ตอนที่แล้วป้าหมวยยยขับรถพาชมมรดกโลกนางาซากิ บนเกาะฟุคุเอะ จังหวัดนางาซากิไปแล้ว 8 แห่ง วันนี้เราจะไปชมทางตอนใต้ของเกาะฟุคุเอะ ลำดับที่ 9 – 15 ค่ะ
สวัสดีค่ะ…เมื่อตอนที่แล้วป้าหมวยยยขับรถพาชมสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะฟุคุเอะ จังหวัดนางาซากิไปแล้ว 8 แห่ง (ถ้ายังไม่ได้อ่าน ไปอ่านได้ที่ภาคต้นค่ะ >> เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 4 : ขับรถเที่ยวทั่วเกาะฟุคุเอะ : ภาคต้น)
สำหรับวันนี้เรามาต่อกันที่สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่เหลือ มีทั้งโบสถ์ วัด จุดชมวิวประภาคาร และยอดเขาชมพระอาทิตย์ตก
สำหรับตอนนี้ยังเป็นการขับรถเที่ยวในวันเดียวกันกับตอนก่อนหน้าอยู่นะคะ รถที่ขับก็เลยยังเป็น Honda Fit (Jazz) ที่เช่าผ่าน ToCoo คันเดิม
ป้าจบตอนที่แล้วที่สุสานคาทอลิกฟุฉิโนะโมโตะ (หมายเลข 8) จากนั้นป้าขับรถไปอีกราว 10 กิโลเมตรไปทางทิศใต้เพื่อไปชมโบสถ์อิโมจิอุระค่ะ
9. โบสถ์อิโมจิอุระ
โบสถ์อิโมจิอุระ (井持浦教会 Imochiura Kyōkai) หลังเดิมสร้างขึ้นในปี 1897 เป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งแรกบนเกาะโกโต้ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐ แต่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น จึงได้สร้างขึ้นใหม่ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จในปี 1988
โบสถ์อิโมจิอุระมีความสำคัญคือ เป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งแรกในญี่ปุ่นที่มี “ถ้ำแม่พระแห่งลูร์ด” ที่คุณพ่ออัลแบร์ต ชาร์เล อาร์เซน เปลู (Albert Charles Arsene Pelu) มีความคิดให้สร้างขึ้น
ถ้ำแม่พระแห่งลูร์ด (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Our Lady of Lourdes Grotto) นี้ ปัจจุบันสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามโบสถ์คาทอลิก เป็นฉากจำลองเหตุการณ์ที่พระแม่มารีย์ในชุดขาวและสายรัดเอวสีฟ้าได้ประจักษ์แก่เด็กหญิงแบร์นาแด็ต ซูบิรูส์ (Bernadette Soubirous) ในถ้ำที่เมืองลูร์ด (Lourdes) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 1858 รวม 18 ครั้ง
ในการประจักษ์ครั้งที่ 9 ท่านให้แบร์นาแด็ตขุดดินตรงที่คุกเข่าอยู่และเกิดน้ำผุดขึ้นมา เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักสิทธิ์สามารถรักษาโรคได้ ภายหลังพระศาสนจักรคาทอลิกได้รับรองการประจักษ์ และมีการสร้างสักการสถานขึ้น ณ จุดนั้น ปัจจุบัน “Sanctuaires Notre-Dame de Lourdes” กลายเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญแห่งหนึ่งที่มีคริสต์ศาสนิกชนนับล้านไปสักการะในแต่ละปี
ส่วนแบร์นาแด๊ต เมื่อเติบโตขึ้นได้บวชในอาราม แต่เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 35 ปีเมื่อปี 1879 ต่อมาในปี 1933 พระสันตปาปาปิโอที่ 11 ได้ประกาศให้ท่านเป็นนักบุญ
