ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 3 “Kochi” .. ผ่านไปแล้ว 2 จังหวัด สำหรับทริปเที่ยวเกาะ Shikoku งั้นเรามาต่อกันที่จังหวัดสุดท้ายของทริปนี้กันเลย (^0^)/Ehime
ผ่านไปแล้ว 2 จังหวัด สำหรับทริปเที่ยวเกาะชิโกกุ (Shikoku) เรามาต่อกันที่จังหวัดสุดท้ายของทริปนี้กันเลย จังหวัด Kochi
โดยเกาะ Shikoku มีชื่อเสียงในเรื่องของเส้นทางแสวงบุญที่มีระยะทางรวมถึงกว่า 1,200 กิโลเมตร ผ่านศาสนสถานถึงแห่งใน 88 แห่ง ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีผู้แสวงบุญชาวญี่ปุ่นในชุดขาวให้เห็นกันอย่างชินตา และชาวชิโกกุ ก็ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมการเอื้อเฟื้อต่อผู้แสวงบุญ และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
แต่กระนั้นนี้ ทุกจังหวัดในเกาะ Shikoku ก็ยังมีความโดดเด่น ที่เป็นเอกลักษณ์ไปซ้ำกัน อย่างที่หลายๆ ท่าน อาจจะได้สังเกตเห็นมาบ้างแล้ว ในบทความทั้งสองตอนที่ผ่านมา ของจังหวัด Kagawa และจังหวัด Ehime
และในตอนสุดท้ายของทริปนี้ เราจะไปเยือนจังหวัด Kochi (ชื่อเดิม Tosa) … มาติดตามกันเลยว่า นอกจากความโดดเด่น ในเรื่องเทศกาลเต้นระบำพื้นเมือง Awa Odori และ Yosakoi Soran แล้ว Kochi ยังมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างT
The Sakamoto Ryoma Memorial Museum
The Sakamoto Ryoma Memorial Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เชิดชูคุณงามความดีของซามูไรหัวก้าวหน้า ผู้ที่ทำให้การปกครองของญี่ปุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ (Meiji Restoration) บุคคลท่านนั้นก็คือ “Sakamoto Ryoma” ชาวจังหวัด Kochi ที่เกิดเมื่อปี 1835 ท่านเป็นผู้ที่ทำให้เกิดโอกาสในการล้มล้างระบอบโชกุนตระกูล Tokugawa ขึ้นมา จึงถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของจังหวัดนี้เลยทีเดียว
มีการเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงท่านอยู่เสมอ ถึงขนาดจัดเป็นเทศกาล (Ryoma Festival) โดยจัดเป็นประจำทุกปีในวันอาทิตย์ที่ใกล้เคียงกับวันที่ 15 พ.ย. มากที่สุด (วันเกิดของท่าน Ryoma) ณ ชายหาด Katsurahama ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับ The Sakamoto Ryoma Memorial Museum แห่งนี้นี่เอง
ถ้าท่านผู้อ่านท่านใด อยากทำความรู้จักกับ Sakamoto Ryoma ให้มากขึ้น แนะนำให้ลองดูซีรีส์ญี่ปุ่นย้อนยุคเรื่อง “Ryomaden” ซึ่งเคยนำมาออกอากาศในเมืองไทยกันดู นักร้องนักแสดงคนดังอย่าง Fukuyama Masaharu ที่เป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ ทำให้ท่าน Ryoma เป็นที่จดจำมากขึ้นเลยทีเดียว
ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ สร้างขึ้นในปี 2017 (ปีกใหม่สร้างเสร็จในปี 2018) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ครบวงจรมาก เล่าทั้งประวัติศาสตร์บุคคล ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยเล่าด้วยวิธีที่มีความทันสมัย แต่เนื้อหาอัดแน่น
โดยเฉพาะเรื่องราวของท่านเรียวมะนี่ จัดมาเต็มมา ตั้งแต่เกิด แต่งงาน ฮันนีมูน (คู่ของท่านได้รับการขนาดนามว่าเป็นคู่ฮันนีมูนคู่แรกของญี่ปุ่น) กลายเป็นนักดาบ วางแผนการใหญ่ จนกระทั่งถูกลอบสังหาร ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้ฉายานามอีกอย่างว่า “Temple of Ryoma” เลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์แบบนี้ บอกเลยว่าครึ่งวันก็อยู่ได้
และก่อนจะอำลาจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ หากท่านรู้สึกปลาบปลื้มกับสิ่งที่ท่านเรียวมะทำ ก็อย่าลืมจับมือกับรูปปั้นท่านเรียวมะ บริเวณด้านหน้าสักนิด … อย่างเรานี้ รู้สึกว่าได้รู้จักกับคนจริง!! ศรี Kochi ขึ้นมาเลยทีเดียว
The Sakamoto Ryoma Memorial Museum
ที่ตั้ง : 830 Urado-shiroyama, Kochi-shi, Kochi, 781-0262
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป 700 เยน (เฉพาะช่วงที่มีนิทรรศการหมุนเวียน Rotating Exhibition) ถ้าช่วงไหนไม่มี ค่าเข้าจะอยู่ที่ 490 เยน
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ My Yu Bus จากสถานี JR Kochi ไปประมาณ 50 นาที ลงที่ป้าย Ryoma Kinenkan-mae ที่อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย
เว็บไซต์ :
https://www.ryoma-kinenkan.jp/country/en/
http://visitkochijapan.com/things_to_do/museum/sakamoto_ryoma_memorial_museum.html
Katsurahama Beach
ชายหาดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิค (Tosa Bay) ได้อย่างเต็มๆ ตา เดินมาได้จาก The Sakamoto Ryoma Memorial Museum
และก่อนจะลงไปถึงบริเวณของชายหาด (แหลม Ryuzu) ก็จะมีอนุสาวรีย์ของท่านเรียวมะ เป็นรูปปั้นทองเหลืองสูง 13.5 เมตร (44 ฟุต) ให้ได้ชื่นชมอีกด้วย
Katsurahama เป็นชายหาดเล็กๆ รูปพระจันทร์เสี้ยว มีความยาวประมาณ 500 เมตร อยู่ระหว่างแหลม Ryuzu กับแหลม Ryuo มีแนวต้นสนญี่ปุ่น เรียงรายกันอยู่อย่างสวยงาม มีศาลเจ้าชินโตเล็กๆ เป็นที่สักการะสำคัญของคนในท้องถิ่น นอกจากนี้และในบริเวณชายหาดยังเป็นที่ตั้งของ Katsurahama Aquarium ที่เปิดให้ชมสัตว์ทะเลในท้องถิ่นอีกด้วย
โดยรวมแล้วชายหาดแห่งนี้ น่าจะเรียกว่าเป็น Park หรือสวนสาธารณะมากกว่า เหมาะกับการมาเดินเล่นชมวิวแสนสวยอย่างสงบๆ (ลืมเรื่องเล่นน้ำไปได้เลย ที่นี่ไม่เหมาะ ไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้นด้วย แถมน้ำก็เย็นเว่อร์) และที่นี่ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นจุดชมจันทร์ที่ดีมาก มากับคู่รักน่าจะดี
Katsurahama
ที่ตั้ง : Urado, Kochi-shi, Kochi, 781-0262
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ My Yu Bus จากสถานี JR Kochi ไปประมาณ 50 นาที ลงที่ป้าย Katsurahama ได้เลย
เว็บไซต์ : http://visitkochijapan.com/things_to_do/nature/katsurahama_beach.html
Kochi Castle
ปราสาทโคจิ (Kochi Castle) เคยเป็นปราสาทของท่านเจ้าเมืองตระกูล Yamauchi ที่ปกครองพื้นที่แถบนี้ในสมัยเอโดะ ซึ่งในอดีตเรียกพื้นที่แถบนี้โดยรวมว่า Tosa โดยใช้เป็นทั้งสถานที่พำนักและเป็นจุดยุทธศาสตร์ในทางทหารด้วย ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถึง 15 อย่าง
ปราสาทโคจิสร้างขึ้นในปี 1603 เป็น 1 ใน 12 ปราสาทญี่ปุ่นที่ไม่เคยถูกทำลาย ไม่ว่าจะเนื่องมาจากสงคราม เพลิงไหม้ หรือภัยธรรมชาติ ในช่วงยุคศักดินา ซึ่งถือว่าหาได้ยากยิ่ง และแม้จะเคยเกิดไฟไหม้ในยุคหลัง ก็ได้รับการบูรณะใหม่เป็นอย่างดีในปี 1753 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปราสาทโคจิถือเป็นจุดชมซากุระที่สำคัญของเมือง รวมทั้งยังมีการประดับไฟ (Illumination) ในยามค่ำอีกด้วย
Kochi Castle
ที่ตั้ง : 1-2-1, Marunouchi, Kochi-shi, Kochi 780-0850
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ปิดบริการช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 420 เยน
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถราง (tram) สถานี Kochijo-mae มาเพียง 3 นาที แต่ถ้าเดินจากสถานี JR Kochi จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ :
http://kochipark.jp/kochijyo/side-contents/pamphlet (ภาษาญี่ปุ่น)
http://visitkochijapan.com/things_to_do/history/kochi_castle.html
Hirome Market
Hirome Market เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราสาท Kochi และสามารถตอบโจทย์ด้านอาหารได้ทั้งสำหรับคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว จึงค่อนข้างพลุกพล่าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาอาหารกลางวันและอาหารเย็น เพราะโซนอาหารที่นี่ค่อนข้างใหญ่ และมีร้านอาหารสไตล์แผงลอยให้เลือกหลากหลาย แทบจะทุกสัญชาติ มีร้านค้ารวมๆ แล้วถึงราว 65 ร้าน
และแม้ในตอนกลางวัน ก็จะเห็นผู้คนมานั่งกิน เม้าท์ และดื่ม! กันเพียบ สมกับฉายาครัวแห่งโคจิ หรือ Kochi’s Kitchen มากเลยทีเดียว
ตลาดแห่งนี้ ตั้งชื่อตามท่านหัวหน้าผู้รับใช้ของท่านเจ้าเมือง Tosa (ชื่อเดิมของจังหวัด Kochi) ท่านมีชื่อเต็มๆ ว่า Shigeaki Hirome Fukao ท่านรับใช้ท่านเจ้าเมือง Tosa ถึง 4 รุ่น และเป็นที่รักของชาวเมืองในยุคนั้นมากทีเดียว
Hirome Market
ที่ตั้ง : 2-3-1 Obiya-machi, Kochi-shi, Kochi 780-0841
เปิดบริการ : 08.00 – 23.00 น. / 07.00 – 23.00 น. (วันอาทิตย์)
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kochi ประมาณ 15 นาที แต่สามารถเดินทางสถานี Ohashi Dori ของรถราง (tram) ได้เพียง 1 นาที
เว็บไซต์ :
http://hirome.co.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
http://visitkochijapan.com/things_to_do/tourist_attractions/hirome_market.html
Myojin Maru
เมนูดังของจังหวัด Kochi ก็คือ Katsuo Tataki หรือปลาโอย่างฟาง (มาคราวนี้ จัดไปหลายร้านเลย เอาให้ฟิน!) เมื่อมาถึงแหล่งอาหารทะเลสด อย่างตลาด Hirome ทั้งที นอกจากจะชมตลาดที่ค่อนข้างจะพลุกพล่าน (โดยเฉพาะในโซนร้านอาหาร) แห่งนี้แล้ว ก็ต้องเข้าร้านดัง ชิมเมนูเด็ดกันสิจ้ะ
ซึ่งร้าน Myojin Maru เป็นหนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงที่ให้บริการเมนู Katsuo Tataki ที่ปรุงจากปลา Katsuo สดๆ ที่จับได้มาในแถบนี้ ย่างฟางโชว์กันที่หน้าร้าน จนผิวด้านนอกหอมกลิ่นฟาง แต่เนื้อปลาด้านในยังมีความสดแบบซาซิมิ
จะกินคู่กับเกลือป่นเฉยๆ ก็ได้ หรือจะนำมาจิ้มกับซอสพอนสึ (ponsu) ที่มีรสเปรี้ยว แกล้มด้วยต้นหอมซอย กระเทียมสไลด์ และขิงซอย นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
สำหรับที่ร้าน Myojin Maru สาขาตลาด Hirome นั้น เมนู Katsuo Tataki แบบเซ็ต 2,000 เยน จะประกอบไปด้วย ปลา Katsuo ย่างฟาง จำนวน 5 ชิ้น กุ้งเทมปุระ 4 ชิ้น ไก่ทอดคาราเกะ ซุปมิโซะ และข้าวสวย คุ้มค่าอยู่นะ
ซึ่งในปัจจุบัน (ปี 2019) ร้าน Myojin Maru มีสาขาอยู่ใน 3 จังหวัด คือ Kochi (5 สาขา), Ehime (1 สาขา), และ Tokyo (3 สาขา)
Myojin Maru Restaurant
ที่ตั้ง : Hirome-chiba 2-3-1 Obiya-machi, Kochi-shi, Kochi 780-0841
เปิดบริการ : 11.00 – 22.00 น. (วันอาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.)
