ทริปนี้จะมาชี้เป้า แจกพิกัดเที่ยวเมืองหิมะ 2 จังหวัด ที่ไม่ไกลจากโตเกียว นั่นก็คือ จังหวัดนีงาตะ (Niigata) และจังหวัดนางาโนะ (Nagano) ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นเขตที่มีปริมาณหิมะตกสะสมเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ไปเล่นหิมะกันจ้าาาา
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวมันก็จะหนาวๆ ฟินๆ แบบนี้แหละ ยิ่งถ้าไปเที่ยวตามเมืองหิมะ เราก็จะได้เห็นหิมะขาวฟู สุดลูกหูลูกตากันเลยแหละ
ทริปนี้ marumura จะมาชี้เป้า แจกพิกัดเที่ยวเมืองหิมะ 2 จังหวัด ที่ไม่ไกลจากโตเกียว ให้เราได้เที่ยวตามรอยกันได้แบบชิลๆ นั่นก็คือ จังหวัดนีงาตะ (Niigata) และ จังหวัดนางาโนะ (Nagano) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของคนญี่ปุ่นว่า 2 จังหวัดนี้เป็นเขตที่มีปริมาณหิมะตกสะสมเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่ง 2 จังหวัดนี้ อยู่ในภูมิภาคชูบุ (Chubu) แต่ก็จะมีการเรียกอีกชื่อว่า ชินเอ็ตสึ (Shin’etsu)
การเดินทาง ขอใช้สถานีรถไฟโตเกียวเป็นต้นทางนะ จะได้ตามกันง่ายๆ เนอะ…. และพอเข้าจังหวัดนีงาตะ ไปจนถึงที่เที่ยวสุดท้าย เราจะใช้รถยนต์เป็นหลักในการเดินทาง เพราะบางพื้นที่รอบรถสาธารณะค่อนข้างน้อย และเราอยากเที่ยวแบบใช้เวลาให้คุ้มไง แล้วจะเดินทางกลับเข้าโตเกียวด้วยรถไฟนะคะ
การเดินทางในรูทนี้ หากเพื่อนๆ ใช้ JR Pass ควบในการเดินทางด้วยรถไฟ ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยแหละ
เอาล่ะค่ะทุกคน ลมหนาวพัดมารอแล้ว พร้อมมั้ย… ถ้าพร้อมแล้วออกเที่ยวไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ …
Day 1
เมืองยูซาว่า (Echigo Yuzawa)
จากโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยตึกสูง เพียงแค่1ชั่วโมงนิดๆ ด้วยรถไฟชินคันเซ็น เข้าสู่เมืองยูซาว่า (Echigo Yuzawa) ที่เปรียบเสมือนประตูสู่ จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ทุกคนก็จะต้องตะลึงกับวิวเทือกเขาสูงมีหิมะขาวโพลนราวกับเข้าไปอยู่ในโลกของเทพนิยายที่เราเคยอ่านตอนเป็นเด็ก
เมืองยูซาว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยภูเขา โด่งดังในเรื่องของเมืองแห่งออนเซ็นและความพร้อมของลานสกี ที่มีมากถึง 11 แห่ง
ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กที่มีประชากรแค่ 7,000 กว่าคน แต่ด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกของการเดินทางที่เป็นจุดเด่นที่สุด หรือคุณภาพหิมะที่ไม่เป็นรองใคร ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นสกี สโนว์บอร์ดมากถึง 4 ล้านคนเลยทีเดียว…
อีกเรื่องเด่นของเมืองนี้คือ ความงดงามที่แสนจะโรแมนติก เพราะเมืองนี้ เป็นเมืองที่ คุณยาสุนาริ คาวาบาตะ (川端 康成) นักประพันธ์นวนิยายและนักเขียนเรื่องสั้นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมนั้นหลงใหล เป็นทั้งเมืองที่ให้แรงบันดาลใจ และสถานที่ เขียน วรรณกรรมชิ้นเอกชื่อ “Snow Country” เมืองหิมะ อีกด้วย ….