ถ้ำแม่พระแห่งลูร์ดของโบสถ์อิโมจิอุระที่สร้างขึ้นในปี 1899 นี้ ชาวบ้านใจศรัทธาออกไปสรรหาก้อนหินที่รูปร่างแปลกตาจากทั่วหมู่เกาะโกโต้แล้วนำมาประกอบเป็นรูปถ้ำที่แลดูสมจริง น้ำพุที่อยู่ข้าง ๆ ถ้ำได้รับการเสกด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสักการสถานในเมืองลูร์ดแห่งฝรั่งเศส และถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคได้เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันมีการติดตั้งก๊อกน้ำและถ้วยน้ำสำหรับผู้ศรัทธาดื่มกินและกรอกน้ำกลับไปได้ โดยสามารถซื้อขวดเล็ก ๆ ที่วางจำหน่ายในโบสถ์ในราคาขวดละ 100 เยน
จากโบสถ์อิโมจิอุระ ป้าหมวยยยขับรถตรงไปทางเหนืออีกราว 2.5 กิโลเมตร ณ เวิ้งช่องแคบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของอ่าวอิโมจิอุระที่มีเรือประมงจอดเทียบท่า บ้านเรือนประชาชนที่ตั้งเป็นแถวอยู่ริมถนนเลียบทะเลดูเงียบสงบแห่งนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ มีอยู่หลังนึงที่ดูแปลกตากว่าเพื่อน
10. โบสถ์ทามาโนะอุระ
บ้านที่มียอดแหลมนี้ คือ โบสถ์ทามาโนะอุระ (玉ノ浦教会 Tamanoura Kyōkai) ซึ่งเป็นโบสถ์หลังเล็กดูน่ารักที่ ‘เนียน’ ปะปนอยู่กับบ้านเรือนทั่วไป สร้างขึ้นในปี 1962 เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของคริสตชนในตำบลนี้ โดยจะมีคุณพ่อจากโบสถ์อิโมจิอุระเวียนมาทำพิธีมิสซาให้
แม้จะเล็กแต่ภายในมีองค์ประกอบครบถ้วนอย่างโบสถ์คาทอลิกทั่วไป เช่น ไม้กางเขน ตู้ศีล พระแท่น พระรูป ภาพมรรคาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเก้าอี้เป็นเก้าอี้พับ ดูเรียบง่าย
ป้าหมวยยยไม่ได้พาชมแต่โบสถ์คริสต์นะคะ วัดพุทธป้าก็ไปเหมือนกันค่ะ จากโบสถ์ทามาโนะอุระขับย้อนมาทางใต้ ผ่านโบสถ์อิโมจิอุระไปอีกราว 10 กิโลเมตร โดยต้องขับผ่านชุมชนที่ถนนจะแคบหน่อยต้องค่อย ๆ ขับ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัดไดโฮจิ เป็นวัดที่อยู่ริมทะเล
11. วัดไดโฮจิ
วัดไดโฮจิ (大宝寺 Daiho-ji) นี้จริง ๆ เก่าแก่มาก กล่าวกันว่า สร้างขึ้นในปี 701 โดยพระสงฆ์ชาวจีนที่ชื่อ เต้าหรง (道融 Dao Rong) ที่มาขึ้นฝั่งที่หาดไดโฮ
ต่อมาเมื่อพระคูไคหรือพระอาจารย์โคโบไดชิ (弘法大師 Kōbōdaishi) ผู้ก่อตั้งนิกายชินกอน (真言宗 Shingon-shū) กลับจากการศึกษาพระธรรมสายวชิรยานจากเมืองซีอานในปี 806 ท่านแวะจำวัดและออกเทศนาที่วัดไดโฮจิแห่งนี้ เจ้าอาวาสศรัทธาท่านมากจึงเปลี่ยนมาเข้านิกายชินกอน ทำให้วัดไดโฮจิแห่งนี้ต่อมาจึงได้ชื่อว่า วัดโคยะตะวันตก (西高野山 Nishi-Kōyasan)