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kochi ประมาณ 15 นาที แต่สามารถเดินทางสถานี Ohashi Dori ของรถราง (tram) ได้เพียง 1 นาที
เว็บไซต์ : http://myojinmaru.jp/shop/shikoku/hiromeichiba/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Tosaden Kotsu Streetcar (tram)
ระบบขนส่งมวลชนของเมือง Kochi จังหวัด Kochi นั้น ได้รับการพัฒนามานาน โดยมีการให้บริการรถราง (tram, streetcar) โดยบริษัท Tosaden (Tosa Electric Railway) มาตั้งแต่ปี 1904 คือในสมัยเมจิ ถือเป็นระบบรถรางที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งยังคงให้บริการอยู่ในปัจจุบัน มีเส้นทางครอบคลุมยาว 25.3 กิโลเมตร
นอกจากนี้บัตร 1-Day Ticket ไว้บริการด้วย แล้วยังมีสายพิเศษ “Okyaku Densha” ที่มีเพื่อต้อนรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เพราะสามารถจัดปาร์ตี้ (เครื่องดื่ม) ได้บนตู้นี้
วิธีใช้บริการรถราง (tram, streetcar) ของ Tosaden ก็เพียง
1) เช็คเส้นทางว่าต้องขึ้นสายไหน ไปลงสถานีอะไร
2) ขึ้น Tosa-den ทางประตูหลัง (แล้วรับตั๋วที่ด้านบนรถ ใกล้ประตูทางขึ้น) แต่ลงทางประตูหน้านะ
3) ปกติจะจอดทุกป้าย แต่ควรกดออดเพื่อแสดงความประสงค์ว่าจะลงล่วงหน้าก่อนถึงป้าย
4) เช็คราคาด้านหน้า บริเวณประตูทางลงว่า จากตั๋วที่เราหยิบมาตอนแรกนั้น อยู่ในราคา Fare Zone ที่เท่าไร แล้วจ่ายเงินลงตู้ไปเลยพร้อมกับตั๋ว (ตู้ชำระเงินไม่มีการทอน ถ้าไม่มีเงินย่อย จะต้องใช้ตู้แลกที่อยู่ใกล้ๆ กันก่อน แล้วจึงนำเงินย่อย ไปจ่ายลงตู้ชำระเงินให้พอดี และทั้งนี้ตู้แลกเงินก็ไม่รับแลกเกิน 1,000 เยนนะจ้ะ)
*สำหรับผู้ที่มีบัตร 1-Day Ticket ของ Tosaden หยอดแต่ตั๋วที่ได้รับตอนแรก ลงตู้ชำระเงิน แล้วจึงโชว์ 1-Day Ticket ให้พนักงานบังคับรถตู้วันที่ ก็เป็นอันเสร็จพิธี … ลงจากรถได้
สำหรับ Tosaden Pass แบบ 1-Day ticket ราคาผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน ครอบคลุมพื้นที่ที่เรียกว่า Flat-Rate Zone (ใช้ได้ราวๆ 5 พื้นที่หลักๆ) แต่ถ้าเราจะไปเที่ยวนอกพื้นที่เหล่านั้น ควรใช้ Tosaden แบบ 1-Day All Route ราคาผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน
วิธีใช้ ก็ขูดตัวเลขตามวัน เดือน ปี ที่เราจะใช้ (ซื้อล่วงหน้าได้) แล้วโชว์ให้พนักงานบังคับรถ Tosaden ดูในวันที่เราใช้ แค่นั้นเอง (^^)
ส่วนท่านที่มี IC Cards อาทิ บัตร Suica, Pasmo, ICOCA ก็สามารถใช้บริการรถ Tosaden ได้ เพียงแค่แตะบัตร
สำหรับท่านที่มาเที่ยว Kochi ด้วยตัวเอง คิดว่า.. การเดินทางด้วย Tosaden น่าจะตอบโจทย์ได้แบบสุดๆ ไปเลยล่ะ เพราะใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่ง กว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น อย่างไรก็ ลองไปใช้กันดูนะ
Tosaden Kotsu Streetcar (tram)
จุดจำหน่าย : หลักๆ สามารถซื้อได้ที่ Kochi Bus Station Information Center, Hirimayabashi Service Center, Tosa Terasu เป็นต้น
เว็บไซต์ :
http://www.tosaden.co.jp/multilingual/en/electric/index.html
http://visitkochijapan.com/things_to_do/tourist_attractions/streetcars.html
Chikurin-ji
Chikurin-ji เป็นวัดดังประจำจังหวัด Kochi สร้างขึ้นในราวปี 724 สมัยจักรพรรดิ Shomu โดยพระ Gyoki เป็นวัด No. 31 ในทั้งหมด 88 วัด ตามเส้นทางแสวงบุญเลื่องชื่อของเกาะ Shikoku (Shikoku Henro หรือ Shikoku Pilgrimage)