ลานสกีกาล่ายูซาว่า (GALA Yuzawa)
1 ใน 11 ลานสกี ของเมืองยูซาว่า (Echigo Yuzawa) จ.นีงาตะ (Niigata) เป็นลานสกีที่เดียวในโลก ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) โดยตรง
แน่นอนว่าลานสกีนี้ เป็นลานที่ดังสุดๆ อีกแห่งในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่ะ… ทั้งเรื่องหิมะที่ยอดเยี่ยม การบริการที่ครบครัน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยากมาเล่นสกี สโนว์บอร์ดแบบจริงจัง
หรือเที่ยวพร้อมครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุมาด้วย ก็สามารถเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย เพราะเค้ามีสถานีรถไฟที่เชื่อมกับอาคารที่บริการตั๋วต่างๆ จุดเช่าอุปกรณ์ และร้านอาหาร รวมไปถึงจุดพักผ่อน สระว่ายน้ำ บ่อออนเซ็น และห้องให้นมบุตร อีกด้วย
อีกจุดเด่นที่หาไม่ได้ในลานสกีอื่น นั่นก็คือ ที่ลานสกีกาล่า เค้ามีโซนเล่นหิมะที่สามารถสนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่แถมยังมีเจ้าหน้าที่คนไทยแสนน่ารัก คอยให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกและโรงเรียนสอนสกี สโนว์บอร์ดภาษาไทยให้อีกด้วย
เครปสอดไส้ ซาซาดังโหงะ ขนมขึ้นชื่อของจังหวัดนีงาตะที่ห้ามพลาด อีกจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือตัวแป้งขนมทำมาจากข้าว
มาถึงนีงาตะ เมืองราชาแห่งข้าว อย่าพลาดที่จะต้องมาชิมนะคะ…
GALA Yuzawa
วิธีเดินทาง: จากสถานีรถไฟโตเกียว ขึ้นชินคันแซง สาย Joetsu shinkansen มาลงที่ JR Gala Yuzawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): https://gala.co.jp/winter/english/
เว็บไซต์ (ภาษาไทย): https://www.facebook.com/galayuzawathai/
SENGOKU (魚沼炉端焼き SENGOKU 鮮極)
มาถึง จ.นีงาตะ เมืองราชาแห่งข้าว ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นทั้งทีเราต้องไปเสาะหาร้านเด็ดกัน….
จากลานสกีกาล่า เรานั่งรถที่ติดต่อเช่าพร้อมคนขับไว้ มุ่งหน้าไปยังเมืองมินามิอุโอนูมะ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกัน
SENGOKU (魚沼炉端焼き SENGOKU 鮮極) ร้านอาหารที่อยู่ในเมืองมินามิอุโอนูมะ (Minami Uonuma ) เมืองนี้อยู่ติดกับเมืองยูซาว่าค่ะ อารมณ์เหมือน สุขุมวิท ทองหล่อ ในกรุงเทพฯ แหล่ะ
เมืองนี้เค้ามีเมนูเด็ดที่ชื่อว่า มาจิโด้ง (本気丼) มาจิโด้งเป็นเมนูที่ร้านอาหารในเมืองนี้ที่เข้าร่วมโปรเจค ได้งัดเอาเมนูที่ตนเองคิดค้นขึ้นมา และยืดอกนำเสนอว่านี่แหล่ะเด็ดสุดในร้านชั้นนะ!! ออกมาประชันกัน โดยทุกร้านจะต้องใช้ข้าวสายพันธุ์โคชิฮิคาริของนีงาตะเป็นหลัก…
เมนูที่เราสั่งกันคือ “อะบุริ โนโดะกุโระ ไคเซนด้ง” 炙りのどぐろと熟成魚の鮮極丼 เป็น ข้าวหน้าปลา Nodoguro ลนไฟพอหวานๆ มา พร้อมอาหารทะเลอื่นๆ และไข่ปลาอิคุระเม็ดโตๆ แบบจัดเต็มล้นๆ ถ้วย
ปลา Nodoguro เป็นปลาขึ้นชื่อของจังหวัดนีงาตะ ที่มีรสชาติละมุน เข้มข้น จนได้รับฉายาว่า เป็นโอโทโระ แห่งปลาเนื้อขาว