ภายในวัดมีวัตถุโบราณสำคัญได้รับการเก็บรักษาไว้ เช่น ภาพวาดพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานที่วาดขึ้นในสมัยมุโรมาจิ (ช่วงปี 1336 – 1573), พระมหาปรัชญาปรมิตาสูตรที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น, รูปสลักพระเอกาทศมุขอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (十一面観音 Jūichimen Kannon) ที่แกะสลักโดยพระไซโจว (最澄 Saichō) ผู้ก่อตั้งนิกายเท็นได (天台宗 Tendaishū) ที่ออกเดินทางจากญี่ปุ่นไปพร้อมกับพระคูไคประดิษฐานอยู่ด้วย แต่ตอนที่ป้าไปถึงดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ เลยได้แต่เดินชมรอบ ๆ วัดเท่านั้นค่ะ
รอบ ๆ วัดมีพระพุทธรูปน่าสนใจอยู่บ้าง เช่น พระโพธิสัตว์ฮาคุจุ (白壽観音菩薩 Hakuju Kannon Bosatsu) พระโพธิสัตว์ผู้เป็นที่พึ่งของคนชราให้ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเป็นสุข สุขภาพแข็งแรง และมีความสนิทสนมกลมเกลียวภายในตระกูล นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสักการะขอพรให้ไม่เป็นโรคสมองเสื่อมด้วย
รูปหล่อพระคูไค (หรือพระอาจารย์โคโบไดชิอันเป็นนามที่รู้จักกันหลังจากท่านมรณภาพ) ในท่ายืนนี้แตกต่างจากรูปหล่อพระอาจารย์ทั่วไปอยู่บ้าง ส่วนใหญ่มักทำเป็นรูปท่านในชุดจาริกธุดงค์ มือขวาถือคธา มือซ้ายถือสายประคำหรือขัน แต่รูปนี้ท่านกำลังอุ้มเด็กทารกไว้ในมือซ้าย เรียกกันว่า พระอาจารย์โคโบไดชิพิทักษ์ทารก (子安弘法大師 Koyasu-Kōbōdaishi) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Koyasu-daishi
เล่ากันว่า ระหว่างที่ท่านจาริกบนเกาะชิโกกุ ท่านพบหญิงนักเดินทางที่กำลังทรมานกับการคลอดลูกยาก ด้วยความสงสารท่านจึงร่ายมนต์ลับแก่นาง พลันการคลอดลูกนั้นก็กลับง่ายดายและให้กำเนิดเด็กทารกที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ท่านอุ้มเด็กทารกขึ้นและให้ศีลให้พร รูปหล่อนี้จึงเป็นที่สักการะของผู้ศรัทธา ขอให้มารดาคลอดลูกง่าย เด็กเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง และครอบครัวสมบูรณ์พูนสุข
ป้าหมวยยยย้อนมาทางเดิม ขับรถไปตามถนนชนบทบนเกาะ นาน ๆ จะมีรถสวนมาสักคัน ตรงริมถนนทางหลวงสาย 50 บริเวณตำบลทามาโนอุระทาจิยะ มีโบสถ์จำลองเล็ก ๆ สร้างด้วยหินตั้งอยู่ริมทาง ถ้าไม่สังเกตก็อาจจะผ่านเลยไปง่าย ๆ โบสถ์จำลองนี้เป็นจุดสังเกตุสำหรับการเดินเข้าสู่ ซากโบสถ์ทาจิยะ ค่ะ
12. ซากโบสถ์ทาจิยะ
บริเวณนี้คือ ซากโบสถ์ทาจิยะ (立谷教会跡 Tachiya Kyōkai-ato) โดยต้องจอดรถไว้ข้างถนนแล้วเดินตามทางเดินและสุสานไปอีก 350 เมตร
เดิมบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์เวียนที่สร้างขึ้นในปี 1878 นับเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่นเวลานั้น แต่ต่อมา ด้วยจำนวนประชากรที่ลดลงจึงไม่ได้ใช้งานโบสถ์แห่งนี้และไปทำพิธีที่โบสถ์อิโมจิอุระแทนตั้งแต่ปี 1985
