะพงญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่บนเรือบอกว่าปลาที่จับได้จากบริเวณนี้ จะอร่อยมากๆ เพราะโดนกระแสน้ำวนนวดเฟ้นจนกล้ามเนื้ออัดแน่นอยู่ในทุกอณูร่างกาย
แหม… พูดซะจนเรานึกภาพน้องปลายืนเบ่งกล้ามเป็นมัดๆ ที่มีไฟส่องบนเวที มากกว่าชิ้นปลาย่างน่าอร่อยขึ้นมาในหัวเลย….
ว่าแต่ทำไมบริเวณนี้ถึงมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล และที่สำคัญมีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษน่ะเหรอ ก็เพราะว่ากระแสน้ำวนนี่แหละที่เป็นปัจจัยหลักๆ เลย
เนื่องจากบริเวณที่เกิดกระแสน้ำวนนารูโตะ เป็นจุดปะทะกันของกระแสน้ำจาก 2 ทะเล คือทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) และกระแสน้ำจากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคที่มีความเร็วและระดับความสูงของน้ำทะเลที่แตกต่างกัน รวมไปถึงความลึกของพื้นทะเลบริเวณใต้สะพานโอนารุโตะ ที่มีความลึกกว่าพื้นทะเลทั่วไปจนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดกระแสน้ำวนที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้นี่เอง
(จริงๆ แล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดกระแสน้ำวน ยังมีอีกหลายอย่างนะคะ แต่ขอเล่าแค่นี้ก่อน ไม่งั้นอาจเป็นเรียงความ 55 …)
กระแสน้ำวน ถ้ามองจากใต้ทะเลจะเห็นว่าเป็นเกลียว มีรูปร่างคล้ายพายุทอร์นาโด ที่ทำให้เกิดแรงดึงลงสู่พื้นใต้ทะเล ขณะเดียวกันก็ทำให้มีแรงผลักน้ำขึ้นไป ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นว่ามีน้ำทะเลที่พุ่งทะลักมาจากใต้ทะเลคนญี่ปุ่นเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “อุซึโนะฮานะ” หรือจะเรียกเป็นภาษาไทยว่า “ดอกไม้น้ำวน” ก็ได้นะคะ
และด้วยแรงผลักดันของกระแสน้ำวนนี้แหล่ะค่ะ เป็นตัวช่วยพัดกระจายสารอาหารที่อยู่ใต้พื้นทะเลทำให้มีปริมาณแพลงก์ตอนเพิ่มขึ้นเป็นอาหารของเหล่าปลาในบริเวณนี้ ซึ่งนำไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ใต้ทะเลและเจ้าปลากระพงเนื้อแน่นนั่นเอง
ลงจากเรือแล้วรู้สึกคอแห้ง แวะซื้อน้ำซื้อขนมอร่อยๆ ซักหน่อย ในตัวอาคารมีของขายเยอะมากกกก
มาถึงโทคุชิมะทั้งทีต้องนี่เลย เยลลี่ส้มสุดาจิ หอมชื่นใจสุดๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีทั้งรูปแบบขนมและน้ำหวานต่างๆ อีกด้วย เยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลย…
อุซูโนะมิจิ (ทางเดินชมวิวใต้สะพานโอนารุโตะ 大鳴門橋遊歩道 渦の道)
เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ เราสามารถเดินชมความสวยงามและมหัศจรรย์ของธรรมชาติจากทางเดินชมวิวทะเล ความยาว 450 เมตรที่อยู่บริเวณใต้สะพานโอนารุโตะ และยังมีจุดที่ติดตั้งพื้นกระจกให้เราไปส่องลงไปดูกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เพิ่มความระทึกใจได้อีก 4 จุดด้วยกัน
จากท่าเรือที่เราไปขึ้นเมื่อครู่นี้ ขับรถมาไม่ไกลค่ะ แต่จากที่จอดรถต้องเดินไปนะคะ ทางเดินจะมีบันไดแบบนี้…
แผ่นป้ายการร่ายรำอาวะโอโดริบนสะพาน 1 ในสิ่งขึ้นชื่อของจังหวัดโทคุชิมะ
สะพานนี้จะตัดผ่านด้านบนของ KOBE-AWAJI-NARUTO EXPWY มีจุดให้ชมวิวด้วยนะ คนที่เดินผ่านไปมาหยุดถ่ายกันแทบทุกคนเลย ถ้าหันไปด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งเกาะอะวาจิ (淡路島方面) มีวิวสะพานโอนารุโตะที่ใช้ข้ามช่องแคบนารูโตะ เชื่อมต่อระหว่างเมืองนารูโตะ จังหวัดโทคุชิมากับเกาะอะวาจิในจังหวัดเฮียวโกะ
จุดนี้ยังเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการถ่ายรูปสะพานช่วงพระอาทิตย์ตกของคนญี่ปุ่นเค้าด้วยแหล่ะ …
ด้านขวามือจะเป็นวิวฝั่งจังหวัดโทคุชิมะ
ตรงจุดลงสะพานจะมี อาคารอนุสรณ์สะพานโอนารูโตะ (Onaruto Bridge Memorial Museum Eddy)
เป็นอีกจุดที่จะพามาแวะชม หลังไปสะพานนะคะ
ใกล้ถึงแล้ว …
อุซูโนะมิจิ (ทางเดินชมวิวใต้สะพานโอนารุโตะ 大鳴門橋遊歩道 渦の道)
มีรถเข็นของเด็กเล็กและวีแชร์ จุดชาร์จแบตมือถือ ไว้บริการด้วย
ทางเดินชมวิวอุซูโนะมิจิ นี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 45 เมตร มีระยะทางยาว 450 เมตร ซึ่งอยู่ใต้สะพานโอนารุโตะ ที่เรามองเห็นเมื่อครู่นี้ ใช่แล้วค่ะ ใต้สะพานที่มีรถวิ่งอยู่จริงๆ ใช้คุ้มมากเลยนะคะเนี่ย ทั้งเป็นเส้นทางคมนาคมและจุดท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน
ระหว่างทางเดิน จะมีพื้นกระจกให้เราได้ชมวิวด้านล่าง และม้านั่งให้พักผ่อนเป็นระยะๆ ด้วยค่ะ
รูปปลาต่างๆ ที่อาศัยในละแวกนี้
น่าเสียดายที่ตอนอยู่บนสะพาน อุซูโนะมิจิ ไม่ใช่ช่วงที่มีกระแสน้ำวน เลยอดชมจากมุมสูง แต่วิวก็สวยคุ้มค่าที่จะมามากๆ เลยนะคะ อีกจุดที่ชอบมากๆ คือ โครงสร้างของตัวสะพานที่มองเห็นจากมุมต่างๆ คนที่ชอบถ่ายภาพแนวอาร์ตๆ ต้องต้องชอบแน่ๆ เลย
อาคารอนุสรณ์สะพานโอนารูโตะ ( Onaruto Bridge Memorial Museum Eddy)
ภายในอาคารแบ่งเป็น 3 ชั้น มีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำวนนารุโตะ ซึ่งที่นี่เราได้รับความรู้ทั้งเกี่ยวกับน้ำวน ประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างสะพาน รวมไปถึงทรัพยากรธรรมชาติที่พบได้บริเวณนี้ แล้วยังมีจุดชมวิวบนชั้นดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นสะพานโอนารุโตะ และกระแสน้ำวนด้านล่างสะพานได้อีกด้วยค่ะ
เครื่องเล่นชมน้ำวนเสมือนจริง ให้ได้ตื่นเต้นกับการผจญภัยใต้ท้องทะเลลึกบริเวณช่องแคบนารูโตะ
(ช่วงนี้หยุดให้บริการเพื่อปรับปรุง)
ห้องแสดงแบบ 4K 360° Theater awa ให้ชมการแสดงร่ายรำอะวะโอโดริ และ ดิจิตอลอาร์ต ผ่านจอ LED
「Play the Eddy」ให้ชมการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติน้ำวน เรียกได้ว่าสนุกคุ้มค่าต่อการแวะมาอย่างยิ่งค่ะ
อุซูโนะมิจิ (Uzunomichi) :
เช็คเวลา กระแสน้ำวนนารุโตะ https://www.uzunomichi.jp/
เรือของ บริษัทอูซูชิโอะคังโคเซน (鳴門のうずしお観潮船) https://www.uzusio.com/
อุซูโนะมิจิ (ทางเดินชมวิวใต้สะพานโอนารุโตะ 大鳴門橋遊歩道 渦の道) https://www.uzunomichi.jp/
อาคารอนุสรณ์สะพานโอนารูโตะ https://www.uzunomichi.jp/usage-guide-eddy/
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากเมืองนารุโตะ . . .
ระหว่างไปชมกระแสน้ำวน เราทางเจอกับป้ายเครื่องดื่มโพคารี่ สเวท (Pocari Sweat) ขนาดใหญ่จนสะดุดตา จึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาจนทราบว่าเป็นป้ายของ บริษัท โอซูกะ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยา เวชภัณฑ์ รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่น พูดชื่อบริษัทหลายคนอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าเอ่ยถึงชื่อสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทนี้ รับรองว่าหลายคนจะต้องร้องอ๋ออออ เพราะมีทั้ง โพคารี่ สเวท (Pocari Sweat), ซอย จอย (SOY JOY), แคลอรี่เมท (Calorie Mate) เป็นต้น
กลุ่มบริษัทโอซูกะ ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตยาและเวชภัณฑ์ขึ้นครั้งแรกที่เมืองนารูโตะ จังหวัดโทคุชิมะ ในปี ค.ศ 1970 หลังก่อตั้งโรงงานผลิตยามาได้ 10 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1980 บริษัทก็ได้เปิดตัวเครื่องดื่มเกลือแร่ โพคารี่ สเวท (Pocari Sweat) ขึ้นเป็นครั้งแรก จึงนับได้ว่าจังหวัดโทคุชิมะถือเป็นจังหวัดบ้านเกิดของเจ้าเครื่องดื่มเกลือแร่สุดฮิต โพคารี่ สเวท นี้ด้วย
ดังจะเห็นได้จากสนาม โพคารี่ สเวท สเตเดี้ยม (Pocari Sweat Stadium) หนึ่งในสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่ใช้ในแข่งขันเจลีก (J1) การแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ตั้งอยู่ในเมืองนารูโตะ จังหวัดโทคุชิมะด้วยเช่นกัน
แหล่งข้อมูล :
– https://www.thai-otsuka.com/
– https://www.otsuka.co.jp/company/virtual-factory-tour/tokushima/
– https://pocarisweat.jp/products/history/
ใกล้เที่ยงแล้ว ออกเดินทางต่อไปหาของอร่อยๆ ขึ้นชื่อรับประทานกันเถอะค่ะ จุดต่อไปของเราคือ “อุดะสึ โนะ มะจินามิ” (Udatsu Old Street) เพื่อชมสถาปัตยกรรมโบราณกันค่ะ ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดเสริมพลัง Power Spot ด้วยนะคะ
อุดะสึ โนะ มะจินามิ (Udatsu Old Street)
ชมสถาปัตยกรรมโบราณสมัยเอโดะ ลิ้มรสไก่อาวะโอโดริ (阿波尾鶏 / Awao )และผ้าย้อมคราม Aizome
กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใดการท่องเที่ยวที่สนุกสนานก็ต้องเติมเต็มให้พุงนั้นอิ่มเช่นนั้น …. ก่อนจะไปชมด้านในอุดะสึ ขอแวะชิมลิ้มรสไก่อาวะโอโดริ (阿波尾鶏) อันเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดโทคุชิมะ ที่ร้านอาหาร ไอคุระ ที่อยู่ใน มิจิโนะเอกิ ไอแลนด์อุดัทสึ (道の駅藍ランドうだつの「藍蔵」)
ตัวอาคารเป็นบ้านแบบโบราณที่นำมารีโนเวทได้เก๋มากๆ เพดานโปร่ง รับกับหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวอาคารบ้านเรือนและร่มไม้เขียวขจี ช่างเป็นวิวที่วิเศษจริงๆ