ร้าน SENGOKU จะเน้นใช้วัตถุดิบจากชาวประมงเกาะซาโดะ ที่เป็นเกาะดังในจังหวัดนีงาตะ มาปรุงอาหาร ทุกๆ เช้าจะมีปลาสดๆ จากชาวประมงมาส่งให้ทางร้าน ดังนั้นรับประกันเรื่องความสดใหม่ และอร่อยของทุกเมนูได้เลยค่ะ
เมนูอื่นๆ ในร้าน
มาจิโด้งเป็นโปรเจคที่จัดเป็นช่วงๆ ระหว่าง วันที่ 1 ตุลาคม – ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกๆ ปี ซึ่งขอบอกเลย ใครมาเที่ยวนีงาตะช่วงนี้ อย่าพลาดที่จะต้องมาชิมกันนะคะ
SENGOKU (魚沼炉端焼き SENGOKU 鮮極)
วิธีเดินทาง: จากสถานีรถไฟ JR Muikamachi เดิน 2 นาที
ถ้าใครที่มาเที่ยวเมืองยูซาว่า ก็ให้นั่งรถไฟ จากสถานี Echigo Yuzawa มาได้เลย
* Joetsu Line Local Local for Naoetsu ประมาณ 16 นาที
* Joetsu Line Local for Nagaoka ประมาณ 21 นาที
มาจิโด้ง (本気丼): https://majidon.jp/
เว็บไซต์ร้าน: https://www.smile-peace.co.jp/sengoku/
หมู่บ้านกระท่อมหิมะแห่งเมืองอียามะ (Iiyama Snow Hut Viilage)
แสร้งว่าเป็นชาวเอสกิโม ลุยหมู่บ้านกระท่อมหิมะแห่งเมืองอียามะ (Iiyama Snow Hut Viilage)
จากเมืองมินามิอุโอนูมะ จ.นีงาตะ มุ่งหน้าสู่จังหวัด นางาโนะ (Nagano) นั่งรถลัดเลาะไปตามแนวเขา ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสองข้างทาง บางจุดมีหิมะทับถมสูงกว่า 2 เมตร เหมือนได้นั่งรถเที่ยว กำแพงหิมะ ขนาดย่อมๆ ไปในตัวเลย …
นั่งรถกันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็มาถึงหมู่บ้านกระท่อมหิมะ ที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสกับกระท่อมหิมะในระหว่างกลางเดือน มกราคม – ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ในปี 2022 เปิดระหว่างวันที่ 21 มกราคม ถึง 27 กุมภาพันธ์ค่ะ
ภายในบริเวณงาน จะจัดแบ่งเป็นโซนๆ จุดหลักจะมีกระท่อมหิมะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า คามาคุระ (Kamakura) เรียงราย ด้านในสุดจะเสาโทริอิ และกระท่อมที่มีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ด้านใน
เสาโทริอิสีแดงสดใส ตัดกับสีขาวของหิมะ เป็นวิวที่สวยประทับชวนถ่ายรูปไปลง IG อวดเพื่อนมากๆ เลยค่ะ
ด้านข้างๆมีโซนที่สร้างเป็นกำแพงหิมะ ให้เราได้ไปเนียนๆ ยืนถ่ายรูป เสมือนชั้นได้ไปเดินที่ กำแพงหิมะทาเทยาม่า 555 แล้วก็โซนเล่นหิมะของเด็กๆ ลานขับสโนว์โมบิล ที่นั่งรถไถหิมะเป็นต้น เรียกได้ว่ามีกิจกรรมให้ได้สนุกเยอะเลยค่ะ…
และถ้ามาช่วงค่ำๆ จะมีแสงเทียนลอดจากกระท่อมหิมะเล็กๆ และแสงไฟจากระท่อมใหญ่ส่องแสงนวลๆ ให้ชมด้วย
ถ้าอยากได้บรรยากาศแบบจุใจจัดเต็ม เราแนะนำให้จองแพ็คเก็จนาเบ้ไว้ล่วงหน้าค่ะ เค้าจะมีเมนูหม้อไฟท้องถิ่นที่เรียกว่า โนโรชินาเบะ (Noroshi Nabe) ที่มีส่วนประกอบเป็นเนื้อหมู ผัก เห็ดต่างๆ ตัวน้ำซุปจะเป็นรสมิโสะ ของจ.นางาโนะ มาพร้อมกับข้าวปั้น คนละ 1 ก้อน หม้อไฟ 1 หม้อ ต่อ 2 คน ไซต์ไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังพอดีค่ะ
ดื่มด่ำกับบรรยากาศเย็นๆ แล้วเข้ามานั่งซดซุปร้อนๆ ขอบอกเลยว่าฟินสุดๆ จ้า
แพ็คเก็จหม้อไฟจะเปิดบริการวันละ 4 รอบนะคะ แบ่งออกเป็นมื้อกลางวัน 2 รอบ มื้อเย็น 2 รอบ (วันธรรมดาจะมีแค่ 1 รอบทั้งมื้อกลางวันและกลางคืน)
นอกจากนี้ ยังมีโซนร้านขายอาหารเล็กๆ น้อยๆ ของเหล่าคุณลุงอารมณ์ดี มีมันเผาอุ่นๆ ขาย มีเหล้าหวาน อามะสาเกขาย (ไม่มีแอลกอฮอล์) ด้วยค่ะ
หมู่บ้านกระท่อมหิมะแห่งเมืองอียามะ (Iiyama Snow Hut Viilage)「かまくらの里」
วิธีเดินทาง: สำหรับคนที่ใช้รถไฟ Tokyo Station (Hokuriku Shinkansen) → Iiyama Station (Bus) → Hinanodaira Bus stop → Restaurant Kamakura Village (จากกรุงโตเกียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
พิกัด: https://goo.gl/maps/zsrZwZdsBQtvZLGr5
เว็บไซต์: https://www.iiyama-ouendan.net/en/special/kamakura/
(แพ็คเก็จนาเบ้ จองได้จากหน้าเว็ปไซต์)
ชิบุ ออนเซ็น (Shibu Onsen)
เที่ยวกันจนใกล้ค่ำ เราเดินทางไปที่พักคืนแรกกันค่ะ ระหว่างทางรถขับผ่านวิวเทือกเขาหิมะสวยมากๆ เลย
เป็นการเดินทางที่แทบไม่มีเวลาให้เผลอหลับได้เลย เพราะวิวสวยสุดๆ
ที่พักของเราคืนนี้อยู่ในย่านชิบุ ออนเซ็น (Shibu Onsen) เมืองยามาโนอูจิ (Yamanouchi) จังหวัดนางาโนะ (Nagano)
ชิบุ ออนเซ็นเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานถึง 1,300 ปี อยู่ใกล้จุดท่องเที่ยวดังๆ ของจังหวัดนางาโนะหลายแห่ง เช่น อุทยานลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani-地獄谷) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Snow Monkey เพียงแค่ 15 นาทีโดยรถยนต์ เป็นต้น
ลักษณะของพื้นที่จะเป็นซอยเล็กๆ เรียงรายไปด้วยอาคารไม้ ที่มีทั้งเรียวกัง (โรงแรมสไตล์ดั้งเดิมญี่ปุ่น) ร้านของฝาก รวมไปถึงคาเฟ่ที่ตกแต่งได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึก ราวกับนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปยังยุคสมัยก่อนของญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นจะนิยมมาแช่ออนเซ็น และเเต่งชุดยูกะตะ ใส่รองเท้าเกี๊ยะเดินเล่นกันไปตามถนนเล็กๆ เสียงรองเท้าเกี๊ยะที่กระทบกับพื้นหิน ก๊อก ก๊อก ก๊อก เป็นเสน่ห์ที่โด่งดังอีกอย่างของย่านออนเซ็นแห่งนี้ค่ะ
ความพิเศษที่หาไม่ได้จากย่านอื่น ก็คือ เค้ามีออนเซ็นสาธารณะให้ใช้บริการได้ถึง 9 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกาย แตกต่างกันไปตามแร่ธาตุของแต่ละบ่อ
นักท่องเที่ยวสามารถมาแช่ออนเซ็นแบบเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าจะให้ดีขอแนะนำว่าควรมาเข้าพักในเรียวกังไปเลย เพราะเราจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศแบบจุใจ โดยไม่ต้องเร่งรีบค่ะ
เอาล่ะ ไปดูที่พักของเรากัน…
เนื่องจากทางเข้าจะเป็นซอยแคบๆ แต่ละโรงแรมจะมีรถคันเล็กมารับลูกค้าตรงลานจอดรถส่วนกลางค่ะ และนี่คือรถที่มารับพวกเรา ผ่ามมมม ผ้ามมมมม ตุ๊กตุ๊กจ้า 55
โอ้ยย มีตุ๊กตุ๊กกลางหิมะด้วยอ่าาา
Shibu Onsen
เว็บไซต์: www.shibuonsen.net/english/
ชิบุออนเซ็น โรงแรมโคะคุยะ 信州渋温泉 古久屋
โรงแรมเก่าแก่ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1625 ปัจจุบันดูแลโดยเจ้าของรุ่นที่ 16 ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น มีทำเลอยู่ศูนย์กลางของย่านชิบุ ออนเซ็น เป็นโรงแรมที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็นมากๆ
ห้องอาบออนเซ็นของโรงแรม เป็นแบบห้องส่วนตัวและบ่อใหญ่แช่รวม (แยกชาย-หญิง) โดยห้องส่วนตัวมีให้บริการถึง 9 บ่อ แถมยังมีห้องพักที่มีบ่อออนเซ็นส่วนตัวให้อีกด้วย (*ช่วงโควิด หยุดให้บริการห้องอาบรวมชั่วคราว)
จุดพิเศษอีกอย่างของโรงแรมนี้คือ เค้ามีออนเซ็นจาก 6 แหล่งมาให้บริการค่ะ เรียกได้ว่า เป็นสวรรค์บนดินของคนที่หลงใหลการแช่ออนเซ็นเลยทีเดียว
แน่นอน ห้องพักของเราในคืนนี้ เป็นแบบมีออนเซ็นส่วนตัวในห้อง ชื่อห้อง Sagano เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นปูด้วยเสื่อทาตามิ พื้นที่ใช้สอยกว้างมาก ห้องนี้นอนได้สูงสุด 5 คนค่ะ
ภายในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เครื่องชงกาแฟแบบปั่นเมล็ดเองก็มีพร้อมน้าาาา ถูกใจคอกาแฟอย่างเราเป็นที่สุด ….
มาดูไฮไลท์ของห้องกัน จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากบ่อออนเซ็นส่วนตัวจ้าาาา
อ่างที่ทำจากไม้หอมบนระเบียงไม้มีสวนเล็กๆ พอชื่นใจ (แต่หน้าหนาวจมอยู่ใต้หิมะนะ55) แถมในอ่างยังมีจากูชซี่ให้อีกด้วย
ตอนกลางคืนออกมานอนแช่ชมดาวว่าฟินแล้ว มาเจอตอนเช้าที่พอเปิดประตูออกมาแล้วเจอไออุ่นๆ จากอ่างที่กระทบกับแสงแดดนี่ ทำเอายืนตะลึงไปชั่วคราวกันเลยค่ะ ….
ในส่วนของอาหารก็ไม่เป็นรองใคร อาหารไคเซกิที่เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล มีการเปลี่ยนแปลงเมนูในทุกๆ เดือนให้แขกที่เข้าพักได้มาลิ้มลองของอร่อยๆ อย่างไม่มีเบื่อ
เมนูของเราครั้งนี้จัดมาเต็มมากๆ ค่ะ ทั้งมื้อค่ำและมื้อเช้า ทำเอาอิ่มจนแทบลุกไม่ขึ้นไปตามๆ กัน
รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว ออกไปเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ โรงแรมกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโรงแรม มีที่พักที่ชื่อว่า คานางุยะ (Kanaguya) มีบ่ออนเซ็นที่ว่ากันว่ามีลักษณะเหมือนกันกับโรงอาบน้ำที่ตัวละครเอกในการ์ตูนอะนิเมะชื่อดังของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) เรื่อง “Spirited Away มิติวิญญาณมหัศจรรย์” นั้นทำงานอยู่ ที่นี่ในช่วงเวลา 19.00 – 22.00 น. จะมีการเปิดไฟไลท์อัพ ส่องแสง ทำให้ดูขลังมีเสน่ห์สุดๆเลยค่ะ
ชิบุออนเซ็น โรงแรม โคะคุยะ 信州渋温泉 古久屋
เว็บไซต์: www.ichizaemon.com/
Day 2
อุทยานลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani-地獄谷)
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ของทริป ด้วยออนเซ็นส่วนตัวในห้อง และอาหารเช้าแสนอร่อยกันแล้ว ก็เตรียมออกเดินทางกันค่ะ
จากที่พักนั่งรถไปแค่1 5 นาที ก็ถึงจุดเที่ยวแห่งแรกในวันนี้ของเราแล้ว …. อุทยานลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani-地獄谷) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Snow Monkey ค่ะ
ที่นี่จะมีฝูงลิงป่าญี่ปุ่น ที่มีจำนวนเยอะมาก กว่า 160 ตัวเลยทีเดียว และน้องๆ จะออกมาหาอาหารกันทุกวัน ตลอดทั้งปี และลงมาแช่ในบ่อออนเซ็นให้เราได้ไปเห็นหน้าฟินๆ ของน้องๆ ได้ในระยะใกล้ ถ้าไปช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เราจะได้เห็นเจ้าจ๋อตัวจิ๋วที่เพิ่งเกิดออกมาวิ่งเล่นแช่น้ำกับคุณแม่ลิงด้วยจ้า
แต่ก็มีข้อควรระวังเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะน้องๆ เป็นลิงป่าธรรมชาติ ถึงจะเชื่อง และไม่กลัวคนก็ตามนะคะ
ดังนั้นก่อนไปควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไว้ก่อนเดินทาง เช่น ไม่นำอาหาร และเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณสวนฯ และไม่ให้อาหารหรือเอาอาหารมาล่อลิง ไม่ใช้ไม้เซลฟี่ เป็นต้น จะได้เที่ยวอย่างสนุกๆ กันน้า…
สวนจิโกคุดานิ ตั้งอยู่ด้านบนของหุบเขา ไม่สามารถนำรถเข้าไปได้ ต้องเดินเท้าจากบริเวณเชิงเขาด้านล่าง ระยะทางเดินประมาณ 1.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที – 1 ชั่วโมง
ในช่วงฤดูหนาว จะมีหิมะปกคลุมบนทางเดิน และมีบางจุดที่ลื่นมากๆ ควรสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับการเดินบนหิมะค่ะ และช่วงฤดูหนาว มีอากาศที่เย็นมาก ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมด้วยน้า ซึ่งถ้าใครไม่ได้เตรียมมา ก็มีรองเท้าให้เช่าตรงร้านหน้าทางเข้าสวนฯ เลย แต่มีเวลาปิดเปิด อย่าลืมเช็คเวลาดีๆ ก่อนแพลนทริปเที่ยวกันนะคะ
อุทยานลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani-地獄谷)
ค่าเข้าชมสถานที่: ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็ก 400 เยน
พิกัด: https://goo.gl/maps/eYQY4dtyNqjo9G159
เว็บไซต์: http://en.jigokudani-yaenkoen.co.jp/
Monsensaryo Yayoiza 門前茶寮彌生座
ในช่วงบ่ายกลับมากันที่เมืองนากาโนะ เราจะไปเยี่ยมชมวัดเซ็นโคจิในเมืองนางาโนะกันค่ะ
ก่อนไป แวะรับประทานมื้อกลางวันกันก่อนที่ร้าน Monsensaryo Yayoiza 門前茶寮彌生座 ซึ่งเป็นร้านอาหารพื้นเมือง อยู่ใกล้กับวัดเซ็นโคจิ หรือจะบอกว่าอยู่ข้างๆ วัดเลยก็ได้ เพราะแค่เดินแป๊ปเดียว ก็เข้าไปไหว้พระได้แล้ว (*^-^*)
ร้านอาหารที่นำอาคาร 100 กว่าปี มารีโนเวทได้บรรยากาศสุดคลาสสิค แต่เดิมในช่วงเอโดะตอนปลายอาคารหลังนี้เป็นโรงทำเสื่อทาตามิ หลังจากนั้นได้ถูกทิ้งร้างไว้ จนเมื่อ 25 ปีก่อนได้มีการรีโนเวทใหม่ และเปิดให้บริการในรูปแบบร้านอาหารในบ้าน โคมินกะ (古民家)
คอนเซ็ปต์ของร้าน คือการให้ลูกค้าได้มานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศในบ้านเก่าสุดคลาสสิค ให้เวลาผ่านไปช้าๆ และเพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองของจ.นางาโนะ นำมาประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไสต์ของผู้คนยุคปัจจุบัน เน้นวัตถุดิบของท้องถิ่นเป็นหลัก นำมารังสรรค์เมนูแสนอร่อยและดีต่อสุขภาพ
เมนูซิกเนเจอร์ของร้านจะเป็น เซ็ตอาหารเซโรมูชิ (せいろ蒸し) ที่นำผักต่างๆ และเนื้อท้องถิ่น มีทั้งเนื้อวัวชินชู (เนื้อวากิวของนางาโนะ) เนื้อหมูคูโระบูตะ และไก่เป็นต้น นำมานึ่งในภาชนะที่เรียกว่า เซโร (せいろ) ขนาดใหญ่ 30 ซม. ทำจากไม้สน ซาวะระ (サワラ材) รับประทานกับซอสพอนสึ หรือซอสงาเข้มข้นอร่อยสุดๆเลยค่ะ และยังมีเมนูโชจิเรียวริ (精進料理) ที่เป็นอาหารเจหรือมังสวิรัติแบบญี่ปุ่นไว้บริการอีกด้วย
ใครที่เป็นสายสุขภาพ เราขอแนะนำว่าอย่าพลาดที่จะมาชิมร้านนี้ค่ะ… เพราะนอกจากจะมีอาหารอร่อยๆ แล้ว
ยังได้สัมผัสกับเสน่ห์ของบ้านโบราณ kominka อีกด้วย แถมร้านนี้ยังอยู่บริเวณถนนคนเดินหน้าวัด เดิน 2 นาทีก็เข้าไปไหว้พระได้แล้วค่ะ
Monsensaryo Yayoiza 門前茶寮彌生座
พิกัด: https://goo.gl/maps/pUUmTGyDC6WecNSt8
เว็บไซต์: http://www.yayoiza.jp/cgi-bin/top.cgi
วัดเซ็นโคจิ Zenkoji (善光寺)
วัดคู่บ้านคู่เมืองของนางาโนะ มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 1,400 ปี เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกที่นำเข้ามาในญี่ปุ่น และเป็นวัดที่ไม่แบ่งแยกชนชั้น นิกาย และไม่จำกัดความศรัทธาของสตรีในพุทธศาสนา
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เสริมพลังชีวิต (Power Spot) ที่คนญี่ปุ่นเองยังบอกว่าถึงอยู่ไกลแค่ไหน ก็ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิตอีกด้วย
จุดที่น่าสนใจของวัดมีหลายแห่ง เช่น อารามหลักที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติของชาติตกแต่งประณีตงดงาม ประตูใหญ่ซันมง และหอเก็บเอกสารที่เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ได้รับมอบจากราชวงค์ไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย – ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1937
“โอบินซึรุซัง” びんずる尊者 ที่ว่ากันว่าหากได้ไปลูบบริเวณที่มีความเจ็บป่วยก็จะได้รับพลังที่จะทำให้ความเจ็บป่วยหายไป กว่า 300 ปี ที่เหล่าผู้ศรัทธาได้มากราบไหว้และลูบคลำจนใบหน้าของท่านแบนราบขึ้นเงาวับๆ กันเลยทีเดียว…
ไหว้พระทำจิตใจให้สงบแล้วอย่าพลาดที่จะไปลองเดินรอดใต้อารามหลักเพื่อค้นหา “กุญแจสู่สวรรค์” ที่มีลักษณะคล้ายห่วงประตู อยู่ชั้นใต้อาคารตรงกับตำแหน่งพระประธานด้านบนพอดี เราต้องเดินลงบันไดไปข้างล่าง จะเป็นทางเดินแคบๆ ที่มืดๆ ให้เราค่อยๆ เดินคลำผนังไปเรื่อยๆ มีความเชื่อว่า หากคลำพบกุญแจนี้จะสามารถไปสู่สวรรค์ได้…
ประตูใหญ่ซันมง (Sanmon /三門) สร้างขึ้นในปี 1750 ด้านบนจะมีป้ายชื่อวัดที่ใช้ตัวอักษร 3 ตัว ภายในตัวอักษรนี้ จะมีนกพิราบซ่อนตัวอยู่ 5 จุด ใครไปแล้วอย่าลืมสังเกตดูนะคะ
จุดนี้เราสามารถขึ้นไปบนชั้น 2 ได้ (มีค่าใช้จ่ายคนละ 500 เยน) หากขึ้นไปแล้ว จะสามารถมองเห็นวิวของอาคารหลักและทางเดินเข้าวัดได้อย่างเต็มตา ถือเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดค่ะ
ไหว้พระกันแล้วออกมาเดินเล่นที่ถนนนากามิเสะกันต่อ ถนนเส้นนี้มีร้านค้ามากมาย ทั้งอาหารและร้านขายของที่ระลึก ของกินเล่นต่างๆ ที่เยอะมากกกกก
มานางาโนะทั้งที อย่าพลาดที่จะชิม โอยากิ ซาลาเปาสอดไส้ด้วยด้วยผักต่างๆ ไส้ที่ดังที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ผักดอง โนซาวานะ แต่เสียดายวันนี้ขายหมดแล้ว เลยชิมไส้เห็ดไมตาเกะ โอ้โหหหห เด็ดไม่แพ้กัน (แอบดีใจที่โนซาวานะหมด เลยได้ชิมรสที่ไม่เคยชิมมาก่อน ฮ่าาา)
อีกร้านที่อยากแนะนำคือ ร้าน BENI-BENI เป็นร้านพายแอปเปิ้ลที่ใช้แอปเปิ้ลแสนอร่อยของจังหวัดนางาโนะมาอบ ขอบอกเลยว่า ถ้าได้ชิมแล้ว จะลืมไม่ลงเลยทีเดียว
วัดเซ็นโคจิ Zenkoji (善光寺)
พิกัด: https://goo.gl/maps/SJhiWceVoCpFtQxZ9
เว็ลไซต์: https://www.zenkoji.jp/
Hakuba Tokyu Hotel (白馬東急ホテル)
จากตัวเมืองนางาโนะ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านฮาคุบะ (Hakuba Valley) เพื่อเตรียมลุยเที่ยวลานสกีในวันรุ่งขึ้น คืนนี้เราจะพักกันที่ Hakuba Tokyu Hotel ค่ะ
ที่นี่โรงแรมรีสอร์ทขนาดใหญ่สไตล์ สกีลอดจ์แสนคลาสสิก ที่เปิดบริการมากว่า 60 ปี ถือได้ว่าเป็น โรงแรมรีสอร์ทที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มโรงแรมโตคิว (Tokyu)
ตัวโรงแรมรายล้อมไปด้วยธรรมชาติของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ เหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งได้น่ารักสุดๆ แน่นอนว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีครบ แถมวิวจากระเบียงห้องนั้นขอบอกเลยว่าหลักล้านค่ะ
วันที่ฟ้าใสๆ ตื่นเช้ามาก็จะได้เจอกับวิวแบบนี้กันเลย
นอกจากนี้ Hakuba Tokyu Hotel ยังมีบริการอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาเล่นสกี สโนว์บอร์ด เช่นจุดเช่ายืมอุปกรณ์ และร้านค้าจำหน่ายของเล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็น เช่น แว่นสกี ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ รวมไปถึงชุดใส่เดินป่า และของฝากน่าซื้อมากมาย
และยังมีบริการ รถชัตเทิลบัสไปส่งยังลานสกีใกล้เคียง และห้องออนเซ็นที่มีน้ำแร่ธาตุดีเยี่ยมจากแหล่งออนเซ็น Happo ที่ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นด่างสูงเมื่อแช่แล้ว จะช่วยให้ผิวสวยนุ่มลื่นอีกด้วย
ในส่วนของอาหารนั้นก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารญี่ปุ่นไปถึงห้องอาหารฝรั่งเศส ที่ปรุงแต่งมาได้อย่างลงตัวและการบริการระดับพิเศษของพนักงาน ที่จะทำให้มื้อค่ำของเราเป็นมื้อเเสนวิเศษ ยากจะลืมเลือนเลยทีเดียวค่ะ
Hakuba Tokyu Hotel (白馬東急ホテル)
พิกัด: https://goo.gl/maps/CvaeZSZ7WpTVDmzdA
เว็บไซต์: https://www.tokyuhotels.co.jp/hakuba-h/
*****
เอาล่ะค่ะ เที่ยวกันจุใจไป 2 วันเต็มๆ Ep. ต่อไป เราจะพาทุกคนไปลุยลานสกีดัง Hakuba Iwatake Snow Field และจุดท่องเที่ยวอื่นๆ
รับรองว่าสนุกไม่แพ้ 2 วันแรกแน่นอน ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ ….
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– แจกพิกัดเที่ยวญี่ปุ่นท้าลมหนาว นีงาตะ-นางาโนะ (NIGATA, NAGANO) Ep.3
– แจกพิกัดเที่ยวญี่ปุ่นท้าลมหนาว นีงาตะ-นางาโนะ (NIGATA, NAGANO) Ep.2
– เที่ยวละไมในนีงาตะ และมุราคามิ หมู่บ้านแห่งสายน้ำ
– Niigata แดนแห่งสายน้ำ
– สัมผัสประสบการณ์แช่น้ำแร่ ชมหิมะ กับห้องพักสุดหรูที่ Ryugon จังหวัดนีงาตะ
– เที่ยวนีงาตะ
#แจกพิกัดเที่ยวญี่ปุ่นท้าลมหนาว นีงาตะ-นางาโนะ (NIGATA, NAGANO) Ep.1