โบสถ์เก่าแก่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างไว้หลายปี จนพายุไต้ฝุ่นหมายเลข 12 เข้าถล่มเกาะโกโต้ในปี 1987 จนทั้งซากโบสถ์ทาจิยะและโบสถ์อิโมจิอุระได้รับความเสียหายอย่างหนัก โบสถ์อิโมจิอุระได้รับการบูรณะใหม่เป็นอาคารคอนกรีต แต่ไม่ได้มีการบูรณะโบสถ์ทาจิยะแต่อย่างใด
ต่อมามีการปรับปรุงพื้นที่ขึ้นใหม่ โดยเทปูน ติดตั้งแถวที่นั่งกลางแจ้ง ถ้วยน้ำเสกทำด้วยเปลือกหอยมือเสือ โต๊ะบูชาทำด้วยหิน และนำพระรูปพระแม่มารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลของเดิมที่นำไปเก็บรักษาที่โบสถ์อิโมจิอุระกลับมาประดิษฐานในตู้จำลองรูปถ้ำติดกระจก กลายเป็นโบสถ์กลางแจ้งเพื่อการรำพึงภาวนาและทำกิจกรรมทางศาสนาในบางโอกาส
การเดินทางชมสถานที่นับแต่โบสถ์อิโมจิอุระจนถึงซากโบสถ์ทาจิยะนั้นถ้าดูแผนที่จะเห็นว่าดูย้อนไปมานิดหน่อย แต่ที่ขับรถแบบนี้เพื่อให้ได้เวลาเหมาะสมในการสถานที่ต่อไป คือ จุดชมประภาคารโอเซซากิ ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งบนเกาะฟุคุเอะค่ะ
13. ประภาคารโอเซซากิ
จุดชมประภาคารโอเซซากิ (大瀬崎灯台展望台 Ōsesaki Tōdai Tenbōdai) อยู่ปลายทางถนนเส้นรองที่ตัดจากถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 50 ตำบลทามาโนะอุระ บริเวณริมถนนมีระเบียงกลางแจ้งยื่นออกไป เป็นจุดที่มองเห็นประภาคารโอเซซากิในระยะไกลได้ชัดเจนที่สุด
ประภาคารโอเซซากิอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไซไค (西海国立公園 Saikai Kokuritsu Kōen) ตั้งอยู่บนผาโอเซซากิทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฟุคุเอะติดทะเลจีนตะวันออก ประภาคารของเดิมสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1812 ส่วนประภาคารปัจจุบันเป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นในปี 1946 ติดตั้งดวงไฟสว่าง 3,700 แรงเทียน (Candle power/Candela) สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลถึง 22 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นประภาคารทำงานอัตโนมัติไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำการ
นักท่องเที่ยวสามารถไปชมประภาคารโอเซซากิอย่างใกล้ชิดได้ โดยเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ผ่านทางเดินในป่าจากจุดจอดรถที่อยู่สุดปลายถนนไม่ไกลจากจุดชมประภาคาร
ที่นี่เคยใช้เป็นฉากในหนังญี่ปุ่นเรื่อง 悪人(Akunin) หรือ Villain (2010) ด้วย เรื่องนี้เห็นว่ากวาดรางวัลไปได้เยอะเลย
ประภาคารโอเซซากิเป็นจุดทีหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวพระอาทิตย์ตกค่ะ แต่เพราะป้ามาชมในช่วงกลางฤดูร้อนที่พระอาทิตย์ตกช้ามาก (ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง) จะรอจนพระอาทิตย์ตกก็เกรงว่าจะเสียเวลาเกินไป เลยได้แต่ชมพระอาทิตย์คล้อยในช่วงบ่ายแก่ได้เท่านี้
จากนี้ป้าเริ่มขับรถแวะสถานที่อีก 1-2 แห่งระหว่างทางก่อนกลับเข้าเมืองโกโต้ค่ะ
14. ชายหาดโคจูชิ
จากประภาคารโอเซซากิขับรถมาถึงชายหาดโคจูชิ มีระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
หาดโคจูชิ (香珠子海水浴場 Kōjushi Kaisui Yokujō) เป็นหนึ่งในชายหาดยอดนิยมแห่งหนึ่งในช่วงฤดูร้อนของเกาะฟุคุเอะ เพราะชายหาดสวย น้ำทะเลใส อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 10 กิโลเมตร สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถบัส และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องอาบน้ำ ร้านอาหารให้บริการ
ฤดูท่องเที่ยวของชายหาดเล่นน้ำของหมู่เกาะโกโต้ คือช่วงหน้าร้อน ราวกลางเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนสิงหาคมเท่านั้น เพราะนอกฤดูกาลอุณหภูมิน้ำจะเย็นเกินไปสำหรับลงเล่น
หนึ่งในไฮไลท์ฤดูร้อนของที่นี่ คือ เมนู เส้นหมี่นางาชิโซเม็ง (流しそうめん Nagashi Sōmen) คือ เส้นหมี่ขาวจุ่มกินกับน้ำซอสผสมต้นหอมและวาซาบิ แต่ดัดแปลงให้มีความสนุกสนานในการกินมากขึ้น เช่น ปล่อยเส้นเป็นกอง ๆ ให้ไหลไปตามรางไม้ไผ่ให้คีบกิน
ส่วนลักษณะโต๊ะที่มีรางกลม ๆ แบบนี้ คือเป็นแบบใส่น้ำเย็นลงไปในราง เปิดเครื่องให้น้ำหมุนวน ๆ ด้วยความเร็วประมาณหนึ่ง เวลากินเอาเส้นบะหมี่โซเม็งใส่ในรางแล้วใช้ตะเกียบดักคีบ เป็นเมนูอาหารง่าย ๆ ที่ได้ความสดชื่นเหมาะกับหน้าร้อนมาก
นอกจากเส้นหมี่โซเม็งแล้ว บ้านชายหาดยังมีข้าวแกงกะหรี่ ข้าวปั้น และมีอาหารแกล้มเหล้าอย่าง ปีกไก่ทอดรสเผ็ด ไส้กรอก ถั่วแระ ส่วนเมนูเครื่องดื่มเช่น เหล้าจูไฮมะนาว, เบียร์สด, เบียร์กระป๋อง, อควอเรียส/โค้ก/ชา และเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์
จริง ๆ ป้าหมวยยยมีแผนอยากมานั่งเล่นชายหาด กินบะหมี่โซเม็งนางาชิ สัมผัสบรรยากาศหน้าร้อนแต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางเลยต้องตัดรายการนี้ไป ได้แต่มาชมบรรยากาศเหงา ๆ หลังปิดให้บริการแล้ว น่าเสียดายนิดหน่อยค่ะ
เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ปลายทางสุดท้ายสำหรับทริปขับรถเที่ยวแบบเร่งรัดของป้าหมวยยยวันนี้คือ ภูเขาโอนิดะเคะ ค่ะ
15. ภูเขาโอนิดะเคะ
ภูเขาโอนิดะเคะ (鬼岳 Onidake) อยู่ห่างจากตัวเมืองโกโต้ประมาณ 6 กิโลเมตร ใกล้สนามบินฟุคุเอะ มีความสูง 315 เมตร และเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเกาะฟุคุเอะ
ภูเขาโอนิดะเคะเป็นหนึ่งในหมู่ภูเขาไฟฟุคุเอะ เป็นภูเขาไฟกรวยกรวด (cinder-cone volcano) ที่หมดพลังไปแล้วตั้งแต่ราว 18,000 ปีก่อน ทั้งภูเขาปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี โดยจะมีการเผาหญ้าทั้งภูเขาทุก ๆ 2-3 ปีเพื่อปรับภูมิทัศน์ ป้องกันไฟป่า และควบคุมแมลง
