มิโยะชิบอกว่า “ถึงแม้คนรอบตัวผมจะหัวเราะใส่ผมและพูดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน ผมคิดถึงมันอยู่เสมอ และก็มุ่งมั่นทำให้ฝันของผมเป็นความจริง”
เอ็ตสึโอะ มิโยะชิ (Etsuo Miyoshi) ซีอีโอของบริษัทสวอนนี่ คอร์ปอเรชั่น (Swany Corporation) ในวัยเด็กเคยป่วยเป็นโรคโปลิโอ ทำให้ขาขวาของเขาลีบและอ่อนแรงกว่าปกติ ในตอนที่เขาอายุ 23 ปี เขาขอผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแฟนแต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย จึงคิดว่าสภาพร่างกายที่ไม่ปกติทำให้ตนถูกปฏิเสธ
เขาท้อแท้เสียใจจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าและเคยคิดจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ชีวิตของเขาก็หักเหเมื่อได้อ่านประโยคประโยคหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขา นั่นก็คือ “ทุก ๆ คนล้วนเกิดมาเพื่อทำภารกิจใดภารกิจหนึ่งของตัวเอง”
ประโยคนี้ทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อโลก เขาหายจากอาการซึมเศร้า แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานและช่วยพัฒนาบริษัทถุงมือของพ่อ
ในตอนที่มิโยะชิเข้ามาช่วยงาน บริษัทยังเป็นเพียงบริษัทถุงมือขนาดไม่ใหญ่และขายแต่ภายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น มิโยะชิคิดว่าหากต้องการเพิ่มยอดขาย เขาจะต้องขยายตลาดไปที่สหรัฐอเมริกา และหากจะไปได้เขาก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษ มิโยะชิจึงเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสองสามชั่วโมงต่อวันเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีเพื่อเตรียมตัวทำตามแผนของเขา
ในปี 1964 เขาเริ่มแบกกระเป๋าที่บรรจุถุงมือตัวอย่างมากมายไปด้วย และเดินทางไปหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาโดยเริ่มตั้งแต่นิวยอร์ก แต่เขามักถูกปฏิเสธตั้งแต่หน้าประตูในทุก ๆ ที่ที่เขาไป กระนั้นเขาก็ไม่ท้อแท้และมีความอดทนอย่างมาก หลังใช้เวลากว่าหกปีครึ่งซึ่งรวมถึงการไปเยือนสหรัฐอเมริกา 18 ครั้ง เขาก็ได้รับออร์เดอร์แรกจากบริษัทเซียร์ส (Sears) ของสหรัฐอเมริกา
ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของเขาในครั้งนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 38% ของยอดขายรวมของบริษัท หลังจากที่เริ่มขายสินค้าไปสหรัฐอเมริกา ถุงมือของสวอนนี่ คอร์ปอเรชั่นก็เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวอเมริกัน แต่บริษัทยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น และคิดหาทางที่จะเป็นผู้สนับสนุนนักกีฬาทีมชาติโอลิมปิกด้วย ในที่สุดทีมชาติสหรัฐก็ใส่ถุงมือของสวอนนี่ลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1998 ที่นางาโนะ ประเทศญี่ปุ่น
มิโยะชิเองยังเริ่มทำกระเป๋าเดินทางที่ช่วยแก้ปัญหาส่วนตัวของเขาเอง เนื่องจากขาข้างขวาอ่อนแรง มิโยะชิจึงต้องใช้แรงในการลากกระเป๋ามากกว่าปกติ และการเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ก็ทำให้เขามีปัญหาปวดขาอยู่เสมอ
มิโยะชิพัฒนากระเป๋าร่วมกับทีมงานเรียกว่า Walkin’Bag กระเป๋ารุ่นนี้สามารถลากได้ง่าย ๆ คล้ายไม้เท้าเพื่อให้ใช้ได้โดยไม่ต้องออกแรง เพราะกระเป๋ามีล้อที่เคลื่อนที่ได้ทั้ง 4 ล้อ มีหูจับแข็งแรง ยึดไว้ได้มั่นคง หรือแค่ผลักเบา ๆ กระเป๋าก็จะเลื่อนไปข้างหน้าได้ ในตอนแรกกระเป๋านี้เน้นขายกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนชราและคนพิการ ต่อมาจึงพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงกระเป๋าแบบที่สามารถดึงเก้าอี้ออกมาได้ด้วยจนเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางทั้งหลาย และในปี 2002 ก็ทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านเยน
มิโยะชิบอกว่า “ถึงแม้คนรอบตัวผมจะหัวเราะใส่ผมและพูดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน ผมคิดถึงมันอยู่เสมอ และก็มุ่งมั่นทำให้ฝันของผมเป็นความจริง”
เช่นเดียวกับสโลแกนของบริษัทที่ว่า “มันเป็นไปไม่ได้ จนกว่าเราจะทำขึ้นมาเอง”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ และแรงบันดาลใจดี ๆ แบบนี้ได้ในหนังสือ Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก ตามร้านหนังสือทั่วประเทศ
สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก
– เคล็ดลับความสำเร็จที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Uniqlo
– คนไทยทำงานกับญี่ปุ่น รู้สึกยังไงกันนะ
– ลูกน้องประเภทที่ติดไฟได้ ไม่ติดไฟ และลุกไหม้ได้เอง
– Ikigai คุณเกิดมาเพื่อทำอะไร?
– หลากหลาย…สไตล์เจ้านายญี่ปุ่น
#ประธานบริษัทถุงมือผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคทางกายและทางใจ