เพื่อให้การชมมวยปล้ำของคุณสนุกขึ้น ทางเราจึงได้สรุปรายละเอียดของนักมวยปล้ำ 10 ท่านที่จะมาร่วมชิงชัยกลางกรุงเทพมหานคร เผื่อว่าผู้ชมจะได้เลือกเชียร์ เลือกสนับสนุนถูกคน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปทำความรู้จักกับนักมวยปล้ำทั้ง 10 คนของ Michinoku Pro Wrestling กันเลยครับ !!!
ใครที่ติดตามข่าวคราวของงาน JAPAN EXPO มาคงจะได้ทราบกันแล้วนะครับว่าในงานครั้งนี้จะมี “มวยปล้ำอาชีพ” มาร่วมงานด้วย ! โดยสมาคมที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ก็คือ “Michinoku Pro Wrestling”… สมาคมมวยปล้ำชื่อดังและได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
โดยสมาคมแห่งนี้มีรากฐานจากภูมิภาคโทโฮขุ (Tohoku) และมีความเป็นมายาวนานกว่า 22 ปี (ก่อตั้งในปีค.ศ. 1993) สมาคมนี้ในช่วงเริ่มต้นใช้สไตล์การปล้ำในแบบ Lucha Libre คือเน้นความคล่องแคล่ว ว่องไว สไตล์เดียวกับในประเทศเม็กซิโก ก่อนที่จะค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงผสมผสานกับสไตล์มวยปล้ำแบบอื่นๆมากขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
แฟนมวยปล้ำชาวไทยอาจจะไม่คุ้นชื่อสมาคมนี้มากนักครับ ทั้งนี้เพราะไม่เคยมีการนำมาฉายในเมืองไทยมาก่อน ตลอดจนตัวสมาคมเองก็ไม่ได้มีรากฐานอยู่ในกรุงโตเกียวอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนที่เป็นแฟนมวยปล้ำ เมื่อช่วงสัก 15 ปีก่อน คงจะรู้จัก Hakushi นักมวยปล้ำนักบวชที่มีตัวหนังสือเขียนอยู่เต็มตัว โดยมีเรื่องราวอยู่กับตำนาน WWE HALL OF FAME อย่าง Bret “HITMAN” Hart เป็นต้น
หรือแฟนรุ่นหลังมาหน่อย ก็คงจะรู้จักตำนานสัปเหร่อมวยปล้ำอย่าง The Undertaker ของสมาคม WWE ทราบไหมครับว่าตอนที่ Undertaker มาขึ้นปล้ำในประเทศญี่ปุ่น (ซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษมากๆ) เขาก็มาขึ้นปล้ำที่สมาคม Michinoku Pro แห่งนี้นี่ล่ะ! เกริ่นมาซะขนาดนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะพอคุ้นๆ หรือเห็นภาพกว้างๆ ของสมาคม Michinoku Pro กันมากขึ้น ก่อนที่จะได้พบกับตัวจริงเสียงจริง ในงาน Japan Expo ครั้งนี้ครับ
และเพื่อให้การชมมวยปล้ำของคุณสนุกขึ้น ทางเราจึงได้สรุปรายละเอียดของนักมวยปล้ำ 10 ท่านที่จะมาร่วมชิงชัยกลางกรุงเทพมหานคร เผื่อว่าผู้ชมจะได้เลือกเชียร์ เลือกสนับสนุนถูกคน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปทำความรู้จักกับนักมวยปล้ำทั้ง 10 คนของ Michinoku Pro Wrestling กันเลยครับ !!!
