เวลาเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น สิ่งที่จะพบเห็นบนโต๊ะอาหารนั้น จะต้องมีซอสโชยุวางอยู่บนโต๊ะควบคู่กับเครื่องปรุงรสอื่นๆ จึงมั่นใจได้เลยล่ะว่าทุกคนที่ทานอาหารญี่ปุ่นต้องรู้จัก ซอสโชยุ (醤油, Shoyu) หรือซอสถั่วเหลืองของญี่ปุ่นกันแน่ๆ แต่วันนี้เราจะทำให้คุณรู้จักกับซอสโชยุกันมากขึ้นค่ะ ^^
เวลาเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น สิ่งที่จะพบเห็นบนโต๊ะอาหารนั้น จะต้องมีซอสโชยุวางอยู่บนโต๊ะควบคู่กับเครื่องปรุงรสอื่นๆ จึงมั่นใจได้เลยล่ะว่าทุกคนที่ทานอาหารญี่ปุ่นต้องรู้จัก ซอสโชยุ (醤油, Shoyu) หรือซอสถั่วเหลืองของญี่ปุ่นกันแน่ๆ แต่วันนี้เราจะทำให้คุณรู้จักกับซอสโชยุกันมากขึ้นค่ะ ^^
โชยุมาจากอะไร
อย่างที่บอกค่ะว่าเราจะมาทำความรู้จักกับซอสแสนอร่อยที่เป็นเครื่องสุดฮิตที่มี ไว้ทานกับซูชิ หรืออาหารญี่ปุ่นอีกหลายๆ เมนู ซอสโชยุเป็นซอสถั่วหลืองซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มทำมาจากเมล็ด ถั่วเหลืองและข้าวสาลี ผ่านกระบวนการหมักด้วยเชื้อรา Aspergillus Oryzae หรือเชื้อรา Aspergillus Sojae หลังการหมักจึงได้เป็น ของเหลวซึ่งก็คือ ซอสโชยุ ส่วนกากที่ได้ก็จะถูกนำเอามาใช้เป็นอาหารสัตว์
ซอสถั่วเหลืองเป็นส่วนผสมแบบดั้งเดิมทางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของ โซนเอเชีย โดยในแถบนี้จะมีการใช้ซอสถั่วเหลืองในการปรุงอาหารมาก ซึ่งอันที่จริงต้นกำเนิดของเจ้าซอสนี่..มันอยู่ที่ประเทศจีนเมื่อราว 2,800 ปีก่อน แล้วความนิยมก็แพร่หลายไปทั่วเอเชีย และยังได้รับความนิยมไปถึงอาหารของชาวตะวันตกด้วย เวลาผ่านมาจนถึงทุกวันนี้จึงไม่มีใครที่ไม่รู้จักซอสถั่วเหลือง คนญี่ปุ่นซึ่งเรียกซอสถั่วเหลืองว่า “โชยุ” ก็ให้ความสำคัญมาก จนสามารถพบเห็นเจ้าโชยุนี้อยู่บนโต๊ะอาหารของคนญี่ปุ่นเสมอๆ
ต้นกำเนิดของซอสโชยุ
อย่างที่กล่าวไปแล้ว ซอสถั่วเหลืองนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยตัว โชยุ 醤 ภาษาจีนอ่านว่า jiang ถูกนำเข้ามาที่ญี่ปุ่นในช่วงยุคนาระ หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาซอสถั่วเหลืองจนมาเป็นซอสโชยุ และถึงยุคเฮอันโชยุก็ได้รับความนิยมมากจนเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารในแต่ละ วันได้เลยคะ ช่วงต้นยุคเอโดะจึงได้มีการพัฒนาจนได้โชยุที่ทันสมัยขึ้นอีกคือ โคอิคุชิ (Koikushi) รสชาติเข้มข้นขึ้น และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะโด่นเด่นในช่วงยุคเมจิ
ประเภทของซอสโชยุและวิธีการใช้งาน
Koikushi (こいくち)
ซอสที่มีการใช้ถึง 80% ในปัจจุบันเหมาะแก่การปรุงอาหารทั่วไป เช่น การของต้ม การผสม
Usukuchi (うすくち)
ซอสถั่วเหลืองแบบจืด นิยมใช้ปรุงอาหารกันมากในแถบคันไซ
Tamari (たまり)
ซอสที่มีความเข้มข้น เหมาะกับอาหารประเภทต้ม และเทอริยากิ
Saishikomi (さいしこみ)
ซอสสถั่วเหลืองที่หวาน จนได้ชื่อเรียกว่า ซอสถั่วเหลืองน้ำหวาน
Shiro (しろ)
เป็นซอสถั่วเหลืองสีซืดๆ ใช้เวลาขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงอาหาร
คุณประโยชน์และสารอาหารของซอสถั่วเหลืองนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ กรดอะมีโนเอซิด น้ำตาล และวิตามีนบี 2 แถมยังมีโซเดียมอีกด้วย ทั้งหมดนั้นเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นในวัยผู้ใหญ่ ลดการเกิดโรคพากินสัน เป็นต้น แถมยังช่วยให้เราดูเปล่งปลั่ง แค่เหยาะเดียวประโยชน์มหาศาล แต่อย่าลืมนะคะว่ามันเค็ม ทานในปริมาณที่เหมาะสม เดียวโรคไตถามหาไม่รู้ด้วยนะ ^^
นอกจากจะทำให้อาหารของเรามีสีสันน่ารับประทานแล้ว ซอสโชยุยังมีวิตามินมากมายๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย อย่างนี้เรียกว่าพลังคูณสองเลยจริงมั้ยคะ ทั้งทำให้อาหารของเราอร่อยแล้วยังให้คุณประโยชน์อีก มีประโยชน์ขนาดนี้น่าจะไปซื้อมาติดบ้านไว้ซักขวดสอง น่าจะดีนะคะ^^
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.soya.be/shoyu.php
http://en.wikipedia.org/wiki/Soy_sauce
https://www.soysauce.or.jp/rekishi/index.html
http://www.shejapan.com/jtyeholder/jtye/living/shoyu/soyhis.html