เมนูที่เลือกวันนี้คือ อาวะโอโดริ เซโระมุฉิ 阿波尾鶏 せいろ蒸しหรือข้าวอบไก่ในภาชนะเซโระ นั่นเอง วิธีทำค่อนข้างพิถีพิถัน เพราะจะเอาข้าวไปทำเป็นข้าวอบโกโมกุก่อน แล้วค่อยนำไก่ที่หมักมาอย่างดีและผักป่าต่างๆ มาวางด้านบนแล้วนำไปอบอีกทีในภาชนะเซโระ
ข้าวโกโมกุที่หุงระอุด้วยน้ำสต็อกดาชิก็น่าอร่อยมากแล้ว ยิ่งมาบรรจบ พบกับเนื่อไก่นุ่มๆ และกลิ่นหอมไม้ของภาชนะเซโระ มันคือเมนูที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ของวันนี้เลยค่ะ อยากให้ทุกๆ คนได้ลองมาชิมจริงๆ…
นอกจากเมนูข้าวอบไก่แล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ข้าวราดแกงคาเร และข้าวหน้าหมูตุ๋นให้เลือกด้วยค่ะ ของหวานร้านนี้ก็ห้ามพลาดนะคะ มีหลายอย่างให้เลือกเช่นกัน…
ชั้นล่างมีโซนขายของฝาก สินค้าพื้นเมือง ด้วยค่ะ มีแต่ของดีๆน่าสนใจทั้งนั้นเลย
ไม่ว่าจะเป็นเกลือนารุโตะ ขนมที่ทำมาจากมันเทศนารุโตะ พริกป่นผสมส้มยุสุ ก็มี
มุมสินค้าจากผ้าย้อมคราม Aizome ก็มี ที่น่าสนใจมากๆ
ต้องอันนี้เลยค่ะ Indigo Herb Tea แถมแพ็คเกจก็แสนน่ารักเหมาะที่จะซื้อเป็นของฝากมากๆ เลย …
อิ่มแล้ว ไปเดินเที่ยวกันต่อค่ะ …
ถนนสายอุดะสึ โนะ มะจินะมิ Udatsu Old Street สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ควรมาเยือนเมื่อมาจังหวัดโทคุชิมะ นอกจากจะมีบรรยากาศสง่างามชวนให้หลงไหลไปกับสถาปัตยกรรมโบราณแล้ว ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ ยังเป็น Power Spot จุดรับพลัง เสริมโชคลาภลับๆ อีกด้วย
ว่าแต่ อุดะสึ คืออะไร……
ถ้าจะสรุปสั้นๆ ง่ายๆ เลย ก็คือ “กันสาดสำหรับป้องกันอัคคีภัยที่ราคาแพงมหาศาล” มีลักษณะเป็นแผ่นฝากั้น ที่ยื่นออกมากั้นระหว่างบ้านแต่ละหลัง เพื่อป้องกันไฟไหม้ลุกลามไปบ้านข้างๆ และในเวลาเดียวกันก็ยังเป็นหลักฐานพิสูจน์ความมั่งคั่งของบ้านนั้นๆ อีกด้วย เราไปดูกันว่า อุดะสึในที่นี้เกี่ยวอะไรกับจุดรับพลัง เสริมโชคลาภ กัน…
*ส่วนในวงกลมสีแดงคือ อุดะสึ *
ในภาษาญี่ปุ่น จะมีคำว่า 〝うだつが上がる〟อุดะสึงะอะงาหรุ〝うだつが上がらない〟อุดะสึงะอะงาราไน่
〝うだつが上がらない〟อุดะสึงะอะงาราไน่ จะมีความหมายประมาณว่า ทำอะไรก็ไม่ก้าวหน้า เป็นคนต่ำต้อย
ส่วน 〝うだつが上がる〟อุดะสึงะอะงาหรุ นั้นก็จะมีความหมายที่ตรงกันข้ามคือ เจริญรุ่งเรือง เป็นใหญ่เป็นโต
ว่ากันว่าเหล่าพ่อค้าที่ทำธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ก็จะมีการสร้างอาคารบ้านเรือนที่โออ่ามาประชันกัน บ้านไหนที่มีการปลูกสร้างได้โออ่าและยังมีอุดะสึด้วยก็จะมีหน้ามีตา จึงเกิดคำพังเพย 〝うだつが上がる〟อุดะสึงะอะงาหรุ ขึ้นมา ใครที่ อุดะสึงะอะงาหรุ = ร่ำรวย เจริญก้าวหน้านั่นเอง
ถนนสายอุดะสึ โนะ มะจินะมิ (Udatsu no Machinami)ในเมืองวาคิมาจิ จังหวัดโทคุชิมะ แต่เดิมเคยเป็นย่านการค้าที่คึกคัก และแน่นอน อาคารบ้านเรือนแทบทุกหลังมี “อุดะสึ” จึงเป็นที่เล่าลือกันลับๆ ว่า ถนนเส้นนี้ทั้งสายคือ ถนนแห่งโชคลาภ ความมั่งมี!!
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรม และสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมทรงคุณค่าของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยนะ…
อาคารทรงดั้งเดิมกว่า 85 หลังที่เรียงราย บางหลังเก่ากว่า 300 ปีเลยทีเดียว แต่ที่น่าสนใจคือ ย่านนี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อเดินอยู่ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีชีวิตจริงๆ
เดินเล่นชมเมืองพร้อมไกด์ …. หากใครที่ต้องการซึมซับข้อมูลให้ลึกซึ้ง
สามารถติดต่อไกด์ท้องถิ่นผู้เชี่ยวชาญ มาให้ความรู้กับเราได้นะคะ
ความร่ำรวยของผู้คนในระแวกนี้ย่อมมีที่มาที่ไป…
จากคำบอกเล่าของไกด์ เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นแม่น้ำ อยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางเรือ และได้มีการค้าขายหลากหลาย รวมถึง「สุคุโมะ (蒅)」วัตถุดิบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการหมักน้ำครามซึ่งกลายมาเป็นสินค้าที่ทำให้เศรษฐกิจในย่านนี้คึกคักในเวลาต่อมา
หลังจากที่ได้ฟังเกร็ดความรู้จากไกด์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็ขอเดินชมถ่ายรูปแบบชิวๆ ซึมซับพลังแห่งความมั่งมีต่ออีกซักหน่อย
แวะเยี่ยมชม การทำร่มญี่ปุ่นที่ Mirai koubou . . .
อาคารบ้านเรือนมีหลายยุคสมัย ตั้งแต่ช่วงตอนกลางของยุคเอโดะมาจนถึงยุคต้นโชวะ และบ้านสมัยปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นมาใหม่แต่ยังคงแบบให้กลมกลืนไปตลอดทั้งแนวเลย และยังมี
โรงละครเก่า วัดโบราณ ศูนย์จัดแสดงหัตถกรรมพื้นบ้าน ให้เราได้ชมการทำร่มญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รวมไปถึงร้านคาเฟ่น่ารักๆที่ใช้อาคารสมัยก่อนมารีโนเวท บริการเมนูอร่อยๆอีกมากมาย
****************
Udatsu:
อุดะสึ โนะ มะจินามิ Udatsu Old Street うだつの町並みhttps://www.awanavi.jp/site/midokoro/udatsu.html
ศูนย์จัดแสดงหัตถกรรมพื้นบ้าน Mirai koubou
https://rurubu.jp/andmore/spot/80035634
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย JR Tokushima จากสถานี Tokushima ไปลงสถานี Anabuki แล้วต่อแท็กซี่อีก 10 นาที
หรือรถบัสสาย Tokushima Seibu Kotsu ไปลงป้าย Michi-no-Eki Ailand Udatsu แล้วเดินต่อไปอีกเล็กน้อย
พิกัด >> https://goo.gl/maps/yBqLqnkHv4ZGD2Pc6
หลงเสน่ห์เฉดสีของ JAPAN BLUE ไปกับกิจกรรมย้อมคราม Awa-ai ของดีจังหวัดโทคุชิมะ
ในย่านถนนอุดะสึ มีสถานที่ให้เราสามารถไปทดลองย้อมคราม อะวะไอ阿波藍(awa-ai)ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของขึ้นชื่อจังหวัดโทคุชิมะ
อาคารศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเมืองมิมะ ไอโซเมะ เวิร์คชอป (Mimashi Kankokoryu Center Aizome Workshop) อาคารสีขาว 3 หลังที่ได้รับการรีโนเวทในปี 2016 ใช้เป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวและผู้คนที่อาศัยในย่านอุดะสึ
