สำหรับเหล่า Psycopath แล้ว คำว่า “ความตาย” กับ “ผลไม้” นั้น คลื่นสมองของ Psycopath นั้นไม่แตกต่างกัน พวกเขามีความเย็นชา ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น ก็เพราะ “สมอง” ของเขาไม่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฟังดูเหลือเชื่อ แต่แลดูเหมือนว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
สรุปโดย วสุ มารุมุระ
เราอาจจะเคยได้ยินข่าว การฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ญี่ปุ่น อย่างเช่น
– คดีฆ่าหั่นศพ 9 ชีวิตและหั่นศีรษะเก็บไว้ในอพาร์ทเมนต์ที่เมือง Zama (座間) จังหวัด คานากาว่า (神奈川) เมื่อปลายปี 2017
ข่าวสะเทือนขวัญเหล่านี้ทำให้คนญี่ปุ่นตกใจ เป็น Talk of the town
ในอดีตที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ฆาตกรรมที่น่ากลัวในญี่ปุ่นเหตุการณ์อื่นอย่างเช่น
– การบุกเข้าไปไล่แทงเด็กนักเรียนประถมที่เมืองอิเคะดะ (池田) จังหวัดโอซาก้า จนมีเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 และ ป.2 เสียชีวิตรวมกัน 8 ราย
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญเหล่านี้ เราคงตั้งคำถามว่าทำไม คนร้ายถึงทำอะไรที่ทารุณโหดร้ายปานนี้
มีคำอธิบายว่า คนร้ายเหล่านี้คือ “Psychopath” คือผู้ที่ปราศจาก “ความรู้สึกเจ็บปวดทางจิตใจ” หรือ “ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี”
ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า
ตัวตนที่แท้จริงของ Psycopath
(サイコパスの真実)
(The truth of Psychopath)
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นคุณ Harada Takayuki (原田隆之) ที่ทำวิจัยด้านจิตวิทยาอาชญากรรม
คำว่า Psycopath เป็น “คำศัพท์” ทางจิตวิทยาซึ่งเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่น และมีการพยายามหาคำตอบว่า Psycopath เป็นใคร
การรู้จักว่า Psycopath คืออะไร จะช่วยอะไรเราได้ไหม
- Psycopath เป็นคนอย่างไร?
เหล่านักจิตวิทยาได้ทำการวิจัย สัมภาษณ์เหล่าอาชญากรต่างๆ และสรุปออกมาเป็น Check lsit ของบุคคลที่มีแนวโน้มจะเป็น Psycopath ซึ่ง Check list นั้นมีการตรวจสอบบุคคลนั้นๆจากปัจจัยต่างๆดังนี้
- ปัจจัยต่อการเผชิญหน้าผู้อื่น
- ภายนอกดูมีเสน่ห์
- สำคัญตนเองสูง
- ชอบชักใยผู้อื่น
- โกหกหน้าตาเฉย
- มีประวัติการแต่งงานที่อยู่ไม่ยืด
- ปัจจัยทางอารมณ์ความรู้สึก
- มีความเย็นชา ขาดความเห็นใจคนอื่น
- ขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
- ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก
- ขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
- ปัจจัยรูปแบบการใช้ชีวิต
- มีความหุนหันพลันแล่น
- ปราถนาสิ่งเร้า
- ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
- ขาดเป้าหมายระยะยาวที่เหมาะสมกับโลกของความเป็นจริง
- ไม่รับผิดชอบ
- มีรูปแบบการใช้ชีวิตแปลกๆ
- ปัจจัยต่อต้านสังคม
- เป็นเด็กที่ก่อปัญหามาก่อน
- มีคดีความมาแต่เด็ก
- มีปัญหาด้านพฤติกรรมมาแต่แรกเริ่ม
- เคยถูกยกเลิกการปล่อยตัวโดยการคุมประพฤติ
- มีความหลากหลายในอาชญากรรมที่ลงมือทำ
Check list ที่ว่านี้ มีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองแล้วมีสิทธิ์ที่จะใช้เพื่อตรวจสอบ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการใช้ Check list แบบผิดๆ และเหมารวมคนอื่นเป็น Psycopath กันง่ายๆ
ในหนังสือได้ยืนยันมาว่าใน 100 คนอาจจะมีสัก 1 คนที่เป็น Psycopath
และไม่ใช่ว่า Psycopath ทุกคนจะต้องเป็นฆาตกรเลือดเย็น บางคนอาจจะได้ชื่อว่าเป็น “Mild Psycopath” หรือ Psycopath แบบอ่อนๆ โดยมีการยกตัวอย่างคนที่เราเจอในชีวิตประจำวัน ในที่โรงเรียน ที่ทำงาน ที่กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือ โกหกหน้าตาเฉย ซึ่งบุคคลเหล่านี้อาจจะมี “ปัจจัยต่อต้านสังคม” ที่อ่อนๆ เลยไม่ถึงขั้นก่ออาชญากรรม
แล้วทำไมผู้คนถึงเป็น Psycopath ได้? มีข้อสรุปว่ามีสาเหตุมาจาก
1. ทางพันธุกรรมที่ทำให้สมองที่รับรู้ความผิดชอบชั่วดีไม่ทำงาน
2. จากสิ่งแวดล้อมการเติบโตเลี้ยงดู ขาดความอบอุ่นในช่วงเยาว์วัย ถูกทุบดี หรือ แม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ในช่วงตั้งครรภ์
ทางผู้เขียนหนังสือยืนยันว่าจากผลการวิจัย สาเหตุนั้นมาจาก 2 ด้าน
ผู้เขียนได้ยกตัวอย่าง ความ “รุนแรง” ของ Psycopath ที่ว่านี้นั้นเป็นสิ่งที่เพิ่งมาเห็นชัดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ช่วงยุคหลังๆ ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาหรือเปล่า
ในยุคสมัยก่อนที่ผู้คนตายจากสงคราม ความรุนแรงในสังคมนั้นได้มีการบันทึกเอาไว้ การประหารต่อหน้าสาธารณชนนั้น “เปรียบเสมือน” มหรสพ อย่างหนึ่งในยุคก่อนๆ ประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่อยู่คู่กับความรุนแรงมายาวนานนี้ เมื่อก่อน Psycopath อาจจะเคยเป็น “ฮีโร่” ในสงครามผู้หาญกล้านำทัพไปออกรบ และ “ไม่ลังเล” ที่จะปลิดชีวิตฝั่งตรงข้าม
ทีนี้เหล่า Psycopath นี้มีหนทางรักษาไหม? ทางผู้เขียนหนังสือพยายามบอกว่า วิธีการรักษาที่ได้ผลกับ Psycopath นั้นต้องถูกออกแบบมาโดยเฉพาะกับพวกเขาเหล่านั้น
สำหรับเหล่า Psycopath แล้ว คำว่า “ความตาย” กับ “ผลไม้” นั้น คลื่นสมองของ Psycopath นั้นไม่แตกต่างกัน พวกเขามีความเย็นชา ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น ก็เพราะ “สมอง” ของเขาไม่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฟังดูเหลือเชื่อ แต่แลดูเหมือนว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
พัฒนาการของสมองที่มนุษย์เรารู้สึกกลัวการทำผิดนั้น มันมาจาก
1. ในตอนเด็กๆ เราซุกซนทำของแตกเสียหาย
2. เราถูกพ่อแม่อบรม ว่าห้ามทำ ในหัวเราเกิดความรู้สึกกลัว ซึ่งตรงนี้เกิดการปลูกฝังว่า “ทำของแตก” = “รู้สึกกลัว” (ที่จะโดนต่อว่า)