บนภูเขามีหอดูดาวโอนิดะเคะ (鬼岳天文台 Onidake Tenmondai) ให้บริการในช่วงค่ำ 6 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่ม โดยต้องจองล่วงหน้า ในช่วงฤดูหนาวบริเวณเชิงเขาเป็นจุด Star gazing ชมดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้าโปร่งยามค่ำคืน
ในช่วงเย็นจากด้านบนยอดเขาโอนิดะเคะสามารถมองเห็นสนามบิน ตัวเมืองฟุคุเอะ หมู่เกาะใกล้เคียง และพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาที่สวยงาม
ชมพระอาทิตย์ตกที่ภูเขาโอนิดะเคะกว่าจะกลับเข้าเมืองก็มืดราวสองทุ่มแล้ว ป้าจอดรถที่โรงแรมแล้วเดินไปทานอาหารเย็นที่ร้านอิเคสึ คัปโป ชินเซ (いけす割烹 心誠 Ikesu Kappō Shinsei) อีกค่ะ (มีความตั้งใจมาก) คราวนี้มาค่ำหน่อยเลยมีที่นั่งตรงเคาท์เตอร์ได้กินสมใจ
อาหารมื้อนี้คือ ซาชิมิรวม 3 อย่าง (お勧め三種盛り Osusume Sanshu-mori) และโกโต้อุด้ง (五島うどん Goto Udon) ค่ะ จริง ๆ ที่ร้านมีเมนูอาหารหลากหลายทั้งซาชิมิ ข้าวอบ หม้อไฟ กับแกล้ม สลัด อาหารฝรั่ง อาหารชุด ฯลฯ สมเป็นร้านใหญ่ แต่เอาที่ตั้งใจจะมาทานก็แล้วกัน
ป้าหมวยยยสั่งซาชิมิรวม 3 อย่าง แต่เชฟใจดีแถมหมึกสดมาให้ด้วย (ขอขอบคุณออกสื่อ ^ ^) มีปลาคัมปาจิ, ปลาอิซากิ, ปลาคัตสึโอะ ทุกอย่างเนื้อแน่น สด อร่อย สมกับที่เป็นเมืองประมง
ส่วนอุด้งนั้นใช้เส้นโกโต้อุด้ง (五島うどんGotō Udon) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามอุด้งดังของญี่ปุ่น มีเส้นกลมบางคล้ายเส้นสปาเก็ตตี้ มีความเหนียวนุ่มจากการยืดเส้นด้วยมือ แต่ละเส้นเคลือบด้วยน้ำมันดอกคาเมลเลียที่มีอยู่มากบนเกาะโกโต้ และใส่เครื่องที่เป็นผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น เช่น ลูกชิ้นปลาคามาโบโกะ, ลูกชิ้นปลาจิคุวะ, สาหร่าย เป็นต้น น้ำซุปที่ใช้เป็นน้ำซุปอาโกะดะชิ (あごだし Ago-dashi) ที่ได้จากปลาบินย่าง รสชาติอ่อน ไม่มัน ซดง่าย เมนูนี้ป้าที่เป็นคนรักเส้นขอยกนิ้วให้
การขับรถท่องเที่ยวบนเกาะฟุคุเอะของป้าหมวยยยยครั้งนี้ก็จบเพียงเท่านี้ ไว้มีโอกาสป้าก็อยากจะไปอีก เพื่อเก็บตกสถานที่ที่ยังไม่ได้ไปซึ่งยังมีอีกหลายแห่งค่ะ ตอนหน้าป้าเข้าเมืองนางาซากิ ลองทายกันว่าจะพาไปชมสถานที่ไหนบ้างนะคะ
เรื่องแนะนำ :
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 4 : ขับรถเที่ยวทั่วเกาะฟุคุเอะ (ภาคต้น)
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 3 : ชมเมืองฟุคุเอะและเตรียมรับมือกับพายุ
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 2 : ทัวร์วันเดียวเที่ยวสองมรดกโลก
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 1 : ล่องเรือไทโกะไปหมู่เกาะโกโต้
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 5
ข้อมูลจาก
http://www.gotokanko.jp/contents/sightseeing/detail.php?id=2
http://goto.nagasaki-tabinet.com/spot/674/
ป้ายแสดงข้อมูลสถานที่ต่าง ๆ