เมื่อไม่นานมานี้มีรัฐมนตรีเสนอให้เด็กไทย นอกจากจะเรียนภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ จะต้องเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ (coding) และท่านรัฐมนตรียังกล่าวว่า เรียนโค้ดดิ้งไม่ต้องใช้คอม เพราะเป็นการสอนให้คนไทยมีตรรกะในการแก้ปัญหา
ชายคนหนึ่งนำเครื่องจักรมาติดกับล้อ… เพื่อคิดว่าจะทำให้เราเดินทางไปหาคนที่เรารักและคิดถึงเร็วขึ้น… เขาโดนสังคมตั้งคำถามว่า ทำก็ยาก ต้นทุนก็แพงจะดีกว่ารถม้าได้ยังไง แต่สิ่งประดิษฐ์ที่เขาทำคือ รถยนต์… ที่เปลี่ยนโลกการคมนาคมของเราไปตลอดกาล
ชายคนหนึ่ง สร้างแพลตฟอร์มที่ให้เราเห็นว่าเพื่อนเรากำลังโพสต์รูป กดไลค์ เหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ นักกฏหมาย โจมตีหนักถึงฟ้องร้องกันว่านี่คือการทำผิดกฎหมาย ลุกล้ำความเป็นส่วนตัว มันจะสร้างปัญหาในโลกมากกว่าสร้างสรรค์ แต่วันนี้โลกก็รู้จักแพลตฟอร์มนี้ว่าเฟสบุ้ค
ไม่ว่าคุณคิดจะเสนอ หรือจะทำอะไร…อย่าว่าแต่ในโลกออนไลน์เลย แค่ที่ทำงานแค่กับในกลุ่มผองเพื่อน ไม่ว่ามันจะโคตรวิเศษแค่ไหน ทั้งๆ ที่คุณมองไม่เห็นข้อเสียเลย แต่เชื่อเถอะ คุณจะโดนคำถามเป็นร้อย ถึงความเหมาะสม ทรัพยากร หรือแม้แต่หัวหน้า ผู้บริหารเองเนี่ยแหล่ะ จะพูดว่า “ต้องไปศึกษาเพิ่มให้มากกว่านี้ก่อน ถึงจะทำได้”… และนี่แหล่ะคือประโยคที่จะฆ่าความหวังดีของเรา ไปตลอดกาล
และเมื่อไม่นานมานี้มีรัฐมนตรีเสนอให้เด็กไทย นอกจากจะเรียนภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ จะต้องเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ (coding) และท่านรัฐมนตรียังกล่าวว่า เรียนโค้ดดิ้งไม่ต้องใช้คอม เพราะเป็นการสอนให้คนไทยมีตรรกะในการแก้ปัญหา
หลังจากนั้นก็มีแรงกระเพื่อมในโลกออนไลน์มากมาย ทั้งเห็นด้วย และเห็นต่าง…
“จะสอนโค้ดดิ้งโดยไม่มีคอมพิวเตอร์ ก็เหมือนสอนให้คนตัดหญ้า โดยไม่มีกรรไกร”
“ว่าจะสอนยังไง เด็กจะเข้าใจและปฏิบัติ เรียนรู้กันได้ขนาดไหน แล้วทำไมต้องให้เด็กสายศิลป์ ต้องมารู้โค้ดดิ้ง”
แต่ทันทีที่ผมอ่านเรื่องนี้ มันทำให้ผู้เขียนนึกออกทันทีว่าเรากำลังพูดถึงวิชาที่ชื่อ 数理学 (อ่านว่า ซูริ กะคุ) ที่เรียนตอนปีหนึ่งในมหาลัยโตเกียว หากจะเปรียบเทียบคล้ายๆ ว่าเรากำลังเริ่มจากหนังปฐมบท ก่อนที่จะเข้าไปเรียนในจักรวาลการเขียนโปรแกรม…
ในความเห็นส่วนตัวของผม เอาจริงๆ มันเป็นวิชาที่สนุกและดีเลยนะ…
– วิชานี้สอนให้รู้ว่า ทำไมข่าวคนกัดหมา ถึงจะดังกว่าหมากัดคน และจะดังมากกว่ากันกี่เท่า
– วิชานี้สอนให้รู้ว่า หากเรามีของหลายๆ ชิ้นต้องไปส่งทั่วจังหวัด เราควรจะคิดยังไง เพื่อให้ประหยัดเวลาในการส่งที่สุด (โตขึ้นไป ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็น Kerry ก็ได้ ^^)
– วิชานี้สอนให้รู้ว่า แฟนคนแรกของเรา มักจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่เราควรแต่งงานด้วย (อุ้ย นึกว่ามุกใช่ไหมครับ แต่ตอนที่อาจารย์สอนวิชานี้ แกสามารถอธิบายเป็นคณิตศาสตร์ได้จริง !!)