1. Jinsei Shinzaki
เขาคือประธานคนปัจจุบันของ Michinoku Pro Wrestling ซึ่งแฟนมวยปล้ำน่าจะรู้จักเขาดีในชื่อของ Hakushi ที่เคยโลดแล่นทั้งใน WWE และ ECW มาแล้ว (จับคู่กับ Hayabusa เจอกับทีมของ RVD และ Sabu) เขามีประสบการณ์ในวงการมวยปล้ำนานกว่า 25 ปี และเป็นนักมวยปล้ำระดับเฮฟวี่เวทคนแรกของสมาคม (สมาคมใช้นักมวยปล้ำสาย Luchadore เป็นหลัก คือขนาดตัวไม่ใหญ่มาก) ความสำเร็จของเขามีทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่น โดยในญี่ปุ่นนั้นเขาได้ขึ้นปล้ำมาแล้วในค่ายใหญ่ๆ ทุกแห่ง ด้วยกิมมิคพระของศาสนาพุทธ (คนละนิกายกับของประเทศไทย) ทำให้เขามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ท่าเอกลักษณ์ของเขาคือ Ogami Watari หรือท่า Old School ของอันเดอร์เทกเกอร์นั่นเอง (แต่ของเขามืออีกข้างจะพนมมือสวดไปด้วย)
2. Ken 45°
Ken 45° (อ่านว่า เค็น โฟตี้ไฟว์) เป็นนักมวยปล้ำสังกัดกลุ่ม BAD BOY ซึ่งถือเป็นกลุ่มอธรรมของสมาคม เขาเป็นนักมวยปล้ำที่มีประสบการณ์ปล้ำหลากหลายรูปแบบ โดยเริ่มฝึกมวยปล้ำมากับค่าย Toryumon ของอัลติโมะ ดราก้อน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 และคว้าแชมป์สำคัญมาแล้วหลายต่อหลายเส้น นอกจากจะเป็นนักมวยปล้ำแล้ว เขายังมีความสามารถในเรื่องของดนตรีร็อค และหนึ่งในท่าเอกลักษณ์ของเขาก็คือ Scorpion Death Rock หรือ Sharpshooter นั่นเอง นอกจากนี้อีกหนึ่งท่าที่แฟนมวยปล้ำชาวไทยต้องร้องโอ้โห แน่นอนก็คือ BARONESS ซึ่งเป็น Piledriver แบบอันตรายมากๆ ต้องเรียกได้ว่าเขาเป็นนักมวยปล้ำที่ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นความหนักหน่วง ความว่องไว ตลอดจนท่าล็อคที่หลากหลายหาตัวจับยาก
3. Daichi Sasaki
Daichi ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยปล้ำจูเนียร์ เฮฟวี่เวท ที่ครบเครื่องมากๆ ถือเป็นดาวรุ่งของวงการที่น่าจับตามองอย่างแท้จริงครับ จุดเด่นของเขาที่สำคัญเลยก็คือ “ไฟของวัยหนุ่ม” ตรงนี้คือข้อได้เปรียบครับ ไม่ว่าเจออะไรเขาก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ท่าเอกลักษณ์ของเขาก็คือท่าเตะ Superkick การเล่นงานด้วยท่อนแขนอย่างรุนแรง และที่โดดเด่นเลยก็คือ German และ Exploder Suplex ที่เขาสามารถใส่ได้อย่างสวยงามและทรงพลังเหลือเกิน
4. Manjimaru
Manjimaru คือแชมป์ Tohoku Junior Heavyweight คนปัจจุบัน ซึ่งน่าจะแน่นอนแล้วว่าเราจะได้เห็นเข็มขัดเส้นนี้ที่เมืองไทยอย่างแน่นอน โดยมันจิมารุ เริ่มต้นการเป็นนักมวยปล้ำที่ประเทศเม็กซิโก ทำให้มีความสามารถทั้งในการปล้ำสไตล์เม็กซิโก และสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่โจมตีได้หนักหน่วงที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วยเขาคว้าแชมป์มาแล้วแทบจะทุกเส้นในสมาคม และที่สำคัญเขาเคยต่อสู้กับนักมวยปล้ำไทยของสมาคมกาโตห์ มูฟ มาแล้ว !โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยทีมของ Manjimaru สามารถเอาชนะนักมวยปล้ำไทยคือ EK Baki และ Bad Company ไปได้ ซึ่งไม่แน่ว่าอีเวนท์นี้เขาจะได้เจอนักมวยปล้ำไทยเหล่านี้อีกรึเปล่า นี่คือสิ่งที่ต้องติดตามกันครับ
5. Fujita “Junior” Hayato
นอกเหนือไปจาก Jinsei Shinzaki แล้ว ก็มีเขาเนี่ยล่ะครับ ที่เป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำชาวไทยกันพอสมควร เขาเป็นนักมวยปล้ำที่ได้รับการจับตามองมาตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆในปี 2004 และแม้จะตัวเล็กจนได้ฉายาว่า “จูเนียร์” แต่เขานี่ล่ะครับท่ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยปล้ำที่โจมตีได้หนักหน่วง รุนแรง และที่สำคัญยังมีท่าซับมิชชั่นที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะท่า K I D หรือกิโยติน โชค (เอาแขนรัดคอคู่ต่อสู้จนขาดอากาศหายใจ) สิ่งหนึ่งที่สร้างชื่อให้เขาก็คือท่าเตะอันหลากหลาย รวมไปถึงหัวเข่าที่ทำให้เขาเป็นแชมป์ Tohoku Junior Heavyweight มาแล้วถึง 2 สมัยตั้งแต่อายุยังน้อย ในฐานะของผู้เขียนบทความนี้ ขอแนะนำแฟนมวยปล้ำชาวไทยให้ติดตามชมการปล้ำของเขาเลยครับ และงาน JAPAN EXPO ครั้งนี้เขามาให้เห็นถึงเมืองไทย ดังนั้นห้ามพลาดเด็ดขาด
6. Kesen Numajiro
Kasen Numajiro เป็นนักมวยปล้ำระดับสูงของ Michinoku Pro Wrestling เริ่มขึ้นปล้ำตั้งแต่ปี 1992 โดยฝึกมวยปล้ำสไตล์ Lucha Libreมาจากโรงเรียนของ Gran Hamada อีกหนึ่งนักมวยปล้ำที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีโดยนอกจากทักษะมวยปล้ำอาชีพแล้ว เขายังมีทักษะทางเคนโด้และมวยปล้ำสมัครเล่นเป็นอย่างสูง และเขาก็สามรถนำมาผสมผสานในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี นั่นนำไปสู่การเป็นแชมป์แทคทีมของสมาคม 2 สมัย และแชมป์เดี่ยวอีก 1 สมัยโดยท่าประจำตัวของเขาคือ Muscle Buster หรือคินนิคุบัสเตอร์ ที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งขอแจ้งให้ทราบตรงนี้เลยว่ารุนแรงและอันตรายมากๆ อยากให้แฟนมวยปล้ำได้มาเห็นของจริงกับตาครับ !
7. Taro Nohashi
Taro Nohashi เริ่มต้นฝึกมวยปล้ำที่ Ultimo Dragon Gym และขึ้นปล้ำเป็นครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโก เขาเป็นนักมวยปล้ำที่ปล้ำได้หลากหลายสไตล์ ทั้งเคร่งเครียด จริงจัง ไปจนถึงสนุกสนานเฮฮา ในช่วงแรกเขาขึ้นปล้ำในฐานะน้องชายของ Kenichiro Arai ขาโหดประจำค่าย Dragon Gate ในปัจจุบัน ซึ่งแฟนมวยปล้ำชาวไทยน่าจะรู้จักกันพอสมควร นอกจากนี้เขายังร่วมทีมของ Jinsei Shinzaki และคว้าแชมป์ด้วยกันมาแล้ว การต่อสู้ของเขานั้นต้องระวังเป็นอย่างดีครับ เพราะเขาประยุกต์เอาท่าของคู่หูแต่ละคนมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล่องโจมตีคู่ต่อสู้ (ผิดกฏ) หรือแม้กระทั่งท่าเพาเวอร์บอมบ์ (พร้อมสวดมนต์) หลากหลายสไตล์ของ Shinzaki เขาก็นำมาใช้เช่นกัน และนอกจากท่าของคู่หูต่างๆ แล้ว เขาก็ยังมีท่าประจำตัวอื่นๆ ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นท่าเหินเวหาต่างๆ เช่น 450 Splash, Hurricarana และท่ากระโดดพุ่งหลาวลงไปเล่นงานคู่ต่อสู้อีกมากมาย ถือว่าเป็นนักมวยปล้ำที่แฟนๆจะตื่นตาตื่นใจเสมอเมื่อได้มีโอกาสชมลีลาของเขาครับ
8. GAINA