อาคาร 3 หลัง จะเเบ่งเป็น… คาเฟ่ที่บริการเมนูต่างๆ จากผัก ผลไม้ออแกนิคในท้องถิ่น อาคารศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวที่ให้บริการข้อมูลจุดท่องเที่ยวในย่านนี้ ภายในยังแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนของคนในท้องถิ่น
ส่วนอาคารอีกหลังจะเป็นที่สำหรับทำเวิร์คชอป ย้อมผ้าแบบไอโซะเมะ และร่มญี่ปุ่น วะกาซะ (Wagasa 和傘) ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ส่งต่อองค์ความรู้ที่มีเกี่ยวกับเรื่องของการย้อมครามแบบดั้งเดิม ให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นได้สานต่อเช่นกัน
มาทดลองย้อมผ้าคราม อะวะไอ 阿波藍(awa-ai)กันค่ะ
เราสามารถเลือกได้ว่าอยากทำอะไร มีหลายอย่างให้เลือกค่ะ เช่นผ้าเช็ดหน้า ผืนเล็ก กลาง ใหญ่ หรือ ผ้าพันคอ ถุงผ้าเป็นต้น ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามขนาดเฉลี่ยที่ 1,010 เยนไปจนถึง 5,090 เยน
ข้อดีของที่นี่คือเราสามารถเอาผ้า หรือของอื่นๆ เช่นหมวกผ้า เสื้อยืดตัวโปรดของเรามาย้อมสีที่นี่ได้ด้วยค่ะ
ค่าบริการคิดตามน้ำหนักของผ้า 1g30 เยน คนนึงได้ไม่เกิน 300gนะคะ และถ้ามาเป็นกลุ่มคณะ จะจำกัดน้ำหนักที่ 400gต่อ 1 กลุ่ม เนื่องจากต้องทะนุถนอมน้ำครามที่หมักไว้
คนที่ชอบครามอาจเคยได้ยินคำว่า “ครามนั้นมีชีวิต” มาบ้าง ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกันค่ะ “藍は生きている” ไอวะอิคิเตหรุ แปลตรงๆ คำก็จะได้ความหมายว่า ครามนั้นมีชีวิตเหมือนกับที่ไทยนั่นเอง…
ก่อนอื่น ครูผู้สอนจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของครามให้เราแบบกระชับๆ รวมไปถึงวิธีย้อมผ้าให้ออกมาเป็นลวดลายและเฉดสีที่ต้องการ
การออกแบบลายผ้า เราสามารถทำได้หลายแบบ เช่น แบบชิโบริโซเมะหรือผ้ามัดย้อม ให้ออกมาเป็นลวดลายต่างๆ ด้วยการพับหรือใส่ลูกแก้วด้านในแล้วมัดจุก เป็นต้น
ผู้เขียนชอบสีของท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆสีขาวประปราย จึงเลือกที่จะย้อมแบบ “มุราคุโมะโซเมะ むらくも染め“ คือการเอาผ้ามาขยำๆ แล้วม้วนๆ จุ่มลงในหม้อน้ำคราม (วิธีนี้ง่ายสุดในทุกๆ ลาย 55)
วิธีไล่เฉด จะใช้วิธีเลือกว่าต้องการความเข้มระดับไหน ครูจะเอาตัวอย่างเฉดสีมาให้เราดูค่ะ
ครั้งนี้เลือกสี “ไอ 藍” ค่ะ ขยำผ้าเป็นก้อนแล้วจุ่มลงในคราม 1 นาที บีบน้ำออกพอหมาดแล้วเอามาวางให้สัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ 1 นาที ทำแบบนี้สลับไปจนครบ 10 ครั้งแล้วล้างออก ก็จะได้เฉดสี “ไอ 藍” ที่เราต้องการค่ะ
(เฉดสีเป็นแค่ตัวอย่างนะคะ การจะทำให้ได้สีออกมาตามต้องการขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ รวมถึงเทคนิคของแต่ละคนด้วย)
และนี่คือผลงานของเราเอง…. ถึงจะไม่ได้ลายและสีตามที่คิดไว้
แต่ก็เป็นกระเป๋าใบเดียวในโลกที่มีคุณค่าต่อจิตใจมากๆ เลยแหล่ะ
พอทำเสร็จแล้วครูจะเอาไปทำให้แห้งและรีดจนออกมาสวยงาม เก็บงานให้แบบละเอียดเลยแหละค่ะ สุดท้ายจัดพับใส่ถุงพร้อมแผ่นพับบอกวิธีเก็บรักษาให้เสร็จสรรพ