และที่สำคัญอาจารย์อธิบายเรื่องทุกอย่างบนกระดาน… ไม่มีคอมพิวเตอร์ และไม่แบ่งแยกด้วยซ้ำว่าเด็กที่เรียนจะต้องเป็นสายวิทย์หรือสายศิลป์
และเพราะประเทศญี่ปุ่นเองช่วงหลังมานี้ขาดโปรแกรมเมอร์ในตลาด ทางรัฐบาลเลยจริงจังขนาดให้วิชา coding เป็นวิชาบังคับของเด็กประถมทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2020 (เขาคงเชื่อของเขาว่าจริงๆ เด็กชาติเขาเองมีลอจิกที่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมาเน้นกระบวนการคิดเพิ่มแล้ว สอนให้เด็กมันเขียนโปรแกรมไปเลย)
ส่วนประเทศไทยเองล่ะ… พวกเรามักจะนึกว่า เราคงล้าหลัง เด็กเราเอาแต่ท่องจำคิดไม่เป็น แถมยังมีผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองไม่เข้าใจอีก ว่าโค้ดดิ้ง coding คืออะไร มาบอกว่าไม่ต้องใช้คอม เขียนโปรแกรมอีก… เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว
แต่ไม่ใช่… เรามีคนไทยที่เป็นอดีตนักเรียนคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ได้ทุนไปเรียนที่ Carnegie Mellon University มหาลัยที่เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของเทคโนโลยีของอเมริกา เขาเคยฝึกงานที่กูเกิ้ล และชายคนนี้นี่แหล่ะ ก็เป็นตัวตั้งตัวตีให้เรามี หลักสูตรที่ชื่อว่า “วิทยาการคำนวณ” (Computing Science) – ซึ่งมันตรงกับภาษาญี่ปุ่น วิชาซูริพอดี - ซู 数 คือคณิต, การคำนวณ ริ 理 คือวิทยาศาสตร์ วิทยาการ
ผมรู้จักคนเขียนหลักสูตรนี้พอตัวทีเดียว เพราะเขาเข้าค่ายโอลิมปิกในปีใกล้ๆ กับผม และผมก็ตามไปอ่านหนังสือเรียนวิทยาการคำนวณที่วางขายตามศูนย์หนังสือจุฬาหลายที มันเป็นเรื่องเด็กสองคน ชื่อโป้งกับก้อย (คล้ายๆ กับที่พวกเรารู้จัก มานีมานะ แก้ว กล้า ประมาณนี้แหล่ะ) แต่แค่สองคนเดี๋ยวไม่ล้ำพอ เลยมีตัวละครชื่อ อิ่มเป็นหุ่นยนต์มาแจมด้วย
พวกเขาจะพาเราไปผจญภัยในยุคที่ความคิดและข้อมูลคือสิ่งค้ำจุนโลกใบนี้ มีปัญหาให้ขบคิด การเรียงลำดับการทำงาน สอนให้เด็กรู้จักคำว่า อัลกอริทึ่ม แถมสอดแทรกจริยธรรม เช่น เรื่องชัวร์ก่อนแชร์อีก
แน่นอน…ไม่ว่าคุณจะทำอะไรคำถามมากมายจะวิ่งเข้ามาท้าทายคุณ การถูกนำไปเปรียบเทียบกับชาติญี่ปุ่น เช่นว่า ความพร้อมของครูไทย สื่อ เครื่องมือในโรงเรียน รวมทั้งคำถามว่า เด็กไทยจำเป็นต้องเรียนไอ้เรื่องนี้จริงหรือเปล่า มีอะไรสำคัญกว่านี้ที่เรามองข้ามไปไหม?
แต่นี่คือก้าวสำคัญของเรา… หากเรายังเชื่อว่าสังคมไทยในอนาคต การคิดอย่างมีระบบระเบียบ จะสำคัญกว่าการหาคอนเน็คชั่นหรือการหาพวกพ้อง… วิชาวิทยาการคำนวณอาจจะเป็นคำตอบ…. แต่ถ้าไม่ใช่… เราจะกลับไปสู่ประโยคเดิม…..
“ต้องไปศึกษาเพิ่มให้มากกว่านี้ก่อน ถึงจะทำได้”…
PS แถมเพิ่มครับ
1. รัฐบาลเราก็ส่งเสริมใช่น้อย อุตส่าห์เอา BNK48 มาช่วยโปรโมท
CodingThailand X BNK48 The Inspiration Series – สนุกกับ Coding ในชีวิตประจำวัน
โครงการ Coding Thailand โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินโครงการ Coding Thailand พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับประเทศ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และวิทยาการคอมพิวเตอร์ รวมถึงฝึกฝนกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ต่อยอดความคิดเป็นนวัตกรรมดิจิทัล อันเป็นฐานรากสำคัญในการพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลเพื่อเข้าสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สนุกกับการเข้าสู่โลกของโค้ดดิ้ง ได้ที่ : www.CodingThailand.orgติดตามความเคลื่อนไหว FB Fanpage : CodingThailand by depa
تم النشر بواسطة OBEC في الجمعة، ٢٢ مارس ٢٠١٩
เรื่องแนะนำ :
– [ทดความคิด] เมื่อคุณต้องเลือก… ตามกฎหรือแหกมันซะ?
– [เรื่องสั้น ทดความคิด] เครื่องจักรผีสิง
– [ดราม่าฤดูฝน] สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ซาลารี่แมน
– [ทดความคิด] “เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น” แล้วคุณจะรักกับสิ่งที่เรียกว่าปัจจุบัน
– [ทดความคิด] ฉันอยู่นี่ ศัตรูที่รัก