เทคนิคการรับมือลูกค้าผู้น่ารักนี้ มาจากละครเรื่อง “Nietzsche Sensei” สร้างมาจากมังงะเรื่อง “Niche Sensei Konbini ni Satori Sedai no Shinjin ga Maiorita” ของโคมะ มัตสึ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานสุดเพี้ยนในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง น่าสนใจและฮามากทีเดียวจ้า 😉
เทคนิคการรับมือลูกค้าผู้น่ารักนี้ มาจากละครเรื่อง “Nietzsche Sensei” สร้างมาจากมังงะเรื่อง “Niche Sensei Konbini ni Satori Sedai no Shinjin ga Maiorita” ของโคมะ มัตสึ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานสุดเพี้ยนในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ต่อมา วันดีคืนดีก็มีนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนคณะพุทธศาสตร์ ชื่อว่า โทโมฮารุ นิอิ (รับบทโดย โชทาโร่ มามิยะ) เข้ามาสมัครเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ และมีวิธีการรับมือกับลูกค้าที่ไม่เหมือนใคร พร้อมกับฉายาว่า “นิทเช่ เซนเซย์”
ที่มาของฉายา “นิทเช่ เซนเซย์” ก็มาจากว่า อยู่มาวันหนึ่งนิอิคุงเจอลูกค้าโมโหใส่ แล้วคุณลูกค้าก็พูดมาคำหนึ่งว่า “พวกแกต้องเห็นลูกค้าเป็นพระเจ้าสิ!” แทนที่นิอิคุงจะรีบก้มหัว ขอโทษขอโพย แต่เขากลับตอบคุณลูกค้าไปว่า “พระเจ้า…ตายไปแล้ว” ซึ่ง “พระเจ้าตายไปแล้ว” เป็นประโยคชื่อดังของ “ฟรีดิช นิทเช่” นักปรัชญาชื่อดังของชาวเยอรมันค่ะ ผู้ที่มีความเชื่อว่า ไม่ว่าชีวิตจะลำบากวุ่นวายสักเพียงใด มนุษย์ก็ไม่สามารถหันไปพึ่งพาพระเจ้าได้… จากเหตุการณ์นี้ ทำให้นิอิคุงได้รับฉายาจาก “มัตสึโคมะ” (รับบทโดย เคนจิ อุราอิ) รุ่นพี่ในร้านสะดวกซื้อ ที่แอบตั้งฉายาอย่างแอบๆ ทดไว้ในใจว่า “นิทเช่ เซนเซย์” และจากวันนั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็เริ่มได้เรียนรู้วิธีการรับมือลูกค้าที่ไม่เหมือนใครจากนิทเช่ เซนเซย์คนนี้ พร้อมกับลูกค้าที่มากหน้าหลายตา
จากที่ได้ดูละครเรื่องนี้ หลายคนอาจมองว่า มันเป็นละครที่เน้นฮา เน้นตลกอย่างเดียว อย่าหาสาระอะไรจากเรื่องนี้ แต่พอดูเข้าจริงๆ แล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ได้เน้นเพี้ยน เน้นฮาอย่างเดียวค่ะ แต่กลับแทรกสาระเรื่องอาชีพพนักงานสะดวกซื้อ และข้อคิดดีๆ เอาไว้ให้เราเห็นด้วย โดยเฉพาะเรื่องการบริการหรือวิธีรับมือกับลูกค้านี่แหละ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทุกคน โดยเฉพาะ “นิทเช่ เซนเซย์” หรือ “นิอิคุง” ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมเทคนิคพิเศษจากนิอิคุงว่า มีวิธีการรับมือกับลูกค้าที่น่าสนใจอะไรบ้าง
เทคนิคการรับมือกับคุณลูกค้าผู้น่ารักตามฉบับนิทเช่ เซนเซย์
1.รับมือกับโจรด้วยอุปกรณ์ใกล้ตัว
ปัญหาที่ต้องระวังในการทำงานร้านสะดวกซื้อกะดึกเลยก็คือ เรื่องการถูกปล้นนี่แหละค่ะ ซึ่งนิทเช่ เซนเซย์ของเราก็มีวิธีการจัดการที่มาแนะนำก็คือ ให้ใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างซอสมะเขือเทศและมาสตาร์ด ฉีดใส่เข้าไปที่ตาของโจรให้ตาบอดไปเลย!!! จากนั้นกระโดดเตะก้านคอจากเคาน์เตอร์ และรีบข้ามมาล็อกตัว หักคอ หักข้อทุกข้อ ใช้ไม้มาตีพร้อมเทศน์สั่งสอน (ขั้นตอนนี้อาจข้ามไปได้ค่ะ ถ้าไม่ถนัด…) แล้วเรียกตำรวจ
2. ต้องมีทักษะที่หลากหลาย
เพราะเราไม่รู้ว่า แต่ละวันเราจะต้องเจอลูกค้าแบบไหนบ้าง คนแต่ละคนก็มีลักษณะ ท่าทาง นิสัย ความคิดความอ่านที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น เราต้องมีทักษะหลายรอบด้าน อย่างเช่น นิทเช่ เซนเซย์คนนี้ แม้ภายนอกจะดูนิ่งๆ ทื่อๆ และแสนเย็นชา แต่ก็แอบมีความสามารถเยอะนะคะ นิทเช่ เซนเซย์ พูดภาษาเยอรมันได้ พอเจอลูกค้าชาวเยอรมันก็ชวนคุยได้สบาย หรือบางทีก็เจอลูกค้าแปลกๆ ที่นอกจากจะจ่ายเงินมาเป็นเศษเหรียญทั้งหมดแล้ว ยังจะชวนเล่นโกะด้วยเหรียญพวกนั้นด้วย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะนิทเช่ เซนเซย์มีความสามารถหลายด้าน ก็เล่นไปกับเขาได้ แถมเล่นชนะอีกต่างหาก สร้างความประทับใจกับลูกค้าไปเต็มๆ เลยทีเดียว
3. เมื่อถูกลูกค้าเหวี่ยงใส่ ก็ควรยิ้มรับ พร้อมกล่าวขอบคุณ
ทุกวันนี้ก็มีทั้งคุณลูกค้าที่น่ารัก และไม่น่ารักปะปนกันไป บางคนพอทำผิดใจอะไรหน่อย ก็โมโห โวยวายใส่ ด่าพนักงานแบบเสียๆ หายๆ ถ้าหากเจอสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็ นิทเช่ เซนเซย์ แนะนำว่า ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงกับเขาค่ะ แต่ควรน้อมรับ และกล่าวคำขอบคุณ พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ และโค้งคำนับส่งคุณลูกค้าจนกว่าจะเดินพ้นร้านไป จากวิธีการนี้ นิทเซ่ เซนเซย์ ช่างดูเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยน และใจดีสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่ในนี้ก็คือ…
“ลูกค้าที่ดี เราก็หวังว่าจะกลับมาใช้บริการใหม่
ส่วนลูกค้าที่เหมือนขยะอย่าได้โผล่หัวมาอีก
อยู่ให้ห่างกันอย่างน้อย 50 เมตรไปตลอดชาติ
เพ่งสมาธิไปที่ความรู้สึกแบบนี้ แล้วโค้ง”
เอ่อ…ความจริงที่ซ่อนอยู่ก็คือ ไอ้การส่งยิ้ม ขอบคุณ และโค้งอย่างสุดซึ้งเนี่ย ก็เหมือนเป็นการส่งอำลาให้คุณลูกค้าผู้ไม่น่ารัก ไปจากร้านนี้อย่างไกลสุดลูกหูลูกตา อย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่ต่างหาก… แต่ถ้ามองอีกแง่ มันก็เป็นวิธีการที่ทำให้เราใจเย็นเวลาเจอลูกค้าได้ดีนะคะ ใครที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ ลองเก็บเทคนิคไปใช้ดูก็น่าจะดีนะคะ…
4. เทคนิคขายของเก่าให้หมดก่อน
อีกหนึ่งภารกิจที่พนักงานร้านสะดวกซื้อต้องจัดการให้ได้ก็คือ การระบายสินค้าเก่าให้หมดไปก่อนที่มันจะหมดอายุ ด้วยวิธีการเรียงสินค้าที่ใกล้หมดอายุไว้ด้านหน้า ส่วนของใหม่ไว้ด้านหลัง ขายตามลำดับไป แต่ปัญหามันก็มีตรงที่ว่า คุณลูกค้าบางคนก็อยากจะได้ของที่สดใหม่ที่สุด ก็เลยมักจะเลือกหยิบของใหม่ๆ ที่อยู่ด้านหลังน่ะสิ ทำให้ระบายของเก่าไม่หมดสักที และพอของพวกนั้นก็ขายไม่ได้ ก็ต้องถูกนำไปทิ้ง ซึ่งปัญหาตรงนี้นิทเช่ เซนเซย์ก็เล็งเห็นเหมือนกันค่ะ เลยแนะนำรุ่นน้องในร้านว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเนี่ย ก็ให้หลอกลูกค้ากลับอีกที โดยให้เอาของเก่าไปไว้ข้างหลัง ของใหม่วางไว้ข้างหน้าแทน เท่านี้ของเก่าที่ว่าก็จะถูกขายไปหมด…เอ่อออ จะดีไหมคะเนี่ย…
5. รู้จักโกหกบ้าง เพื่อความสุขของลูกค้า
แน่นอนว่า ความซื่อสัตย์ก็เป็นคุณสมบัติสำคัญของพนักงาน เราควรมีความจริงใจ ซื่อตรงต่อลูกค้า แต่ในบางครั้ง การโกหกก็อาจเป็นสิ่งจำเป็นก็ได้ค่ะ ในเรื่องนี้มีตอนหนึ่ง ที่ทางร้านสะดวกซื้อมีกิจกรรมจับสลากชิงรางวัล และมีพ่อลูกคู่หนึ่งมาร่วมสนุกด้วย และรางวัลที่ได้คือ “ได้กินโคอาล่ามาร์ช 1 สัปดาห์” ลูกสาวเขารู้สึกดีใจมาก แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะจู่ๆ คุณพนักงานเช็กมาได้ว่า วันนี้เป็นวันที่เกมหมดเขตร่วมสนุกแล้ว แต่เพื่อไม่ให้ลูกสาวเสียใจ คุณพ่อเลยโกหกลูกว่า ได้รางวัล วันต่อมา คุณพ่อก็เลยมาที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อมาซื้อโคอาล่ามาร์ชให้ลูกกินทั้งสัปดาห์แทนค่ะ พอนิทเช่ เซนเซย์เห็นยังงี้เข้า ก็เลยไม่คิดเงินค่าโคอาล่ามาร์ช แล้วบอกคุณพ่อว่า
“เอาไปเลยครับ…ขอโทษในความผิดพลาดของเราด้วยที่ทำให้เกิดปัญหา
ที่จริงสลากหมดเขตวันนี้ครับ”
พอพูดจบคุณพ่อก็รู้สึกดีใจมาก ในใจนิทเช่ เซนเซย์ลึกๆ เองก็น่าจะดีใจตามไปด้วยเช่นกันค่ะ ที่เขาสามารถทำให้ลูกค้ามีความสุขได้
6. ความนิ่งสยบทุกสิ่ง
ถ้าพูดถึงอาชีพเกี่ยวกับการขาย คุณสมบัติเด่นๆ ที่น่าจะต้องมีติดตัวมาด้วยเลยก็คือ ความช่างพูด ช่างเจรจา ดูเป็นมิตร แต่สำหรับนิทเช่ เซนเซย์เป็นคนที่ฉีกกฎเกณฑ์เหล่านี้ไปเลยค่ะ เพราะว่าเขาไม่มีคุณสมบัติตามนี้เลย นิทเช่ เซนเซย์เป็นคนที่นิ่งๆ เงียบๆ สุขุม พูดน้อยมากๆๆๆ ดูไม่ค่อยน่าเป็นมิตร หรือน่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่ด้วย (แต่ดีว่ามีความหล่อเข้ามาช่วย) แต่ด้วยความสงบ เยือกเย็นของเขานี่แหละค่ะ คือสิ่งที่ทำให้ผู้จัดการร้านเลือกเขามาทำงาน เพราะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร คนแบบนี้จะมีสติ คิดแก้ปัญหาได้ดี ไม่ตื่นตระหนกไปก่อน และที่สำคัญ เขาพูดน้อยก็จริง แต่พูดรู้เรื่อง สามารถจบการขายได้
7. คำขอบคุณคือพลังของทุกสิ่ง
ในแต่ละวันของพนักงานร้านสะดวกซื้อคงต้องเหน็ดเหนื่อยเอามากๆ ไหนจะต้องจัดของขาย อดหลับอดนอน ยืนทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมง ต้องคอยรับมือกับลูกค้าในแบบต่างๆ บางทีเจอลูกค้าดุใส่มากๆ ก็อาจทำให้ท้อไปเลย แต่รู้ไหมคะว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาทำงานนี้ไปได้ทุกวันด้วยความรัก นั่นมาจากคำ “ขอบคุณ” ของลูกค้าเพียงคำเดียวค่ะ
อย่าง “มัตสึโคมะ” ตัวละครในเรื่อง ที่ทำงานในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้มานาน ตั้งแต่ทำงานมาเขาก็เจอกับลูกค้าหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจทำงานนี้ต่อไปได้คือ คำขอบคุณจากคุณลุงคนหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นลูกค้าคนแรกที่กล่าวคำขอบคุณกับเขา หลังจากที่เขาบริการด้วยความเต็มใจ และจากคำขอบคุณนั้น เป็นกำลังใจให้มัตสึโคมะทำงานได้ดีขึ้น เวลาท้อเมื่อไหร่ ก็ย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนั้นว่า อย่างน้อยสิ่งที่เราทำ ก็ยังมีคนที่เขารู้สึกดีและเห็นคุณค่าอยู่นะ
“ถึงแม้จะยังมีลูกค้าที่รับมือยาก
แต่พอเจอคนพวกนั้น แล้วมาคิดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมสบายใจขึ้น
คำขอบคุณมีความหมายมากกว่าที่ใครคิด”
คำขอบคุณเพียงคำเดียว แต่เป็นสิ่งที่มีค่ามากขนาดที่ว่า ทำให้ใครสักคนยังสามารถทำงานที่เหนื่อยยากต่อไปได้ด้วยใจรัก…
Nietzsche Sensei ละครญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีแค่เรื่องคอมเมดี้ เอาแต่ตลกเฮฮาอย่างเดียว แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวชีวิตของพนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่ถึงแม้จะเหนื่อยยากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ทำทุกวันให้มีความสุข และสนุกไปกับงานที่ตัวเองรัก
เรื่องแนะนำ :
– 7 สิ่งที่ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวอาชีพมีไม่เหมือนใคร
– Kazoku no Katachi : โสดแบบตั้งใจ “การแต่งงาน” อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต
– แม้นักแสดงญี่ปุ่นมีอายุเพิ่มขึ้น ก็ยังรับบทพระ-นางได้!?
– สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในละครสืบสวนญี่ปุ่นของแท้!
– ละครญี่ปุ่นที่ชวนให้หลงรักหนังสือ
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
http://asianwiki.com/Mr._Nietzsche_in_the_Convenience_Store