เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เมื่อปี 2011 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขต Tohoku ของประเทศญี่ปุ่น ความสูญเสียทั้งสิ่งก่อสร้าง และประชากรที่อาศัยอยู่แถบนั้นมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ แต่ในเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น ก็ยังมีปาฏิหาริย์ที่แอบซ่อนอยู่ ลองตามไปอ่านกันนะคะ ว่าเรื่องราวนั้นคืออะไร…
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เมื่อปี 2011 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขต Tohoku ของประเทศญี่ปุ่น ความสูญเสียทั้งสิ่งก่อสร้าง และประชากรที่อาศัยอยู่แถบนั้นมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ แต่ในเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น ก็ยังมีปาฏิหาริย์ที่แอบซ่อนอยู่ ลองตามไปอ่านกันนะคะ ว่าเรื่องราวนั้นคืออะไร…
~~~~~~~~~~~~~~~~
วันที่ 11 มีนาคม 2011 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และคลื่นสึนามิพัดเข้ากระหน่ำเขต Tohoku ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป หลงเหลือไว้แต่เพียงซากปรักหักพังของบ้านเรือนและสิ่งของที่ถูกพัดพาไปคนละทิศคนละทาง
หลังจากเกิดภัยพิบัติ 1 เดือนต่อมา Mr. Kawatani Kiyokazu อายุ 59 ปี อดีตหัวหน้าธุรการของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัด Osaka ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปได้ลงทะเบียนร่วมเป็นอาสาสมัครในการเก็บสิ่งของต่างๆ ที่สามารถระบุตัวเจ้าของได้นำมาทำความสะอาดเพื่อคืนสู่เจ้าของ ในสถานที่เกิดภัยพิบัติครั้งนั้นใช้วันหยุดประจำปีของตัวเองมุ่งหน้าไปยังเมือง Minamisanrikuchou จังหวัด Miyagi
Kawatani ใช้เวลา 3 วันเต็มๆ ในการใช้รถส่วนตัวเป็นที่นอนยามกลางคืน เก็บสิ่งของต่างๆ ที่สามารถระบุเจ้าของได้เช่น รูปถ่าย นาฬิกาข้อมือ หรือใบประกาศต่างๆ เป็นต้น และหนึ่งในนั้นที่ Kawatani ได้พบก็คือ…
รูปถ่ายของคู่รักหนุ่มสาวที่ถ่ายเคียงคู่กันด้วยรอยยิ้มสดใสกับโทรศัพท์มือถือ ที่ตกอยู่บริเวณซากปรักหักพังของบ้านหลังหนึ่งรูปถ่ายเปียกน้ำและเปื้อนดินโคลน สถาพม้วนงอเล็กน้อย อยู่ข้างๆ โทรศัพท์มือถือ
Kawatani อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปสิ่งของเหล่านั้นพร้อมกับนึกภาวนาในใจขอให้หนุ่มสาวในรูปยังมีชีวิตอยู่แล้วเก็บมารวบรวมไว้กับสิ่งของอื่นๆ เพื่อนำไปทำความสะอาดเตรียมพร้อมส่งคืนสู่เจ้าของต่อไป
หลังจากนั้น Kawatani ก็ใช้วันหยุดของตัวเองในการเดินทางไปเป็นอาสาสมัครดังกล่าว รวมประมาณ 10 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี
ทุกครั้งที่ไปก็จะรู้สึกว่าอยากอยู่เคียงข้าง ช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยเขาคิดและพูดกับตัวเองเสมอว่า … “ต้องมาอีกนะ ไม่มาไม่ได้ละ”
จนกระทั่งเมษายน 2012 Kawatani ลาออกจากงานและย้ายไปอยู่ที่จังหวัด Miyagi แบบถาวร เวลาผ่านไป 1 ปีครึ่ง หลังจากผ่านภัยพิบัติครั้งนั้น เขารวบรวมรูปถ่ายต่างๆ ที่เขาได้ถ่ายไว้เองจากการพบเจอในสถานที่แห่งนั้นประมาณ 50 รูปและเช่าบ้านพักของคนแถบนั้นจัดทำนิทรรศการแสดงรูปถ่ายของเขาเอง รูปถ่ายของคู่รักหนุ่มสาวก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
วันแรกที่จัดนิทรรศการ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเขาว่า…
“คนในรูปนี้คือฉันเอง”
คนที่พูดประโยคนี้คือ Kosaka Shoko อายุ 29 ปี ตอนที่ประสบภัยบ้านของเธอพังจากสึนามิ หลังจากนั้นเธอย้ายไปทำงานที่เมืองข้างๆ แล้วเพื่อนร่วมงานบอกกับเธอว่ามีรูปเธอถูกจัดแสดงอยู่ที่นี่ เธอจึงตามมาดูด้วยตัวเธอเอง
Kawatani รู้สึกติดใจกับชายหนุ่มในรูปที่ถ่ายข้างๆ เธอ ไม่รู้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามอย่างไรดี
หลังจากลังเลอยู่สักพัก ก็เอ่ยปากถามว่า …
Kawatani : แล้วชายหนุ่มข้างๆ หล่ะ?