ถึงจะดูภายนอก ไม่ใหญ่โตมาก แต่ดูมีความขลัง ตั้งแต่ทางเดินผ่านสวนไปยังพื้นที่ภายในวัด มีจุดน่าสนใจหลายจุด ทั้งในส่วนของเจดีย์ 5 ชั้น (เดิมมีเพียง 3 ชั้น แต่ถูกทำลาย และสร้างใหม่เป็น 5 ชั้น เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ), ศาลเจ้า Jiso, พระพุทธรูป 17 องค์, สวนและหอสมบัติ (เสียดาย..ห้ามถ่ายภาพในหอสมบัติ มันเล็กแต่เจ๋งมาก!) เป็นต้น
Chikurin-ji
ที่ตั้ง : 3577 Godaisan, Kochi-shi, Kochi, 787-8125
เปิดบริการ : พื้นที่วัด เปิด 24 ชั่วโมง แต่อาคารต่างๆ เปิดเวลา 08.00 – 17.00 น. (เปิดทุกวัน)
ค่าเข้าชม : พื้นที่วัด เข้าฟรี แต่สวนและหอสมบัติ มีค่าเข้าชมอยู่ที่ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน นักท่องเที่ยวต่างชาติหากโชว์พาสปอร์ต ลดครึ่งราคา
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ My Yu Bus จากสถานี JR Kochi ไปลงป้าย Chikurin-ji ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์ : http://www.chikurinji.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Hotel Nikko Kochi Asahi Royal
ในทริปนี้ ที่จังหวัดโคจิ เราพักที่ Hotel Nikko Kochi Royal ถูกจัดว่าเป็นโรงแรมระดับ Luxurious แห่งแรกบนเกาะ Shikoku เลยทีเดียว ห้องพักสไตล์ตะวันตกที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่มาพร้อมกับวิวสูงมุมกว้าง เห็นทิวทัศน์ของอ่าว Urado และโค้งของแม่น้ำที่ไหลเลาะเลียบผ่านใกล้ๆ กับโรงแรม
โดยมีวิวที่ห้องอาหารกว้างกว่าเสียอีก ดังนั้น เราสามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์งามๆ ยามรับประทานอาหารเช้าได้อย่างชิลๆ เลยล่ะ
Hotel Nikko Kochi Asahi Royal
ที่ตั้ง : 9-15 Kutanda, Kochi-shi, Kochi, 780-0832
การเดินทาง : สามารถนั่งรถบัสมาจากสนามบิน Kochi ได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์ : https://www.okura-nikko.com/japan/kochi/hotel-nikko-kochi-asahi-royal/
ดูรายละเอียดโรงแรมที่นี่ >> Hotel Nikko Kochi Asahi Royal
ทริปนี้ เราไปทัวร์เกาะ Shikoku กันมาถึง 3 จังหวัด คือ Kagawa, Ehime, และ Kochi เหลือเพียงจังหวัดเดียวในเกาะนี้ คือจังหวัด Tokushima ที่ครั้งนี้ไม่มีโอกาสได้ไปเยือน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจมาก มีความงดงามทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เต็มเปี่ยม ผู้เขียนชอบความ unseen ของจังหวัดนี้มากทีเดียว หากมีโอกาสจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด Tokushima ให้ได้รู้จักกันบ้างนะ
สำหรับทริป Shikoku ในครั้งนี้ หวังว่าทุกท่านจะได้เห็นความน่าสนใจที่เรานำมาฝาก แล้วอย่าลืมวางแผนไปเยี่ยมไปเยือนจังหวัดเหล่านี้กันบ้างนะ เชื่อว่าจะต้องได้รับประทับใจกลับมาไม่น้อยทีเดียว
สำหรับครั้งนี้ ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ ในทริปต่อๆ ไปน๊าาาาา
เรื่องแนะนำ :
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 2 “Ehime”
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 1 “Kagawa”
– ตลาดวันอาทิตย์ที่มีมากว่า 300 ปี ของจังหวัดโคจิ
– Kagawa แดนแห่งเมืองท่าเรืองาม
– เอฮิเมะ(Ehime) แดนแห่งผู้แสวงบุญ