สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน วันก่อนดิฉันอ่านหนังสือเรื่อง “แค่ใช้คำให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้” โดยผู้เขียนคือ ซาซากิ เคอิจิ นักคิดคำโฆษณาชื่อดังของญี่ปุ่น ดิฉันคิดว่าหลายๆ เทคนิคที่แนะนำในหนังสือเล่มนี้จะเพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน วันก่อนดิฉันอ่านหนังสือเรื่อง “แค่ใช้คำให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้” โดยผู้เขียนคือ ซาซากิ เคอิจิ นักคิดคำโฆษณาชื่อดังของญี่ปุ่น ดิฉันคิดว่าหลายๆ เทคนิคที่แนะนำในหนังสือเล่มนี้จะเพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
โดยเขามีหลัก 3 ประการคือ
1. ไม่พูดตามใจคิดไปเสียทุกอย่าง เพราะการพูดตามใจตัวเองอาจไม่ถูกใจคนอื่นก็ได้
2. คาดเดาความคิดของอีกฝ่าย ก่อนเราจะพูดอะไรออกไป เราควรทำการคาดคะเนว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เราพูด
3. ขอร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เมื่อสิ่งที่เราขอร้องเป็นประโยชน์กับอีกฝ่ายด้วยก็จะเพิ่มโอกาสให้ได้รับการตอบตกลงมากขึ้นค่ะ
เทคนิคง่ายๆ ที่เขาแนะนำดังนี้ค่ะ
1. พูดในสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ
การทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและทำตามความต้องการของคุณ เช่น แทนที่จะพูดว่า
“ขอโทษนะคะ เสื้อแบบนี้เหลือแค่ตัวที่แขวนโชว์ค่ะ”
ทำให้คนซื้อไม่อยากซื้อเพราะคงไม่มีใครอยากได้ของเหลือ แต่หากพูดว่า “เสื้อแบบนี้กำลังเป็นที่นิยม เลยเหลือตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย”
คนซื้อกลับจะอยากได้เพราะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่จะได้ของดีก่อนที่จะพลาดโอกาสสำคัญ
2. ให้มีอิสระในการเลือก
การพูดที่ดีต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกบังคับ แต่เปิดโอกาสให้เลือก เช่น แทนที่จะพูดว่า “รบกวนเข้าประชุมด้วยค่ะ” แต่พูดว่า “ในการประชุม จะเลือกอาหารเป็นข้าวหน้าเนื้อ หรือ ข้าวหน้าหมูชุบแป้งทอดดีคะ” ผู้ฟังจะรู้สึกว่ามีโอกาสที่จะได้เลือกทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงจะเข้าประชุมโดยอัตโนมัติ
3. บอกผลในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ชอบ
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการถูกกะเกณฑ์ให้ทำนั่นทำนี่ หรือห้ามทำนั่นทำนี่ แทนที่จะห้ามปราม เราสามารถบอกผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของอีกฝ่ายได้ เช่น ในร้านอาหารมีเด็กวิ่งเล่น แทนที่จะพูดว่า “ห้ามเด็กๆ วิ่งเล่นนะคะ”
แต่ควรพูดว่า “พนักงานเสิร์ฟกำลังเสิร์ฟของร้อน การที่เด็กวิ่งเล่นอาจชนพนักงานทำให้ของร้อนหกใส่ เป็นอันตรายได้นะคะ” ผู้ปกครองก็จะห้ามเด็กไม่ให้วิ่งเล่นไปเองค่ะ
4. มอบการยอมรับ
เป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องการได้รับการยอมรับ ผู้เขียนยกตัวอย่าง พนักงานที่วิตกกังวลว่าจะทำงานผิดพลาด และไม่มั่นใจในตัวเอง แทนที่จะต่อว่า “เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรกิน”
เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ไม่เห็นต้องกังวล นายทำได้อยู่แล้ว”
หรือเมื่อเด็กๆ ไม่ยอมจับมือผู้ใหญ่เวลาข้ามถนนเพราะคิดว่าตัวเองโตแล้ว แทนที่จะพูดว่า “จับมือป้าไว้ มันอันตราย” เปลี่ยนเป็น “ป้าไม่กล้าข้ามถนน ช่วยจูงป้าข้ามถนนได้ไหมครับ” เด็กๆ จะรู้สึกได้รับการยอมรับและจะจับมือผู้ใหญ่เอง
5. พิเศษเฉพาะคุณ
นอกจากมนุษย์จะแสวงหาการยอมรับแล้ว แน่นอนว่าทุกคนล้วนอยากเป็นคนที่มีความสำคัญต่อใครสักคน ผู้เขียนยกตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้ หากมีการเชิญเพื่อนร่วมงานไปงานเลี้ยงสังสรรค์ แทนที่จะเชิญทีเดียวทั้งแผนก โดยใช้คำว่า “เรียนเชิญทุกท่านร่วมงาน”
เปลี่ยนเป็นใช้คำพูดว่า “ถ้าคุณไม่มา งานคงหมดสนุกแน่ๆ”
และส่งทีละคนไม่ใช่ส่งพร้อมกันทั้งแผนก รับรองว่าจะได้จำนวนผู้ร่วมงานอีกมาก หรืออย่างการขอคำปรึกษาเจ้านายที่มักจะงานยุ่งและไม่ค่อยมีเวลา แทนที่จะพูดว่า “อยากขอปรึกษา” เปลี่ยนเป็นพูดว่า “เรื่องที่ผมอยากปรึกษา มีเพียงคุณซาโต้คนเดียวเท่านั้นครับที่จะให้คำปรึกษาที่ดีได้”
เทคนิคนี้ยังใช้ได้ดีเมื่อนำมาเขียนคำโฆษณาต่างๆ ได้แก่ “สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ” “สินค้าที่ตั้งใจออกแบบเพื่อคุณเท่านั้น” ฯลฯ
6. ทำกันเป็นทีม
ผู้เขียนแสดงความคิดเห็นว่า คนเราชอบทำอะไรเป็นทีมมากกว่าการทำคนเดียว ดังนั้นหากมีการขอให้ช่วยเป็นโต้โผจัดงานเลี้ยง แทนที่จะพูดว่า “ช่วยจัดงานให้ที”
เปลี่ยนเป็นพูดว่า “มาเป็นโต้โผจัดงานเลี้ยงด้วยกันไหม” ก็มีแนวโน้มว่าจะได้รับการตอบตกลงมากกว่าค่ะ
7. ขอบคุณ
คำขอบคุณนั้นทรงพลังเสมอ และจะช่วยให้แนวโน้มการได้รับการตอบตกลงมากขึ้น แทนที่จะพูดว่า “ช่วยยกโต๊ะให้หน่อย”
เปลี่ยนมาเป็น “ช่วยยกโต๊ะให้หน่อย ขอบคุณค่ะ”
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– บุคลิกโดนใจ สำเร็จได้ไวในบริษัทญี่ปุ่น
– ว่าด้วยร่มญี่ปุ่น
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
– สุนัขขี้แพ้ (ที่ไม่แพ้) แด่สาวโสดทั้งหลาย
– Umaji หมู่บ้านส้มยูสุที่โด่งดังได้เพราะความมุ่งมั่นไม่ท้อถอย
– บริษัทสาเก วากาเซะ (Wakaze) ฝันไกล ไประดับโลก