Gaina เป็นนักมวยปล้ำร่างยักษ์ เรียกได้ว่าเป็นนักมวยปล้ำระดับ Super Powerhouse ที่อยู่ท่ามกลางเหล่านักมวยปล้ำร่างเล็กของ Michinoku Pro ดังนั้นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนของเขาเลยก็คือ “ขนาดตัว” และ “พละกำลัง” ซึ่งตัวเขาเองใช้ถล่มคู่ต่อสู้มาแล้วหลายต่อหลายคน เขาฝึกฝนมวยปล้ำมาจาก Michinoku Pro Dojo โดยตรงก่อนที่จะตระเวณขึ้นปล้ำและประสบความสำเร็จในฐานะนักมวยปล้ำระดับสูงของหลายๆสมาคมเช่น Osaka Pro และ Okinawa Pro เป็นต้น โดยได้เป็นแชมป์ทั้งประเภทเดี่ยว และแบบแทคทีม และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และพละกำลังที่มหาศาล ท่าโจมตีเอกลักษณ์ของเขาก็คือ Powerbomb ที่รับรองได้เลยว่าหากคู่ต่อสู้โดนเข้าไปแล้วล่ะก็ ยากที่จะฟื้นกลับขึ้นมา
9. Kenbai
Kenbai เป็นนักมวยปล้ำสไตล์ที่คนไทยให้ความนิยม นั่นคือการเหินเวหาต่างๆ โดยเขาถือเป็นร่างเปรียบเทียบของ Yoshitsune นักมวยปล้ำมากความสามารถที่แฟนมวยปล้ำชาวไทยน่าจะพอคุ้นหูอยู่บ้างครับ จุดเด่นของ Kenbai นอกจากลีลาที่พริ้วไหวแล้ว ยังมีการผสมผสาน “ความหนักหน่วงรุนแรง” เข้าไปกับทุกการโจมตี โดยท่าเอกลักษณ์ของนักมวยปล้ำ Luchadore เขาก็นำมาใช้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 619 กระโดดจากเชือก เกี่ยวคอ ตีลังกาจากหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงการใส่ DDT ได้จากทุกจังหวะ นี่คือจุดเด่นที่ทำให้เรารับประกันได้เลยว่าแฟนมวยปล้ำจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
10. Rui Hyugaji
Hyugaji เป็นนักมวยปล้ำที่จบมาจาก Michinoku Pro Dojo เช่นเดียวกับ Sasaki ครับ ดังนั้นท่าที่เขาใช้จะเป็นสไตล์ Junior Heavyweight ตามสไตล์ของสมาคม โดยเขามีจุดเด่นคือท่า Chops (เอามือตบฟาดไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้) , Suplex , Elbow Drop และ Modified Gory Special (จับทุ่มโดยให้หน้าคู่ต่อสู้ฟาดพื้น) เขาเปิดตัวขึ้นปล้ำในปี 2007 และเคยคว้าแชมป์ Tohoku Junior Heavyweight ซึ่งเป็นแชมป์ระดับสูงของสมาคมมาครอง 1 สมัย
*****************
เตรียมเชียร์ เตรียมลุ้นกันนักมวยปล้ำตัวจริงบน เวทีมาตรฐานที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ในงาน “โออิชิ กรีนที พรีเซนท์ เจแปน เอ็กซ์โป ไทยแลนด์ 2016” โดยบริษัทบริษัทจี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด ผู้จัดงานในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่ร่วมสร้างความอลังการนำทีมโดย บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยประกันชีวิตฯ จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน), บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดและ ไมนิจิ อะคาเดมิคกรุ๊ป
วันที่และเวลา : วันเสาร์ที่ 23 – อาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2559 เวลา 17:00 – 19:00 (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
สถานที่ : เซ็นทรัลเวิลด์สแควร์ (ลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์)
เข้าชมฟรี! (สามารถจองตั๋วที่นั่งได้ที่เคาเตอร์บริเวณข้างเวทีมวยปล้ำ Sport Zone (หลังเวที Japan Expo Stage) ตั้งแต่เวลา 11:00 น. เป็นต้นไป)