ถึงแม้ในปัจจุบันผู้คนจะไม่ได้เชื่อคำทำนายจาก Omikuji มากเท่าสมัยก่อนแล้ว ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แต่กระนั้นการทำนาย Omikuji ก็ยังถือได้ว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ยังคงมีเสน่ห์ และพลาดไม่ได้ในการไปวัดหรือศาลเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้
วัดหรือศาลเจ้าเป็นสถานที่ที่ผู้คนมักจะมาเพื่อสักการะเทพเจ้าเพื่อขอพรหรือลบล้างสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปจากชีวิต โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรที่วัดหรือศาลเจ้าเพื่อให้ชีวิตของพวกเขาตลอดทั้งปีพบเจอแต่สิ่งที่ดี และนอกจากการขอพรแล้วนั้น การเสี่ยงเซียมซีทำนายดวงชะตาก็มักจะได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
กำเนิดเซียมซี
เซียมซีเป็นการทำนายดวงชะตาแบบหนึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนโดยนักปราชญ์ชาวจีนในช่วงปลายยุคสมัยราชวงศ์ซ้งจนถึงตอนต้นของยุคสมัยราชวงศ์โจว ได้รวบรวมเอาความคิดเห็นของนักปราชญ์ในอตีดมารวมเป็นคัมภีร์ที่ชื่อว่า “อี้จิง” ซึ่งคัมภีร์นี้ได้บรรยายถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ซึ่งจะมีผลทั้งดีและร้ายตามแต่กำหนดของฟ้า ดิน จึงเกิดมีการทำนายขึ้นในสมัยนั้นโดยอาศัยบทความในคัมภีร์อี้จิงทั้งสิ้น 64 บท เป็นข้อมูลในการทำนาย
เมื่อรวมกับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในสมัยนั้นจึงทำให้เกิดเป็นศาลเจ้าขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ในการสถิตของเทพเจ้าและเพื่อให้ผู้คนมากราบไหว้บูชา โดยแต่ละศาลเจ้าก็จะมีผู้รู้เป็นเหมือนดั่งผู้ที่ทำหน้าที่ในการติดต่อกับเทพเจ้าเพื่อให้คำทำนายหรือคำพยากรณ์ต่าง ๆ แก่ผู้ที่ศรัทธา แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับเทพเจ้าก็น้อยลงและสุดท้ายก็หมดบทบาทความสำคัญลงในที่สุด หลังจากนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีในการทำนายใหม่ ๆ ขึ้นมาจนสุดท้ายจึงเกิดเป็นเซียมซี
โดยการทำนายนั้นจะใช้วิธีเขย่าภาชนะที่บรรจุไม้ไผ่ที่เหล่าเป็นซีกและเขียนตัวเลขกำกับไว้ โดยไม้ที่หล่นลงมาเป็นแท่งแรกตัวเลขที่เขียนติดอยู่บนไม้จะถูกนำไปทำนายดวงชะตาของผู้เสี่ยงทาย
ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเชื่อกันว่าการเสี่ยงเซียมซีมีต้นกำเนิดมาจากพระรูปหนึ่งที่มีชื่อว่าเรียวเก็น หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ กันซันไดชิ หรือ จิเอไดชิ (Ganzan Daishi) ซึ่งเป็นพระสังฆราชแห่งนิกายสัทธรรมปุณฑริกสูตรรูปที่ 18 แห่งวัดเอ็นเรียคุจิ
พระอาจารย์เรียวเก็นหรือกันซันไดชิ ได้ถูกกล่าวว่าเป็นร่างอวตารของพระโพธิสัตว์ และได้ถูกประชาชนนับถือว่าเป็นพระอาจารย์ผู้ที่ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ซึ่งเซียมซีในสมัยนั้นได้ถูกใช้เพื่อทำนายความประสงค์ของเทพเจ้านั้นเอง ต่อมาในสมัยเอโดะรูปลักษณ์และวิธีการในการทำนายก็เปลี่ยนไป เริ่มมีการทำนายโดยการดึงไม้ที่เสียบอยู่หลายอันขึ้นมาเพื่อใช้ทำนาย และหลักจากนั้นก็ปรับเปลี่ยนมาจนเป็นเซียมซีในปัจจุบัน
เซียมซีกับประเทศญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่นการเสี่ยงเซียมซีจะถูกเรียกว่าโอะมิกุจิ (Omikuji) หากแปลตรงตัวก็จะมีความหมายว่า “สลากศักดิ์สิทธิ์” โดยกระดาษนี้จะมีให้เสี่ยงทายอยู่ในวัดหรือศาลเจ้าของประเทศญี่ปุ่นแทบจะทุกที่โดยการทำนายก็จะคล้ายคลึงกับเซียมซีในประเทศจีนนั้นเอง
การทำนายโอะมิกุจิ (Omikuji) นั้นจะแตกต่างจากเซียมซีของประเทศจีนตรงที่ ภาชนะที่ใส่ Omikuji จะถูกปิดเอาไว้เหลือแค่รูที่พอให้แท่งไม้สามารถลอดผ่านได้เพียงอันเดียวเท่านั้น โดยวิธีการทำนายก็คือเขย่า Omikuji จนกว่าแท่งไม้จะโผล่ออกมาจากรูของฝากล่องจากนั้นจึงนำตัวเลขหรือตัวอักษรที่ได้ไปรับคำทำนายนั้นเอง
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันศาลเจ้าหลาย ๆ ที่ก็ปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีให้ผู้เสี่ยงโชคสุ่มหยิบคำทำนายจากกอง Omikuji หรือบางแห่งจะใช้วิธีในการหยอดเหรียญเพื่อรับคำทำนายนั้นเองค่ะ แต่ก็มีบางศาลเจ้าที่มีความคิดที่แตกต่างออกไป ยกตัวอย่างเช่นศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha)ในจังหวัดนาระ ก็จะมีโอะมิกุจิเป็นกวางตัวเล็กๆ กำลังคาบใบเซียมซี จำหน่ายในราคาตัวละ 600 เยน ซึ่งผู้ที่ต้องการเสี่ยงโชคก็สามารถเลือกตัวที่ถูกใจเพื่อรับคำทำนาย และถึงแม้ว่าจะได้คำทำนายที่ไม่ดีอย่างน้อยก็ยังได้ตุ๊กตากวางน่ารัก ๆ กลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกเช่นกัน
คำทำนายของโอะมิกุจิ (Omikuji)
คำทำนายของ Omikuji นั้นสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 12 ระดับดังนั้นค่ะ
ไดคิจิ (大吉, โชคดีมาก)
จูคิจิ (中吉, โชคดีปานกลาง)
โชคิจิ (小吉, โชคดีเล็กน้อย)
คิจิ (吉, โชคดี)
ฮังคิจิ (半吉, โชคดีครึ่งนึง)
ซุเอะคิจิ (末吉, โชคดีตามกรรม)
ซุเอะโชคิจิ (末小吉 , โชคดีเล็กน้อยในอนาคต)
เคียว (凶, โชคร้าย)
โชเคียว (小凶, โชคร้ายเล็กน้อย)
ฮังเคียว (半凶, โชคร้ายครึ่งนึง)
ซุเอะเคียว (末凶, โชคร้ายตามกรรม)
ไดเคียว (大凶, โชคร้ายมาก)
โดยระดับของคำทำนายอาจจะมากขึ้นหรือน้อยลงไปกว่านี้ก็แล้วแต่วัดหรือศาลเจ้าแต่ละแห่ง ซึ่งคำทำนายของ Omikuji นั้นก็จะกล่าวถึงคำทำนายทั่วๆ ไป ชีวิตโดยรวม การงาน ธุรกิจ ความรัก ของที่หายจะได้คืนหรือไม่ และการใช้ชีวิตแบบโดยรวม
ซึ่งการทำนาย Omikuji นั้นจะมีธรรมเนียมที่เชื่อกันว่า หากได้รับคำทำนายที่ไม่ดีให้เอาคำทำนายไปผูกกับต้นไม้ภายในวัดเพื่อป้องกันไม่ให้คำทำนายนั้นเกิดขึ้นจริง ในปัจจุบันทางวัดหรือศาลเจ้าหลายแห่งก็นิยมทำที่ผูกเซียมซีเอาไว้ให้บริการใกล้ ๆ กับจุดทำนาย Omikuji เช่นกัน โดยวิธีการผูกก็คือใช้มือด้านที่ถนัดในการผูกคำทำนาย โดยหันด้านที่มีตัวอักษรออกมาข้างนอก ที่ต้องผูกแบบนี้เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยกลับร้ายให้กลายเป็นดีด้วยนั้นเอง
ถึงแม้ในปัจจุบันผู้คนจะไม่ได้เชื่อคำทำนายจาก Omikuji มากเท่าสมัยก่อนแล้ว อาจจะเพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แต่กระนั้นการทำนาย Omikuji ก็ยังถือได้ว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ยังคงมีเสน่ห์ และพลาดไม่ได้ในการไปวัดหรือศาลเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องแนะนำ :
– ประกาศเปิดตัวรายการ PRODUCE 101 JAPAN ค้นหากลุ่มไอดอลชาย เจาะตลาดเพลงญี่ปุ่นเตรียมเดบิวต์ปี 2020 นี้!!
– มาทำความรู้จักมาสคอตประจำ Tokyo Olympic และ Paralympic 2020 กันเถอะ
– ทำความรู้จัก 5 เครื่องดนตรีโบราณของประเทศญี่ปุ่น
– 7 เหตุผลยอดฮิตที่ทำให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
– “Giri Choco” ธรรมเนียมปฏิบัติที่กำลังได้รับการต่อต้าน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
https://www.patternz.jp/omikuji-fortune-slip-japan/
https://en.wikipedia.org/wiki/Ry%C5%8Dgen
http://www.deepjapan.org/a/3067