แม้ในละครจะมีฉากของความรุนแรง เรื่องราวที่ชวนหดหู่ออกมาให้เห็น (แต่บางเรื่องก็มีการใช้มุมกล้องช่วยนะคะ เพื่อลดความรุนแรงค่ะ) แต่สิ่งหนึ่งที่ละครสืบสวนญี่ปุ่นแสดงออกมาให้เห็นในทุกยุคทุกสมัยคือ “เหตุอาชญากรรมไม่เคยเป็นสิ่งปกติในสังคม”
ละครแนวสืบสวนสอบสวนถือว่าเป็นละครที่มีอยู่เยอะมากในละครญี่ปุ่น จะว่าไปแล้ว ถ้าย้อนกลับไปถึงช่วงญี่ปุ่นมีละครแรกๆ ละครสืบสวนก็เป็นประเภทแรกๆ ที่ถูกนำมาสร้างค่ะ ละครเรื่องแรกของช่อง TBS ก็คือละครแนวสืบสวนชื่อเรื่องว่า Himanashi Tobidasu เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากในสมัยนั้น ซึ่งเป็นละครที่สร้างมาจากนวนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่อง เชอร์ล็อค โฮมส์ จนถึงปัจจุบันละครแนวสืบสวนก็ยังคงเป็นแนวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเยอะแยะมากมาย
แม้ในละครจะมีฉากของความรุนแรง เรื่องราวที่ชวนหดหู่ออกมาให้เห็น (แต่บางเรื่องก็มีการใช้มุมกล้องช่วยนะคะ เพื่อลดความรุนแรงค่ะ) แต่สิ่งหนึ่งที่ละครสืบสวนญี่ปุ่นแสดงออกมาให้เห็นในทุกยุคทุกสมัยคือ “เหตุอาชญากรรมไม่เคยเป็นสิ่งปกติในสังคม”
ส่วนตัวเองก็เป็นคนที่เติบโตมากับละครสืบสวนญี่ปุ่น วันนี้เลยอยากจะมาบอกเล่าค่ะว่า นอกจากปริศนาลึกลับในละคร ภาพฉากความรุนแรงที่ใครๆ พูดถึง สิ่งที่ละครญี่ปุ่นมักนำเสนออยู่บ่อยๆ คืออะไร และนี่คือสิ่งที่ละครสืบสวนญี่ปุ่นได้สอนเราค่ะ
1. ฮีโร่ต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ตัวละครหลักๆ ในละครสืบสวนก็คือการต่อสู้กันระหว่างตำรวจและคนร้าย แล้วใครกันคือ “ฮีโร่” ที่แท้จริง? ในช่วงแรกของละคร คนร้ายอาจจะดูเป็นคนที่เก่งและเท่ ที่ก่อเหตุอาชญากรรมที่ยากจะสืบสาวหาความจริง และทำให้หลายคนต้องหวาดผวา แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พระเอกของเรื่องก็ไม่ใช่ผู้ร้ายหรอกค่ะ แต่คือตำรวจหรือนักสืบ ที่สามารถไขคดียากๆ ได้ และจับกุมคนที่ทำความผิดมาชดใช้สิ่งที่เขาทำ ความต่างของฮีโร่กับคนร้ายก็คือ นอกจากจะเก่งแล้ว ต้อง “ปกป้อง” ไม่ใช่ “ทำลาย” ผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
2. ไม่ว่าเราจะเกลียดชังแค่ไหน การฆ่าใครสักคนก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
เรื่องความโกรธ ความเกลียด เป็นความรู้สึกธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนที่อาจจะรู้สึกได้ในบางเวลา แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เหตุผลที่จะเอาฆ่าหรือทำร้ายใครได้ หากใครดูละครสืบสวนญี่ปุ่นบ่อยๆ จะเห็นว่า ขนบของละครเลยก็คือ ฉากที่คนร้ายจนมุมและสารภาพผิด พร้อมเผยความรู้สึก ความน่าสงสารของตนเอง ที่เคยถูกทำร้าย จนต้องเอาคืนด้วยการก่อเหตุสะเทือนขวัญ แต่ไม่ว่าคุณจะถูกทำร้าย หรือเกลียดชังใครแค่ไหน มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาสนับสนุนการกระทำที่โหดร้ายได้
“ทุกคนย่อมอยากฆ่าคนที่ตัวเองเกลียดกันทั้งนั้น
ฉันก็มีคนที่เกลียดหมือนกัน…
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็มีพ่อแม่ มีลูกให้เลี้ยงดู
ฉะนั้นเลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว”
จากละครญี่ปุ่นเรื่อง Kinkyu Torishirabeshitsu
3. ความสูญเสียจากเหตุอาชกรรมที่เหยื่อไม่มีโอกาสได้บอกคุณ
เพราะคนตายไม่มีโอกาสได้พูด สิ่งที่เราได้ยินก็มีแต่คำสารภาพบาปจากคนร้ายที่ผสมปนเปทั้งความจริงและความน่าสงสารที่เป็นข้อแก้ตัวถึงการกระทำผิด และได้ยินข้อเท็จจริงจากร่องรอยที่ตำรวจสืบค้นได้ แต่เราอาจจะไม่รู้เลยว่า คนคนนั้นมีชีวิต ซึ่งละครญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องพยายามเล่าย้อนเรื่องราวของเหยื่อว่า ก่อนฆาตกรรมเขาได้เจออะไร และในขณะที่เขาถูกฆาตกรรมสิ่งที่เขาเจอคือไร มันอาจจะชวนให้อกสั่นขวัญหายสักหน่อย เราอาจจะบ่นในใจว่าทำไมต้องฉากพวกนี้เข้ามาด้วย เล่าถึงเฉยๆ ก็ได้ แต่นี่คือวิธีหนึ่งที่ไม่ได้มุ่งเสนอความรุนแรงแบบ แต่เป็นการเตือนใจ ให้ตระหนักถึงความโหดร้ายที่คนคนหนึ่งได้รับเป็นอย่างไร คนรอบข้างของคนที่เสียชีวิตเขาจะรู้สึกอย่างไร และชีวิตของคนเรามีค่ามากแค่ไหน อย่างไร เขาอาจกำลังตั้งใจอยากกลับบ้านไปหาครอบครัวที่รักก็ได้ แต่ใครคนหนึ่งได้ทำร้ายเขาด้วยความโกรธ เกลียดชัง ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันอีกตลอดไป…
4. เรียนรู้ความเจ็บปวดจากละคร
เคยสงสัยไหมคะว่า เพราะอะไรฆาตกรถึงลงมือกระทำความผิด? เพราะความแค้น ความเกลียดชัง หรือการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเปล่า? เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ละครญี่ปุ่นบอกเราคือ “คนพวกนั้นไม่เคยสัมผัสถึงความเจ็บปวด” ค่ะ
“ผู้ซึ่งไม่เคยได้รับความเจ็บปวดใดๆ เลยในชีวิต
อาจจะก่อให้เขาหันมาทำร้ายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
เพราะเขาไม่เคยได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดในชีวิต…
เขาจึงสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เขาพอใจ
ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม”
คำพูดนี้มาจากละครเรื่อง Kazoku Game อาจจะไม่ใช่แนวสืบสวน แต่ในเนื้อเรื่องของละครก็มีการสืบสาวหาความจริงของฆาตกรที่ทำให้ลูกศิษย์ของตัวละครเอกต้องฆ่าตัวตาย นั่นก็เป็นเพราะว่าถูกครูคนหนึ่งในโรงเรียน ข่มขู่ และทารุณ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก ทั้งๆ ที่มันคือความทุกข์ของคนอื่น หรือแม้แต่ตัวละครที่เป็นเด็กนักเรียนเอง ที่มักไปทำร้ายคนอื่น ก็เกิดจากเขาได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจ ไม่เคยถูกใครทำร้าย เลยไม่เข้าใจว่า “ความเจ็บปวด” เป็นอย่างไร เลยทำทุกอย่างที่ตอบสนองความต้องการตัวเอง แต่…ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวดนะคะ แต่ควรที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างในบางที
5. เหตุอาชญากรรมไม่ใช่เรื่องปกติ
แม้จะมีละครสืบสวนออกมาเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ไม่มีเหตุอาชญากรรมเลย แต่ในทางกลับกัน กลับมีคดีสะเทือนขวัญหลายๆ คดีที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ละครพอจะทำได้ก็คือ แสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์พวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ แม้จะมีการแซวเล่นๆ ว่า มีนักสืบที่ไหน ก็ต้องมีคนตายที่นั่น มันดูเหมือนกับว่า ใช้ตัวละครที่เป็นเหยื่อเป็นแค่ส่วนประกอบของเรื่องราวหรือเปล่า? อันนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดค่ะ แต่สิ่งที่มองเห็นได้คือ ละครสืบสวนญี่ปุ่นแทบทุกเรื่อง ไม่เคยมองว่าเหตุอาชกรรม หรือฆาตกรรมเป็นเรื่องปกติในสังคม
ตัวละครในเรื่องต่างรู้สึกขวัญผวาเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ตัวละครที่เป็นตำรวจ ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ในการสืบสาวหาฆาตกรตัวจริง ละครสืบสวนบางเรื่องก็ทำให้เราเสียน้ำตาได้มากกว่าละครรักหวานซึ้งเสียอีก อย่างเช่น ละครเรื่อง Shinzanmono ละครที่สร้างมาจากนวนิยายชื่อดังของ Higashino Keigo เป็นวรรณกรรมสืบสวนที่เชื่อมโยงเหตุฆาตกรรมกับความเป็นมนุษย์ ตำรวจที่ไม่ได้มีแค่หน้าที่จับคนร้าย แต่มีหน้าที่ “รับผิดชอบต่อความรู้สึกของทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดี” ละครคอยย้ำเตือนว่า “พวกเราทั้งตำรวจและนักข่าวไม่ควรชินต่อน้ำตาของครอบครัวเหยื่อ” และไม่ควรชินชาต่อผู้เคราะห์ร้ายทุกคน…
และล่าสุดญี่ปุ่นก็มีละครสืบสวนออกมาให้ได้ชมอีกแล้ว ชื่อเรื่องว่า Kizoku Tantei แม้จะเป็นแนวสืบสวนผสมความเป็นคอมเมดี้ แต่สิ่งที่ละครเรื่องนี้พยายามจะบอกก็คือสิ่งนี้ค่ะ
แต่…ก็มีประเด็นหนึ่งที่ละครญี่ปุ่นได้เสนอได้อย่างน่าสนใจ และชวนเอากลับไปคิดต่อก็คือ “ทำไมเหตุอาชกรรมถึงเกิดได้อย่างไม่สิ้นสุด แล้วทำไมถึงมีคนที่ตกอยู่ในมุมมืด”
ละครเรื่อง Border ได้นำเสนอแง่มุมถึงเส้นแบ่งระหว่างความดีกับความเลวว่า มันก็มีบางคนที่ยอมตายเพื่อความยุติธรรม และบางคนก็ยอมตายเพื่อความชั่วได้ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ก็แตกต่างกันมาก
“เพื่อเห็นแก่ความชั่ว ผมสามารถฆ่าคนได้
แต่คุณฆ่าเพื่อความยุติธรรมไม่ได้สินะ”
แม้เราจะฆ่าใครสักคนเพื่อความยุติธรรมไม่ได้ก็จริง แต่การฆ่าคนก็ไม่ใช่สิ่งที่เราทำเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามค่ะ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่อาจทำให้เราก้าวข้ามเส้นบางๆ ที่แบ่งเขตของความดีไปยังแดนที่มืดมิดได้ ถ้าอยากชนะไม่จำเป็นต้องฆ่าใคร ผู้ที่ชนะที่แท้จริง คือ คนที่อดทน อดกลั้น มีสติรู้เสมอ ไม่เผลอไปทำเรื่องผิดบาปร้ายแรง เราควรรักษาความยุติธรรม ด้วยการไม่ทำร้ายใคร
เพราะการฆ่าใครสักคน
ก็ถือว่าเป็นการฆ่าความยุติธรรมให้ล้มหายตายจากไปด้วยเช่นกัน
เรื่องแนะนำ :
– 5 ความแกร่งของนางเอกละครญี่ปุ่น
– เหตุผลที่ว่าทำไมคนไทยถึงรักทาคุยะ คิมูระ
– คาเมะ&ยามะพี รีเทิร์น! ย้อนรอย Nobuta wo Produce เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
– พลังของละครญี่ปุ่นที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมที่อยากได้ให้เป็นจริง
– พระ-นางละครญี่ปุ่น ที่ไม่ได้แสนดีตามขนบนิยม
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
https://pbs.twimg.com/media/C-L_tAcVoAAdXR9.jpg
http://www.tc-ent.co.jp/products/detail/TCED-1083?prev=lineup
https://ritsunodoramaland.wordpress.com/category/border/