3. เมื่อสมองเราเรียนรู้ตรงนี้แล้ว หากเราคิดจะซนทำของให้แตกพัง เราจะ “รู้สึกกลัว” และเป็นการยับยังไม่ให้เราทำของแตก
ทีนี้แล้ว Psycopath สมองของพวกเขาขาดการเชื่อมโยงว่า “ทำของแตก” = “รู้สึกกลัว”
ย้อนกลับมาว่า “เพื่อเป็นการรักษา Psycopath” นั้น ทางผู้เขียนยืนยันว่าเราจะไปพร่ำบอกว่า
“ทำแบบนี้ไม่ดีนะ” ก็ไม่ได้ก็เพราะว่า “พวกเขาไม่ได้รู้สึกกลัว” เพราะสมองเขาไม่รับรู้ วิธีการรักษาที่จะได้ผลกว่าคือการชักจูงว่า “หากทำแบบนี้แล้วตัวคุณจะเสียผลประโยชน์ (เช่นติดคุก)” แบบนี้ ซึ่งวิธีการรักษาต้องมีการออกแบบเฉพาะให้เหมาะสมกับ Psycopath ซึ่งการวิจัยตรงนี้ยังต้องอาศัยจำนวนหลักฐานงานวิจัยที่มากพอมาสนับสนุน
มีนักจิตวิทยา Adrian Raine เสนอแนวคิด “วิธีการป้องกันแบบ Radical (สุดโต่ง)” เช่น ให้ “ทุกคน” ที่อายุ 18 ปีสแกนสมอง เช็ก DNA และเช็คดูว่าเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบใด เพื่อค้นหาว่า “ใครมีแนวโน้มจะเป็น Psycopath” ถ้าพบว่าผลการทดสอบเป็น “Positive” ก็เอาคนนั้นมา “รักษา” เป็นการป้องกัน “ก่อนจะเกิดเหตุการณ์” ซึ่งการรักษาแบบนี้เกิดจาก “การควบคุมของภาครัฐ”
อีกหนึ่งข้อเสนอแนะของ Raine ก็คือ “การอนุญาตให้มีบุตรได้” จากภาครัฐ โดยมีการตรวจสอบบุคคลนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงกับเด็กไหม คนเป็นมารดาจะสูบบุหรี่ดื่มเหล้าเวลาตั้งครรภ์ไหม ซึ่งการกระทำเหล่านี้จะกระทบต่อสมองของเด็ก ทางภาครัฐเลยจะต้อง “อนุญาต” ก่อนได้ว่าบุคคลเหล่านั้นพร้อมมีบุตรไหม
Adrain Raine นี้ “รู้ดี” ว่าข้อเสนอของเขาสองข้อนี้นั้น “สุดโต่ง”และต้องถูกวิจารณ์ แต่เขาก็อยากให้มีการ Discussion เกิดขึ้น “การลงมือ” ทำอะไรสักอย่างน่าจะดีกว่า
ท้ายสุดนี้ในหนังสือเล่มนี้ ทางผู้เขียนหนังสือชาวญี่ปุ่นคนนี้ก็พยายามศึกษาหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาในสังคมที่มีการ ฆาตกรรมเลือดเย็น ในสังคมญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นการพยายามอธิบาย Psycopath ในมุมมองวิทยาศาสตร์และเน้น “หลักฐาน” ในการพิจารณาวิธีการป้องกันแก้ไข
+++
เท่าที่อ่านหนังสือจบ ผมก็ยังตั้งคำถามกับ เหตุการณ์ฆาตกรรมเลือดเย็นว่า ทำไมถึงเกิดขึ้น มันคงเป็นสิ่งที่สมองของเราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เพราะเราเอง หัวใจของเรา “จะรู้สึกผิดก่อนที่จะลงมือทำไป”
อ่านหนังสือจบแล้ว แทนที่จะได้คำตอบ กลับมีคำถามมากขึ้น แต่ก็เสมือนว่า “เข้าใจธรรมชาติของ Psycopath” มากขึ้น
เมื่อ “สมอง” ไม่รับรู้ผิดชอบชั่วดี เอาเข้าจริงแล้ว “ตัวเรา” เป็นเจ้าของสมองจริงๆ หรือเปล่า
สรุปโดย วสุ มารุมุระ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– Ringi ( 稟議 [รินกิ] ) คืออะไร
– ข่าวคราวน่าตกใจของรถไฟชินคันเซน
– เมื่อคนนอก ไม่เป็นที่ต้อนรับในเมืองปลาดิบ
– สายลมนั้น (โซะโนะคาเซ่ : その風)
– บทพูดของตัวการ์ตูนญี่ปุ่น และอิทธิพลต่อตัวเรา