Kosaka : แฟนค่ะ ตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่
เมื่อ Kawatani ได้ยินดังนั้นก็ขนลุก ดีใจจนบอกไม่ถูกที่ทั้งเขาและเธอปลอดภัยดี ยังมีชีวิตอยู่และยังคบกันอยู่อีกด้วย
Haga แฟนหนุ่มอายุ 29 ปี เดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อย้ายกลับมาทำงาน ก่อนหน้าที่จะเกิดภัยพิบัติเพียง 1 วันเท่านั้น วันที่เกิดภัยพิบัตินั้นแฟนหนุ่มถูกคลื่นสึนามิพัดไปพร้อมกับบ้านของตัวเอง เจ้าตัวพยายามว่ายน้ำจนสุดชีวิต และสุดท้ายโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ สมบัติทุกอย่างหายไปหมด เหลือแค่รูปถ่ายและโทรศัพท์มือถือที่ Kawatani เจอและเก็บไว้เท่านั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นครอบครัวของ Kosaka หญิงสาวปลอดภัยทุกคน แต่ทางด้านของ Haga แฟนหนุ่มนั้นคุณปู่ยังคงสูญหายจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาปี 2013 ทั้งสองคนได้แต่งงานกันตามสัญญาที่เคยให้กันไว้ Kawatani ได้รับเชิญไปงานแต่งงานของทั้งสองคนด้วย หนึ่งรูปที่ใช้ในงานแต่งก็เป็นรูปที่ Kawatani เก็บได้ ณ วันนั้น เนื่องจากเป็นรูปถ่ายก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติเพียงรูปเดียวที่ทั้งสองเหลืออยู่
เมือง Minamisanrikuchou จังหวัด Miyagi มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 17,000 คน ผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนั้น 620 คน สูญหายอีก 212 คน (ตัวเลข ณ ปัจจุบัน เดือนมกราคม 2016) ที่ศูนย์อาสาสมัครมีรูปถ่ายที่เก็บได้ประมาณ 150,000 รูป ในจำนวนนั้นประมาณ 40,000 รูปได้กลับสู่เจ้าของดังเดิมแล้ว
Haga ชายหนุ่มกล่าวว่าการที่ได้พบคนที่เก็บรูปของตัวเองได้หลังจากเกิดภัยพิบัติครั้งนั้น รู้สึกว่าเป็นเหมือนปาฏิหาริย์และเขายังจำคำที่ Kawatani พูดตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกได้เสมอจนกระทั่งปัจจุบันและคงจะจำตลอดไป
คำพูดนั้นก็คือ “ดีใจจริงๆ ที่เธอทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่”
~~~~~~~~~~~~~~~~
อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบ 5 ปีของการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้น เหตุการณ์ในวันนั้นคงยังวนเวียนอยู่หัวของผู้ที่ประสบภัยเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้อย่างแน่นอนนะคะ
สิ่งก่อสร้าง อาคาร บ้านเรือนต่างๆ อาจจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่คนที่สูญเสียคนรักไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว
บนโลกใบนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อไร ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้นเราควรใช้ชีวิตที่มีลมหายใจอยู่ในวันนี้ให้ดีที่สุดกันนะคะ
พุงโกะเชื่อว่าหลายๆคนที่ได้อ่านบทความด้านบนคงมีความรู้สึกหลากหลายนะคะ สำหรับพุงโกะก็เช่นกันค่ะ ความรู้สึกหลากหลายที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดแต่มีประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมาเด่นชัดในหัวก็คือ …
“การมีชีวิตอยู่ คือ ปาฏิหาริย์ ”
(^_____พุงโกะ_____^)
ทักทายพูดคุยกับพุงโกะ ได้ที่ >>> Tokyo’s LifeStyle by พุงโกะ-สะใภ้ปลาดิบ
เรื่องแนะนำ :
– 5+1 อันดับของฝากเด็ดๆ ที่มีขายแค่เฉพาะสถานีโตเกียวเท่านั้น
– ของฝากคนญี่ปุ่นจากเมืองไทย selected by พุงโกะ
– เรื่องน่ารู้โรงเรียนประถมของญี่ปุ่น ตอนอาหารกลางวัน
– เรื่องน่ารู้โรงเรียนประถมในญี่ปุ่น ตอนเรื่องทั่วไป
– สัตว์เลี้ยงแสนรักของคนญี่ปุ่น จะเป็นอะไรกันบ้างนะ?
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20160301-00000016-asahi-soci
http://www.asahi.com/articles/ASJ2D4FSFJ2DUEHF005.html
http://www.bo-sai.co.jp/minamisanrikusinsai.html