มารู้จักกับ อะวะไอ 阿波藍(awa-ai) กันอีกซักนิด “ไอ” 藍 คือพืชชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นที่ให้สีครามไม่ต่างจาก ต้นคราม ต้นฮ่อม ของไทย
ในประเทศญี่ปุ่น จะเรียกกระบวนการย้อมสีฟ้าครามว่า 「ไอโซเมะ」(ไอคือชื่อของพืชที่ใช้หมักทำน้ำคราม โซเมะ แปลว่า ย้อม)สีฟ้าครามนี้ ทั่วโลกจะรู้จักกันดีในนาม 「JAPAN BLUE」นั่นเอง ซึ่งประวัติศาสตร์การย้อมผ้าของญี่ปุ่น ว่ากันว่ามีอายุยาวนานมากกว่า 1,200 ปีเลยทีเดียว
กว่าจะได้น้ำครามสำหรับย้อมผ้า ต้องผ่านกระบวนการหลากหลายที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เอาใบสดมาหมัก ฯลฯ จนได้มาเป็น「สุคุโมะ (蒅)」ที่เป็น 1 ในหัวใจหลักของการทำน้ำคราม
จังหวัดโทคุชิมะเป็นแหล่งผลิต 「สุคุโมะ (蒅)」อันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น และ「สุคุโมะ (蒅)」ที่ผลิตในจังหวัดโทคุชิมะจะเรียกว่า อะวะไอ 阿波藍(awa-ai)ซึ่งในสมัยก่อนจังหวัดโทคุชิมะก็ถูกเรียกว่า อะวะ (awa) เลยด้วย
ที่นี่ยังมีสินค้าจากผ้าย้อมคราม อะวะไอ จำหน่ายด้วย เช่น เครื่องประดับ เสื้อยืด ผ้าพันคอ และกระเป๋าผ้าเป็นต้น จะไปเลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกก็ได้ ส่วนท่านที่อยากลองทำเอง ก็ควรจองไปก่อนล่วงหน้านะคะ
ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยว เมืองมิมะ 美馬市観光交流センター:
https://www.city.mima.lg.jp/kankou/kankouannai/miru/kouryu-center.html
ติดต่อจองการย้อมผ้าคราม อะวะไอ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางอีเมล์ info@mimakankou.or.jp หรือโทร 090-3188-3711 (ภาษาญี่ปุ่น)
วันทำการ หยุดทุกวันสิ้นปีและขึ้นปีใหม่ (31 ธันวาคม – 1 มกราคม)
เวลาทำการ 09.00 – 17.00 น. / ปิดเข้าทำรอบสุดท้าย 15.00 น.
พิกัด https://goo.gl/maps/quQgEvcEQxJqAGgh6
ท้ายนี้ ขอส่งความรักและห่วงใย ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท แม้เราจะคิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้วก็ตาม หมั่นล้างมือทำความสะอาดบ่อยๆ หลีกเลี่ยงจุดที่มีผู้คนแออัดกันนะคะ
ตามสถานที่ต่างๆ ที่เราไปเที่ยวกันครั้งนี้ ถือว่ามีการเตรียมพร้อมที่ค่อนข้างดีทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดคิวเข้าสถานที่แต่ละแห่งเพื่อลดความแออัด หรือเครื่องวัดอุณหภูมิ แอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น
เมื่อทุกอย่างพร้อมและสมควรต่อการเดินทาง หวังว่าทุกๆ ท่านจะเดินทางมาเที่ยวที่ภูมิภาคชิโกกุกันอีกนะคะ
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวสวนโมเน่ต์ มาร์โมแต็ง (Monet Marmottan) จังหวัดโคจิ
– ตลาดวันอาทิตย์ที่มีมากว่า 300 ปี ของจังหวัดโคจิ
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 2 “Ehime”
– 10 สถานที่ว๊าวๆ ใน Tokushima ที่ต้องไปให้ได้
– Umaji หมู่บ้านส้มยูสุที่โด่งดังได้เพราะความมุ่งมั่นไม่ท้อถอย
#ตื่นเต้นระทึกใจกับธรรมชาติลึกลับในภูมิภาคชิโกกุ – จังหวัดโทคุชิมะ