เเหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 6 : อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น (ภาคต้น)
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่พายุเข้าเมื่อเย็นวาน ฝนตกลมแรง พอเช้ามาอากาศดีผิดคาด ร้อนและแดดแรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่นึกว่าฝนน่าจะตกยาว ๆ ตกค่ำป้าหมวยยยดูข่าวทีวี ถึงรู้ว่าพายุอ่อนกำลังลงแล้วดิ่งฮวบลงใต้ไปทางจังหวัดคาโงชิม่า โอกินาว่าแทนที่จะไปทางตะวันตกผ่านนางาซากิและหมู่เกาะโกโต้ตามที่พยากรณ์ไว้ตอนแรกซะงั้น นี่แหละค่ะพายุ เอาแน่เอานอนอะไรกับมันไม่ได้เลย
สำหรับวันนี้ป้าจะพาไปเจาะลึกสถานที่แห่งหนึ่งในนางาซากิที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ นอกเหนือไปจากรูปปั้นแห่งสันติภาพและพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูที่ตำบลอุราคามิค่ะ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ในเชิงลึกมากขึ้น
สถานที่แห่งนั้นคือ อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น (日本二十六聖人記念館 Nihon Nijūroku Seijin Kinenkan / 26 Martyrs Museum and Monument) ที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟนางาซากิเพียง 5 นาที โดยข้ามถนนแล้วเดินตามทางและขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อย
บันไดสู่สวนสาธารณะนิชิซากะที่ตั้งอยู่บนเนิน (ถ่ายเมื่อปี 2016)
ณ เนินนิชิซากะ (西坂 Nishizaka) แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่คริสตังหลายร้อยคนสละชีวิตเป็นศาสนพลีตลอดระยะเวลา 400 ปีแห่งการเบียดเบียนศาสนา โดยเริ่มจากบาทหลวง ภราดา และคริสตังทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นรวม 26 คนเป็นกลุ่มแรก
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ย้อนไปตั้งแต่นักบุญฟรังซิสเซเวียร์ (Saint Francis Xavier) ได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในปี 1549 ไม่กี่สิบปีหลังจากนั้นศาสนาคริสต์ได้เริ่มแพร่ไปทั่วญี่ปุ่น ประชาชนจำนวนมากแม้กระทั่งไดเมียวและซามุไรต่างเข้ารีตไม่น้อยกว่าสามแสนคน
โชกุนโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (豊臣秀吉 Toyotomi Hideyoshi) เริ่มมองว่าศาสนาคริสต์และชาวตะวันตกอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงในการปกครองในภายหน้า จึงออกกฏขับไล่บาทหลวงเรียกว่า “บาเทเร็นซุยโฮเร”(伴天連追放令 Bateren Tsuihōrei) ในปี 1587 เพื่อจำกัดกิจกรรมการเผยแพร่ศาสนา แต่เนื่องจากยังมีผลประโยชน์ในการค้ากับชาติตะวันตก จึงไม่ได้บังคับใช้อย่างเคร่งครัดนัก ยังมีบาทหลวงหลายคณะทำงานแพร่ธรรมอยู่ในประเทศ
จนเกิดเหตุเรือสินค้า San Felipe ของสเปนที่อยู่ระหว่างการเดินทางจากฟิลิปปินส์ไปยังเม็กซิโก ถูกพายุพัดเสียหายและเกยตื้นที่ชายฝั่งญี่ปุ่นที่โทสะในปี 1596 ไดเมียวท้องถิ่นเข้ายึดสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งอาวุธปืนใหญ่ เมื่อกัปตันมัสทิอัส เด รันเดโช (Matias de Randecho) เข้าร้องทุกข์ และข้าหลวงใหญ่สอบสวนคนบนเรือถึงที่มาที่ไปของเรือ ต้นหนนำแผนที่แสดงอาณานิคมของจักรวรรดิสเปนมาให้ดูและโอ้อวดว่า อาณานิคมเหล่านี้ได้มาโดยเปลี่ยนคนพื้นเมืองในประเทศให้หันมานับถือศาสนาคริสต์ผ่านทางบาทหลวงมิชชันนารี แล้วส่งกองทหาร Conquistador (ผู้พิชิต) ไปรุกเอาดินแดนมา
เมื่อฮิเดโยชิที่ไม่ไว้ใจชาวต่างชาติอยู่แล้วได้รับรายงาน จึงออกประกาศบังคับห้ามนับถือศาสนาคริสต์อีกครั้งในวันที่ 8 ธันวาคม 1596 นำมาซึ่งการจับกุมพระสงฆ์ ภราดาและคริสตังผู้นับถือศาสนาในพื้นที่เกียวโตและโอซาก้า ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติได้แก่ ชาวสเปน โปรตุเกส และเม็กซิโก 6 คนและชาวญี่ปุ่น 20 คน โดยตอนแรกจับกุมไว้ 24 คนและเพิ่มเติมอีก 2 คนในภายหลัง
อนุสาวรีย์นักบุญมรณสักขีทั้ง 26 แห่งญี่ปุ่น
นักบุญทั้ง 26 มีดังนี้ (จากขวาไปซ้าย)
1. นักบุญฟรังซิสโก คิจิ (聖フランシスコ吉 / St. Francis Kichi)
ช่างไม้จากโตเกียว เป็นผู้มีความซื่อสัตย์มั่นคง แม้ไม่ได้ถูกจับกุมตั้งแต่แรก แต่ยืนยันที่จะติดตามเดินทางไปกับคณะจนได้ร่วมเป็นมรณสักขี
2. นักบุญคอสเม (คอสมาส) ทาเคยะ (聖コスメ竹屋 / St. Cosmas Takeya)
เดิมเป็นช่างตีดาบจากโอวาริ ได้รับศีลล้างบาปจากบาทหลวงคณะเยซูอิตและทำงานเป็นครูคำสอนกับคณะฟรังซิสกันในโอซาก้า
3. นักบุญเปโตร สุเคจิโร (聖ペトロ助四郎 / St. Peter Sukejiro)
ชายหนุ่มจากเกียวโตผู้ได้รับคำขอจากคุณพ่อออกันติโนให้มาดูแลคณะระหว่างเดินทางไปนางาซากิโดยเฉพาะเรื่องจดหมาย และถูกจับกุมเมื่อเดินทางถึงชิโมโนเซกิ
4. นักบุญมิคาเอล โคซากิ (聖ミカエル小崎 / St. Michael Kozaki)
ช่างทำธนูจากอิเสะวัย 46 ปี ได้รับศีลล้างบาปมาแล้วก่อนจะพบกับบาทหลวงคณะฟรังซิสกัน และได้ช่วยสร้างอารามและโบสถ์ที่โอซาก้า ได้เป็นมรณสักขีร่วมกับบุตรชายคือโธมัส โคซากิ
5. นักบุญดีเอโก (ยากอบ) คิไซ (聖ディエゴ喜斉 / St. James Kisai, SJ)
ภราดาฆราวาส (Lay brother หรือนักบวชที่ถือคำปฏิญาณของคณะแต่ไม่ได้รับศีลอนุกรมหรือศีลบวชเพื่อโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์) คณะเยซูอิตจากโอคายามาวัย 64 ปี ทำงานดูแลแขกในเรือนพักคณะ มีความศรัทธาในพระทรมานของพระเยซูเป็นอย่างยิ่ง
6. นักบุญเปาโล มิกิ (聖パウロ三木 / St. Paul Miki, SJ)
ภราดาคณะเยซูอิตวัย 33 ปี ได้รับการศึกษาที่บ้านเณรคณะเยซูอิตที่อาซึจิและทาคาทสึกิ และกำลังจะได้รับศีลบวช เป็นผู้มีกระตือรือล้นในการเผยแผ่ข่าวดี
7. นักบุญเปาโล อิบารากิ (聖パウロ茨木 / St. Paul Ibaraki)
อายุ 54 ปี เกิดในตระกูลซามุไรในโอวาริ และเป็นพี่ชายของลีโอ คาราสึมารุ ได้รับศีลล้างบาปจากบาทหลวงคณะเยซูอิต ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายใกล้กับอารามของตณะฟรังซิสกันและมักช่วยเหลือคนยากจน
8. นักบุญโยฮัน (ยอห์น) โกโต้ (聖ヨハネ五島 / St. John of Goto, SJ)
ภราดาคณะเยซูอิตวัย 19 ปี เกิดที่เกาะโกโต้ในครอบครัวคริสตัง ได้เข้าเรียนในบ้านเณรคณะเยซูอิตที่นางาซากิและชิกิในอามาคุสะ ถูกจับขณะทำงานแพร่ธรรมที่โอซาก้า
9. นักบุญลูโดวิโก (หลุยส์) อิบารากิ (聖ルドビコ茨木 / St. Louis Ibaraki)
เด็กชายอายุเพียง 12 ปี เกิดที่โอวาริและเป็นหลานของเปาโล อิบารากิและเลโอ คาราสึมารุ เป็นเด็กชายที่ยังร้องเพลงด้วยความยินดีแม้ในขณะที่ถูกตัดหูข้างหนึ่ง ก่อนการประหารจะเริ่มขึ้น ข้าหลวงผู้คุมการประหารรู้สึกสงสารจึงโน้มน้าวให้หลุยส์ละทิ้งศาสนาแล้วจะไว้ชีวิต แต่เด็กชายปฏิเสธและเลือกขอถวายชีวิตแก่พระผู้เป็นเจ้า
10. นักบุญอันโตนิโอ (อันตน) (聖アントニオ/ St. Anthony)
อายุ 13 ปี เกิดที่นางาซากิ บิดาเป็นชาวจีน มารดาเป็นชาวญี่ปุ่น ได้เข้าศึกษาในบ้านเณรคณะเยซูอิตที่นางาซากิและคณะฟรังซิสกันที่โอซาก้า กล่าวปลอบประโลมบิดามารดาผู้โศกเศร้า ณ เชิงกางเขนก่อนถูกประหาร
11. นักบุญเปโตร บัปติสตา (聖ペトロ・バプチスタ / St. Peter Baptist, OFM)
บาทหลวงคณะฟรังซิสกันวัย 50 ปี เกิดที่อาวิลลา ประเทศสเปน เป็นหัวหน้ากลุ่มที่ช่วยนำจิตใจทุกคนสู่การเป็นมรณสักขี
12. นักบุญมาร์ติโน เด ลา อัสเซนชัน (聖マルチノ・デ・ラ・アセンシオン / St. Martin of the Ascension, OFM)
บาทหลวงคณะฟรังซิสกัน อายุ 30 ปี เกิดที่กุยปุซโคอา ประเทศสเปน เคยไปทำงานแพร่ธรรมที่ฟิลิปปินส์และเพิ่งมาทำงานที่โอซาก้าได้เพียงไม่นานก่อนถูกจับกุม
13. นักบุญฟิลิปโป เด เฮสซู (聖フィリッポ・デ・ヘスス / St. Philip of Jesus, OFM)
ภราดาคณะฟรังซิสกันจากเม็กซิโกวัย 24 ปี เดินทางมากับเรือซานเฟลิปเป หลั่งน้ำตาและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าขณะอยู่บนกางเขนด้วยความยินดีในการเป็นมรณสักขี เป็นนักบุญชาวเม็กซิกันคนแรก
14. นักบุญกอนซาโล การ์เซีย (聖ゴンザロ・ガルシア / St. Gonzalo Garcia, OFM)
ภราดาฆราวาสคณะฟรังซิสกันวัย 40 ปี เกิดที่บอมเบย์ เป็นลูกผสมจากบิดาชาวโปรตุเกสและมารดาชาวอินเดีย เคยทำงานเป็นครูคำสอนและเป็นพ่อค้าที่มาเก๊า มีความชำนาญภาษาญี่ปุ่นและเป็นผู้ช่วยของคุณพ่อเปโตร ปับติสตา เป็นนักบุญชาวอินเดียคนแรก
15. นักบุญฟรังซิสโก บลังโก (聖フランシスコ・ブランコ / St. Francis Blanco, OFM)
บาทหลวงคณะฟรังซิสกันชาวสเปนวัย 28 ปี เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับคุณพ่อมาร์ติโน เด ลา อัสเซนชัน เป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดและพูดน้อย
16. นักบุญฟรังซิสโก เด ซานมิเกล (聖フランシスコ・デ・サン・ミゲル / St. Francis of St. Michael, OFM)
ภราดาฆราวาสคณะฟรังซิสกันชาวสเปนวัย 53 ปี มีจิตใจเมตตาต่อคนยากจน และใช้ชีวิตเรียบง่าย
17. นักบุญมัทธิอัส (聖マチアス / St. Matthias)
เป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ทราบอายุหรือภูมิเบื้องหลังใด ๆ มีเพียงว่าทหารตามจับตัวผู้ที่ล้างบาปด้วยชื่อเดียวกันอีกคนหนึ่งอยู่ แต่ท่านกลับเสนอตัวเองต่อทหารให้จับกุม
18. นักบุญเลออน (ลีโอ) คาราสึมารุ (聖レオン烏丸 / St. Leo Karasumaru)
อายุ 48 ปี เกิดที่โอวาริ เป็นน้องชายของเปาโล อิบารากิ ได้รับศีลล้างบาปจากบาทหลวงคณะเยซูอิต ภายหลังเมื่อคณะฟรังซิสกันเข้ามาแพร่ธรรมก็ได้รับความไว้วางใจในการช่วยเหลือกิจการต่าง ๆ มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไปรวมทั้งฆราวาสในกลุ่มมรณสักขี
19. นักบุญบอนาเวนทูรา (聖ボナベントウラ / St. Bonaventure)
ชาวญี่ปุ่นอายุราว 25 – 26 ปี ได้รับศีลล้างบาปตั้งแต่ยังเป็นทารก ต่อมามารดาเสียชีวิตลงและมารดาเลี้ยงได้ส่งไปเป็นเณรในวัดพุทธ เมื่อเติบโตขึ้นทราบว่าตัวเองเคยได้รับศีลล้างบาปจึงเข้ามาที่อารามคณะสงฆ์ฟรังซิสกันเพื่อเรียนคำสอนและอยู่รับใช้ในคณะ ท่านได้ภาวนาเพื่อความมั่นคงในความเชื่อของบิดา
และเพื่อการกลับใจของมารดาเลี้ยงในวาระสุดท้าย
20. นักบุญโธมัส โคซากิ (聖トマス小崎 / St. Thomas Kozaki)
เด็กหนุ่มอายุ 14 ปีเกิดที่อิเสะ เป็นบุตรชายของมิคาเอล โคซากิ ได้ช่วยงานบิดาในการก่อสร้างอารามฟรังซิสกัน และเป็นเด็กช่วยงานของคุณพ่อมาร์ติโน เด ลา อัสเซนชัน มีความฝันอยากบวชเป็นบาทหลวง ได้เขียนจดหมายอำลาถึงมารดาก่อนเป็นมรณสักขี
21. นักบุญยออาคิม ซาคาคิบาระ (聖ヨアキム榊原 / St. Joachim Sakakibara)
วัย 40 ปี เกิดที่โอซาก้า ได้รับศีลล้างบาปเมื่อป่วยหนักและรอดชีวิตมาได้ จึงเสนอตัวช่วยทำงานเป็นคนทำอาหารให้กับคณะฟรังซิสกันที่โอซาก้า
22. นักบุญฟรังซิสโก (聖フランシスコ医師 / St. Francis)
วัย 48 ปี เกิดที่เกียวโต เคยทำงานเป็นหมอให้กับไดเมียวคริสตัง โอโทโมะ โซริน ต่อมาได้รู้จักกับคณะฟรังซิสกันและได้รับศีลล้างบาป ภรรยาของเขาก็รับศีลล้างบาปเช่นเดียวกัน เขาตั้งเรือนหมออยู่ใกล้อารามคอยดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโดยไม่คิดเงินและสอนศาสนาให้แก่พวกเขา
23. นักบุญโธมัส ดังคิ (聖トマス談義者 / St. Thomas Dangi)
หมอยาวัย 36 ปี เกิดที่อิเสะ เดิมมีนิสัยใจร้อนหุนหันพลันแล่น แต่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองได้ด้วยพระหรรษทานที่ได้รับหลังจากรับศีลล้างบาป ตั้งร้านยาใกล้อารามคณะฟรังซิสกันคอยช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ
24. นักบุญโยฮัน (ยอห์น) คินุยะ (聖ヨハネ 絹屋 / St. John Kinuya)
ช่างทอและพ่อค้าผ้าไหมวัย 28 ปีจากเกียวโต ได้ฟังคำประกาศข่าวดีจึงได้เข้ารับศีลล้างบาป และตั้งร้านอยู่ใกล้อารามคณะฟรังซิสกัน
25. นักบุญกาเบรียล (聖ガブリエル / St. Gabriel)
ชายหนุ่มวัย 19 ปีจากอิเสะ เคยทำงานกับหน่วยงานราชการในเกียวโต ได้รับศีลล้างบาปและมาทำงานเป็นครูคำสอนกับคณะฟรังซิสกัน
26. นักบุญเปาโล ซูซูกิ (聖パウロ鈴木 / St. Paul Suzuki)
วัย 49 ปีจากโอวาริ เคยรับศีลล้างบาปเมื่อวัยหนุ่ม ทำงานเป็นผู้แพร่ธรรมและช่วยเหลืองานโรงพยาบาลนักบุญยอแซฟของคณะฟรังซิสกันในเกียวโต
ภาพปูนเปียกเฟรสโกภายในพิพิธภัณฑ์แสดงเหตุการณ์มรณสักขีของนักบุญทั้ง 26
เมื่อถูกจับกุมตัว ทุกท่านถูกตัดหูแล้วจับแห่ประจานตามท้องถนน จากนั้นบังคับให้เดินเท้าเป็นระยะทางนับพันกิโลเมตรท่ามกลางความหนาวเย็นจากเกียวโตไปยังนางาซากิโดยใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
ทัณฑ์ประหารที่พวกท่านได้รับคือ ทัณฑ์ตรึงกางเขน (磔 Haritsuke) ซึ่งมีรูปแบบแตกต่างจากทางตะวันตก โดยตามธรรมเนียมแล้ว การประหารจะดำเนินในที่สาธารณะ มีข้าราชการเป็นผู้ควบคุมกำกับ นักโทษจะถูกจับมัดแขน ขา และลำตัวตรึงบนกางเขน หากเป็นนักโทษหญิงจะมัดรวบขา ปลายเท้าเหยียบบนแผ่นไม้รับน้ำหนัก หากเป็นนักโทษชายจะมัดแบบกางขา มีแผ่นไม้รับน้ำหนักอยู่ตรงหว่างขา
ภาพทัณฑ์ตรึงกางเขนที่ Nikko Edo Mura
ภาพจาก http://lingvistika.blog.jp/archives/1015084948.html
คนชั้นต่ำที่เรียกว่า “ฮินิน” (非人 Hinin) จะเป็นผู้รับหน้าที่เพชฌฆาต เมื่อได้สัญญาณจากข้าราชการผู้คุมการประหาร จะประจำที่ทางซ้ายขวาของนักโทษแล้วไขว้หอกตรงหน้านักโทษ เรียกว่า “มิเซะยาริ” (見せ槍 Mise-yari) จากนั้นเพชรฆาตฝั่งขวาจะเริ่มบิดแทงหอกจากราวใต้ซี่โครงขวาทะลุไปยังหัวไหล่ซ้าย แล้วเพชรฆาตทางฝั่งซ้ายก็จะแทงไขว้แบบเดียวกันสลับกันไปราว 20 – 30 ครั้ง แต่ปกตินักโทษจะขาดใจตายตั้งแต่การแทง 2 – 3 ครั้งแรกจากการเสียเลือดและการช็อคจากความเสียหายของอวัยวะภายใน ทุกครั้งที่ถอนหอกออกมา เพชรฆาตจะใช้ฟางปาดคราบเลือดจากใบมีดไม่ให้เลือดไหลย้อยมาถึงด้ามหอก
สุดท้ายเพชรฆาตจะใช้คราดยาวจิกมวยผมนักโทษให้เชิดหัวขึ้น แล้วใช้หอกแทงทะลุคอหอยจากขวาไปซ้าย เรียกว่า “โทเมะโนะยาริ” (止めの槍 Tome no yari) เมื่อเสร็จสิ้นการประหาร ศพจะถูกทิ้งไว้สามวันแล้วนำไปทิ้งลงในหลุมให้นกกาและสุนัขทึ้งกิน
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1597 ราว 10 โมงเช้า พวกท่านถูกนำตัวขึ้นตรึงกางเขนท่ามกลางผู้คนที่เฝ้าดูอยู่นอกรั้วราว 4,000 คน ทุกคนล้วนรับความตายอย่างสงบ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและเปล่งเสียงภาวนา “พาไรโซ (สวรรค์) เยซู มารีย์”
นักบุญเปาโล มิกิได้เทศน์สอนมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายบนไม้กางเขน กล่าวยืนยันว่าตนมิใช่ชาวลูซอน (ฟิลิปปินส์) แต่เป็นชาวญี่ปุ่นผู้ถ่ายทอดหลักคำสอนของพระคริสต์อันจริงแท้ และขอให้อภัยแก่ทุกคนที่มีส่วนในการประหารนี้ ในเวลาเที่ยงวัน เมื่อเพชรฆาตได้รับสัญญาณจึงเริ่มทำการประหาร ไม่นานนักเสียงร้องภาวนาก็ค่อย ๆ เงียบลง
เมื่อการประหารสิ้นสุดแล้ว ประชาชนจำนวนหนึ่งใช้เศษกิโมโนของตัวเองซับเลือดของมรณสักขีที่ไหลลงมาตามกางเขน บ้างก็ฉีกชายกิโมโนเก็บไว้สักการะ
เหตุการณ์มรณสักขีอันกล้าหาญได้รับการบันทึกไว้โดยคุณพ่อหลุยส์ ฟรอยส์ (Luís Fróis) และส่งไปรายงานที่ยุโรปก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตในอีกสามเดือนต่อมา
มรณสักขีทั้ง 26 ท่านได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีโดยพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 ในปี 1627 และอีกสองร้อยปีต่อมาก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นนักบุญโดยพระสันตปาปาปิอุสที่ 9 ในวันที่ 8 มิถุนายน 1862 และกำหนดให้วันที่ 6 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันฉลองนักบุญ
หลังจากญี่ปุ่นเปิดประเทศและเริ่มมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำการค้าที่นางาซากิ คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (Paris Foreign Missions Society ชื่อย่อ M.E.P.) ได้ก่อสร้างโบสถ์คาทอลิกสำหรับชาวฝรั่งเศสและชาวต่างชาติอื่น ๆ ขึ้นในปี 1863 คือ โบสถ์โออุระ (大浦天主堂 Ōura Tenshudō) โดยเป็นโบสถ์ที่อุทิศให้แก่นักบุญทั้ง 26 จึงหันหน้าไปยังเนินนิชิซากะอันเป็นสถานที่แห่งมรณสักขี และเปิดเสกโบสถ์อย่างสง่าในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1864
โบสถ์โออุระที่สร้างอุทิศให้ 26 นักบุญเมื่อแรกสร้างในปี 1864 และในปัจจุบัน
เรื่องราวของมรณสักขีทั้ง 26 ท่านเคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนต์ใบ้ขาวดำในปี 1931 ในชื่อ “殉教血史 日本二十六聖人” (Junkyō Kesshi Nihon Nijūroku Seijin) กำกับโดย Tomiyasu Ikeda และภาพยนต์อนิเมชั่น “26 Martyrs” กำกับโดย Ian & Dominic Higgins ในปี 2015
อนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ และโบสถ์ซึ่งกำลังปรับปรุงซ่อมแซมเมื่อปี 2018
สถานที่บริเวณนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนอนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ และโบสถ์นักบุญฟิลิปป์แห่งเยซู ภายในสวนสาธารณะนิชิซากะที่เป็นลานกว้างมีอนุสาวรีย์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ด้านหลังของอนุสาวรีย์เป็นที่ตั้งของอาคารพิพิธภัณฑ์ และทางขวาของถนนเป็นที่ตั้งของโบสถ์ที่มีรูปร่างแปลกตา
ที่นี่ได้รับการรับรองจากพระสันตปาปาปิอุสที่ 12 ให้เป็นสถานที่แสวงบุญของคริสตชนคาทอลิกอย่างเป็นทางการในปี 1950 และสมเด็จพระสันตปาปายอห์น พอลที่ 2 เคยเสด็จมาสักการะอนุสาวรีย์และชมพิพิธภัณฑ์ในปี 1981
อนุสาวรีย์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น
อนุสาวรีย์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น
อนุสาวรีย์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น (日本二十六聖人殉教記念碑 Nihon Nijūroku Seijin Kinenhi) ที่มีชื่อเชิงศิลป์ว่า “การสวดภาวนาสู่สวรรค์” (昇天のいのり Shouten no Inori) สร้างเสร็จในปี 1962 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการสถาปนาขึ้นเป็นนักบุญของทั้ง 26 ท่าน ทำเป็นรูปหล่อโลหะนูนต่ำติดบนฐานหิน มีความสูง 5.6 เมตร ยาว 17 เมตร ออกแบบและสร้างขึ้นโดยศิลปินคาทอลิก ฟุนาโกชิ ยาสุทาเกะ (船越 保武) ใช้เวลาจัดสร้างทั้งหมด 4 ปี
รูปหล่อนักบุญทั้ง 26 แต่ละท่านมีชื่อภาษาละตินสลักไว้เป็นวงรัศมีเหนือศีรษะ ลักษณะอยู่ในท่วงท่าพนมมือขับร้องเพลงสรรเสริญพระเป็นเจ้าขณะขึ้นสวรรค์ น่าสังเกตว่าทุกท่านเงยหน้ามองตรงขึ้นไปยังสวรรค์ ยกเว้นท่านเปโตร บัปติสตาและท่านเปาโล มิกิที่ผายมือออกและทอดสายตาลงต่ำสบตาผู้ที่อยู่เบื้องล่างราวกับช่วยยกจิตใจของคนผู้นั้น โดยคุณฟุนาโกชิกล่าวว่า “หาก 24 ท่านเป็นดั่งร่างกาย ทั้งสองท่านก็เป็นดั่งดวงตา”
ท่านนักบุญเปาโล บัปติสตาและท่านเปาโล มิกิที่แสดงกิริยาแตกต่างจากนักบุญท่านอื่น
ด้านบนสุดสลักกางเขนรูปดาวและคำภาษาละติน “LAUDATE DOMINUM OMNES GENTES” แปลว่า “นานาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” ด้านล่างมีภาพหมู่กางเขนและสลักคำภาษาญี่ปุ่น “人若し我に従はんと欲せば 己を捨て 十字架をとりて我に従ふべし” (Hito moshi ware ni shitagahan to horiseba onore wo sute jujika wo torite ware ni shitagafubeshi) มาจากพระวรสารของนักบุญมาระโกบทที่ 8 ข้อที่ 34 ที่กล่าวว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา”
ก้อนอิฐบนพื้นที่สลักวันเดือนปีที่นักบุญทั้ง 26 เข้าสู่การเป็นมรณสักขี: 5 กุมภาพันธ์ 1597
นอกจากนี้ยังมีลวดลายบนพื้นหน้าอนุสาวรีย์ สื่อเป็นภาพห่วงเชือกและหอกสองเล่มไขว้กันอยู่ตรงกลาง สื่อถึงการถูกมัดตรึงบนกางเขนและหอกมีสนิมที่คร่าชีวิตของนักบุญทั้ง 26 ท่าน
ลวดลายบนพื้นหน้าอนุสาวรีย์ เป็นรูปวงเชือกและหอก 2 เล่ม
สำหรับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในสวนสาธารณะ ได้แก่ อนุสาวรีย์โบราณสถานมรณสักขีแห่งนักบุญทั้งยี่สิบหกแห่งญี่ปุ่น ที่สลักว่า 日本二十六聖人殉教跡 (Nihon Nijūroku Seijin Junkyō-ato)
อนุสาวรีย์สถานมรณสักขีแห่งนักบุญทั้งยี่สิบหกแห่งญี่ปุ่น
แผ่นป้ายสลักประวัติของคุณพ่อหลุยส์ ฟรอยส์ (Luís Fróis) ผู้บันทึกเหตุการณ์มรณสักขี และแผ่นป้ายที่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและโปรตุเกสผ่านทางคุณพ่อ
แผ่นป้ายที่ระลึกถึงคุณพ่อหลุยส์ ฟรอยส์
แผ่นป้ายทางฝั่งซ้ายเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นกล่าวถึงประวัติของคุณพ่อว่าดังนี้
หลุยส์ ฟรอยส์
1532 เกิดที่กรุงลิสบอน
1548 เข้าคณะเยซูอิต เดินทางไปเมืองกัว (Goa ในอินเดีย)
1563 เดินทางถึงโยโกะเซะอุระ ตำบลไซไค อำเภอนิชิโซโนงิ (จังหวัดนางาซากิ)
1565 เดินทางสู่เกียวโต
1569 เข้าพบโนบุนากะที่ปราสาทกิฟุ
1576 ดำเนินกิจกรรมในเขตบุงโกะ (จังหวัดโออิตะ)
1581 เดินทางไปอาซึจิ (จังหวัดชิงะ) พร้อมกับคุณพ่อวาลิญาโน และกลับมานางาซากิอีกครั้ง
1586 เขียนหนังสือ “ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น” (Historia de Iapam) ส่วนแรกจบที่นางาซากิ และเข้าพบฮิเดะโยชิที่ปราสาทโอซาก้า
1592 เดินทางไปยังมาเก๊า เขียนบันทึกเกี่ยวกับยุวทูตที่เดินทางไปยุโรป
1595 เดินทางกลับมายังนางาซากิ เขียนหนังสือ “ประวัติศาสร์ญี่ปุ่น” จนจบ
1597 15 มีนาคม เขียนบันทึกถึงเหตุการณ์ 26 มรณสักขี
8 กรกฎาคม กลับบ้านพระบิดาที่บ้านเณรใหญ่คอเลจิโยที่นางาซากิ
ส่วนทางฝั่งขวา เขียนเป็นภาษาโปรตุเกสและภาษาญี่ปุ่น แปลได้ความว่า
คุณพ่อหลุยส์ ฟรอยส์ แห่งคณะเยซูอิต
ลิสบอน 1532 – นางาซากิ 1597
ผู้เขียนบันทึกประวัติศาสตร์การติดต่อระหว่างญี่ปุ่นและโปรตุเกส ณ นางาซากิแห่งนี้
นอกจากนี้ภายในสวนสาธารณะนิชิซากะแห่งนี้มีการปลูกต้นคาเมลเลียไว้ 26 ต้นเพื่อระลึกถึงนักบุญทั้ง 26 ท่าน เนื่องในโอกาส 150 ปีแห่งการสถาปนาขึ้นเป็นนักบุญ (1862 / 2012) โดยคาเมลเลียที่ออกดอกสีแดงนี้สื่อถึงหยดเลือดของท่านนักบุญที่ตกลงบนเนินแห่งนี้
แผ่นป้ายหินที่ระบุว่ามีการปลูกต้นคาเมลเลียไว้ทั่วสวนสาธารณะไว้ 26 ต้น
ตอนหน้าป้าหมวยยยจะพาไปชมภายในพิพิธภัณฑ์และโบสถ์กันต่อนะคะ
เรื่องแนะนำ :
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 5 : สัมผัสเรือเจ็ตฟอยล์ นิทรรศการเลโก้ และพิพิธภัณฑ์นักบุญกอลเบ
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 4 : ขับรถเที่ยวทั่วเกาะฟุคุเอะ (ภาคต้น)
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 3 : ชมเมืองฟุคุเอะและเตรียมรับมือกับพายุ
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 2 : ทัวร์วันเดียวเที่ยวสองมรดกโลก
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 1 : ล่องเรือไทโกะไปหมู่เกาะโกโต้
ข้อมูลจาก
-https://ja.wikipedia.org/wiki/磔
-ttp://www7a.biglobe.ne.jp/~t-uchida/zakki/z37/index.html
-http://isidatami.sakura.ne.jp/26seizin.html
-http://26martyrs.com
-หนังสือ キリシタン文化の旅 長崎へのいざない
-หนังสือ 26聖人殉教、島原の乱から鎖国へ
#มรดกโลกนางาซากิ #Nagasaki #เที่ยวคิวชู