เราพยายามเป็นตัวแทนเยาวชนไทยทวงสิทธิ์ที่เด็กไทยพึงมีโดยการตัดสินใจทำเรื่องอย่างหนึ่ง วินาทีนั้นก็มาถึง เราเดินเข้าไปหาคุณเอซากิ รวบรวมความกล้าและถามว่า “ทำไมคุณเอซากิไม่ทำป๊อกกี้ที่เมืองไทยให้อร่อยเหมือนที่ญี่ปุ่นคะ”
วันนี้ นั่งดูไดอารี่เก่าๆของตัวเอง เผอิญไปเจอหน้านึงเขียนว่า…
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 25XX
วันนี้ ประธานบริษัทกูลิโกะ คุณเอซากิ มางานเลี้ยงที่มหาลัย ได้ไปแลกนามบัตรคุยกับเขาด้วย เราพยายามเป็นตัวแทนเยาวชนไทยทวงสิทธิ์ที่เด็กไทยพึงมีโดยการตัดสินใจทำเรื่องอย่างหนึ่ง วินาทีนั้นก็มาถึง เราเดินเข้าไปหาคุณเอซากิ รวบรวมความกล้าและถามว่า “ทำไมคุณเอซากิไม่ทำป๊อกกี้ที่เมืองไทยให้อร่อยเหมือนที่ญี่ปุ่นคะ”
คุณเอซากิตั้งอกตั้งใจฟังและตอบอย่างจริงจังว่า “เมืองไทยอากาศร้อนมากนะครับ ถ้าเราเอาช็อคโกแล็ตสูตรป๊อกกี้ญี่ปุ่นไปใช้ ช็อคโกแล็ตคงละลายหมดแน่ๆ เราเลยต้องปรับสูตรนิดหน่อยครับ ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะครับ”
นั่นคือวีรกรรมที่ดิฉันทำไว้ตอนอยู่มหาลัยปี 2 ค่ะ เป็นการต่อสู้เพื่อปากท้องของเด็กไทยที่สมควรจะได้กินขนมอร่อยๆเหมือนเด็กญี่ปุ่นบ้าง แม้ดิฉันจะไม่ประสบความสำเร็จในการชักจูงคุณเอซากิในการปรับสูตรป๊อกกี้ไทย แต่หลังจากนั้น 4-5 ปี กูลิโกะก็เริ่มนำเข้าป๊อกกี้จากญี่ปุ่นมาขายในเมืองไทย
การทวงสิทธิ์เยาวชนซึ่งเป็นวีรกรรมอันกล้าหาญของดิฉันในวันนั้น อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีกูลิโกะ Made in Japan ขายที่เมืองไทยในวันนี้ก็ได้ เพื่อเป็นที่ระลึกวีรกรรมครั้งนี้ ดิฉันขอเล่าเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับกูลิโกะและขนมป๊อกกี้แบบไร้สาระสไตล์เกตุวดีตามเคยนะคะ
1. ป๊อก .. ป๊อก … ป๊อก … ป๊อกกี้
ป๊อกกี้ถือกำเนิดเมื่อปีค.ศ. 1966 ค่ะ หน้าตาก็พื้นๆ แบบรูปข้างล่างนี้ ชีวิตเขายังไม่ค่อยมีสีสันเหมือนทุกวันนี้สักเท่าไร
ตอนที่บริษัทกำลังค้นคว้าหาสูตรป๊อกกี้นั้น พนักงานตั้งชี่อเจ้าขนมแท่งๆ นี้ว่า “ช็อคโก้เท็ค” ไปพลางๆ แต่พอจะทำขาย บริษัทกูลิโกะพบว่าชื่อ “ช็อคโก้เท็ค” นี้มีบริษัทอื่นใช้อยู่แล้ว เลยเปลี่ยนเป็นชื่อ “ป๊อกกี้”แทน เพราะตอนกินเจ้าขนมนี้ มันหักดังป๊อก ป๊อก ป๊อก
จะว่าไป พวกเราก็โชคดีมากที่มีบุญได้เรียกชื่อน่ารักๆ แบบ “ป๊อกกี้” ไม่ต้องทนเรียกชื่อยาวๆ เนิร์ดๆ แบบ“ช็อคโก้เท็ค” จริงไหมคะ
2. หลายสมญานาม
แม้ประเทศไทยจะมีขนม “ฮ๊อกกี้” ซึ่งพยายามจะสร้างความสับสนในหมู่ประชาชนระหว่าง “ป๊อกกี้” กับแบรนด์ “ฮ๊อกกี้” ของตัวเอง คนไทยยังคงเรียกป๊อกกี้ว่าป๊อกกี้ ไม่มีปัญหาความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นสักเท่าไร
แต่ถ้าคุณไปประเทศต่างๆ ต่อไปนี้ คุณอาจสับสนว่า เอ๊ะ ขนมหน้าคุ้นๆ แบบนี้สร้างมาเลียนแบบป๊อกกี้หรือเปล่า มีชาติไหนกล้าหยามป๊อกกี้เหมือนที่ฮ๊อกกี้ทำด้วยเหรอ ชื่อขนมต่างๆ ต่อไปนี้ เป็นนิคเนมของน้องป๊อกกี้เราทุกอันเลยล่ะค่ะ
ในมาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ชื่อขนม “Pocky” จะทำร้ายจิตใจประชาชนมาก เนื่องจากเสียงคล้ายคำว่า “Porky” เป็นการเย้ายวนให้เยาวชนนึกถึง Pork หรือหมูนั่นเอง กูลิโกะเลยจำใจต้องเปลี่ยนชื่อจากขนม “Pocky” เป็นขนม “Rocky” แทน
ถัดมาไปไกลอีกนิด ข้ามไปดูพี่จีนกัน อย่าตกใจถ้ามีเด็กวิ่งมาหาคุณแล้วบอก “ไป่ฉีๆ” ไม่ต้องรีบอุ้มเด็กเข้าห้องน้ำไปฉี่นะคะ แต่เด็กๆ เค้ากำลังเรียกร้อง “ป๊อกกี้” จากคุณต่างหาก
“百奇” ไป่ฉี แปลว่า ความน่าฉงนสนเท่ห์ร้อยประการค่ะ (ตกลงขนมนี้มันดีหรือไม่ดี…)
3. มีวันสำคัญเป็นของตัวเอง
เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปีเฮเซที่ 11 (ค.ศ. 1999) กูลิโกะได้จัดให้วันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันป๊อกกี้และเพรทซ์ค่ะ เป็นเพราะรูปทรงเจ้าขนมแท่งๆ 2 แบรนด์นี้ไปคล้ายคลึงกับเลข 1 นั่นเอง
เป็นที่น่าเสียดายว่า ไม่มีบริษัทเอกชนหรือหน่วยงานราชการใดผลักดันให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการอย่างจริงจัง เด็กญี่ปุ่นก็ต้องไปเรียนตามปกติ จะมีดีหน่อยตรงที่ซื้อป๊อกกี้ได้ราคาถูกลง หรือมีอีเว้นท์ต่างๆ จากป๊อกกี้เท่านั้นเอง
4. เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้บริโภค
นอกจากป๊อกกี้จะสรรหารสชาติใหม่ๆมาให้พวกเราลิ้มลองกัน อาทิ รสอัลมอนด์เอย รสดาร์ค ช็อคโกแล็ตเอย ป๊อกกี้ยังพยายามฝึกทักษะความคิดสร้างสรรค์ของผู้บริโภคโดยการจัดแคมเปญ “เดโคะ-ป๊อกกี้” หรือ“Decorate Pocky” นั่นเองค่ะ
ป๊อกกี้โฆษณาว่า “เฮะ เฮ้ ซาร่า… ป๊อกกี้ที่คุณถืออยู่ไม่ใช่ป๊อกกี้ธรรมดาอีกต่อไป คุณสามารถเปลี่ยนลุ้คป๊อกกี้ของคุณใหม่ได้ด้วยวิธีต่างๆ ต่อไปนี้”
พอสาวกป๊อกกี้เห็น ก็จะอุทานว่า “โอ๊ววว มันเยี่ยมมากเลยป๊อกกี้” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าครัวลองเปลี่ยนลุ้คป๊อกกี้ให้เป็นสไตล์ของตัวเอง
5. สัญลักษณ์ “Goal-in”
ใครไปถึงโอซาก้า แล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับป้ายนีออนกูลิโกะนี้ ถือว่าเสียเกียรติ์นักท่องเที่ยวไทยผู้คลั่งไคล้การถ่ายรูป
ในภาษาญี่ปุ่น สัญลักษณ์นี้ชื่อ “Goal-in” แปลว่า วิ่งเข้าเส้นชัย หมายความว่า กูลิโกะจะวิ่งไปข้างหน้าเพื่อนำขนมอร่อยๆ ดีต่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคค่ะ
แต่ทุกท่านทราบไหมคะว่า เดิมที สัญลักษณ์กูลิโกะไม่ได้เป็นหนุ่มล่ำสันแบบนี้ แต่เป็นหนุ่มจ๋องกร๋อยแบบภาพด้านล่างค่ะ
ในปี 1928 กูลิโกะตัดสินใจเปลี่ยนสัญลักษณ์หลังจากแฟนๆ กดดัน สาเหตุสำคัญในการตัดสินใจเปลี่ยนเนื่องมาจากมีนักเรียนสาวญี่ปุ่นหลายคนบ่นว่า “อีตานักวิ่งในตรากูลิโกะหน้าตาน่ากลัวมาก” กูลิโกะเฮิร์ทไปสักพักแล้วก็เร่งผลิตดีไซน์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องตามภาพด้านล่างเลยค่ะ
จบแล้วสำหรับเรื่องราวกูลิโกะและป๊อกกี้ภาคเกตุวดี ใครมีเรื่องราวความประทับใจอะไรเกี่ยวกับกูลิโกะ แชร์บอกกันด้วยนะคะ
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura