เกมลวงโลกอุเอะสุงิ อะกิฮิโกะ ได้รับข้อสเนอจากบริษัทอิปซีลอนโปรเจ็กต์ แต่แล้วเรื่องแปลก ๆ ก็เกิดขึ้น เพราะเมื่ออุเอะสุงิเริ่มการทดสอบเกม เขากลับได้รับคำเตือนจากเสียงปริศนาที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขาเองว่า กลับไปซะ และอย่าเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง
ผู้เขียน: โอะคะจิมะ ฟุตะริ
ผู้แปล: กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
เมื่อเกมที่คุณรู้จักเปลี่ยนไป ทั้งสัมผัส รสชาติ กลิ่น เสียง และแม้กระทั่งความเจ็บปวดคือเรื่องจริง
คำโปรยหลังปก
‘อุเอะสุงิ อะกิฮิโกะ ได้รับข้อสเนอจากบริษัทอิปซีลอนโปรเจ็กต์ เรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับหนังสือเกม “เบรนซินโดรม” ที่เขาเป็นผู้เขียนขึ้น เพื่อไปพัฒนาเกมเสมือนจริงที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการเกม เพราะผู้เล่นสามารถเข้าไปในโลกของเกมที่เปรียบเสมือนกับเป็นโลกจริงๆได้
หลังจากที่ได้ตกลงทำสัญญา อุเอะสุงิกลับไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งผ่านไปปีครึ่งจึงได้รับการติดต่อมาว่า ทางบริษัทต้องการให้เขาเข้าร่วมการทดสอบเกมต้นแบบเบรนซินโดรมพร้อมกับ ทะคะอิชิ ริสะ หญิงสาวที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อให้เข้าร่วมทดสอบเกมด้วยเช่นกัน
แต่แล้วเรื่องแปลก ๆ ก็เกิดขึ้น เพราะเมื่ออุเอะสุงิเริ่มการทดสอบเกม เขากลับได้รับคำเตือนจากเสียงปริศนาที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขาเองว่า กลับไปซะ และอย่าเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง’
โอะคะจิมะ ฟุตะริ เป็นนามปากกาที่ใช้ในการเขียนผลงานร่วมกันระหว่างโทะคุยะมะ จุนอิชิ กับอิโนะอุเอะ อิสุมิ ซึ่งได้มีการตีพิมพ์หนังสือออกมาหลายเล่ม เช่น Kogecha iro no Pastel, Chocolate game, การลักพาตัว 99% รวมถึง Klein no Tsubo หรือเกมลวงโลกเล่มนี้ ก่อนที่ยุติการเขียนผลงานร่วมกัน
ถึงแม้จะเป็นหนังสือเล่มนี้ที่เขียนมา 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงความล้ำสมัยและน่าตื่นเต้นอยู่ดีเมื่อมาอ่านในยุคปัจจุบัน โดยฉบับภาษาไทยแพรวสำนักพิมพ์ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลและวางจำหน่ายในปี 2017 ที่ผ่านมา
ปกต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นที่ตีพิมพ์ในปี 1989, 1993 และ 2005
จริ งๆ แล้ว แนวคิดเรื่องเกมที่สามารถเข้าไปเล่นได้โดยมีความรู้สึกเสมือนจริง ทั้งสภาพอากาศ ความเจ็บปวด รสสัมผัส เราอาจจะคุ้นเคย ได้ยินกันมาบ่อยจากหนังฮอลลีวู้ดหรือหนังสือของต่างประเทศ บางคนอาจจะคิดด้วยซ้ำว่าแล้วมันใหม่และทันสมัยยังไง
ส่วนตัวคิดว่า อาจเพราะเป็นการเล่าเรื่องของเทคโนโลยีในโลกอนาคตที่ (เชื่อว่า) น่าจะทำได้อย่างแน่นอนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดูได้จากพวกเกมวีอาร์ และการพัฒนาเกมต่างๆที่นับวันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้คนอ่านอย่างเราเกิดความ ‘อิน’ ได้ง่ายๆ ผนวกกับการเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้น (แม้จะรู้สึกเนือยๆไปหน่อยในช่วงแรก) ให้คนอ่านคิดตาม เหมือนกำลังดูหนังสักเรื่อง แถมมุกที่ใช้ก็คาดเดาได้ไม่ง่าย ทำให้เรื่องนี้ยังคงทันสมัยอยู่
ตอนแรกทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี แต่เรื่องแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเพื่อนที่มาร่วมทดสอบเกมด้วยกัน อยู่ ๆ ก็หายตัวไป การเดินทางไปสถานที่ทดสอบเกมที่แปลก ๆ ข่าวเรื่องพี่ชายเข้าโรงพยาบาล ทำไมถึงรู้เบอร์ติดต่อทั้งที่ไม่เคยให้ด้วยซ้ำ ฯลฯ
ด้วยเนื้อเรื่องที่ให้คนอ่านอย่างเราเกิดความสงสัยและคอยจับผิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจริงๆแล้วเรื่องไหนจริงเรื่องไหนลวงกันแน่ จนหลายครั้งต้องพลิกหน้าหนังสือกลับไปกลับมาเพื่อยืนยันความคิดตัวเองและยืนยันคำพูดของตัวละครว่ามันเป็นไปอย่างนั้นแน่นอนหรือหลอกลวงเราอีกครั้ง รวมทั้งความลับของบริษัทผลิตเกมที่ชวนให้อยากค้นหาความจริง พร้อมการเอาใจช่วยตัวละคร ความสนุกมันเลยอยู่ตรงนี้แหละ
จากที่เนือย ๆ ตอนแรก ยิ่งอ่านยิ่งเพลินจนวางไม่ลง รู้ตัวอีกทีก็ใกล้จบเล่มเสียแล้ว แต่ปริศนาที่มีกลับยิ่งผนวกปมไม่คลี่คลายให้กระจ่างแจ้งเสียที
อ่านไปก็เกิดความคิดว่า ถ้าเราไปเจอกับเหตุการณ์นี้จริง ๆ เราจะทำอย่างไร ถ้าเกมเข้ามาปะปนกับชีวิตจริงจนแยกไม่ออกว่าสิ่งที่เจอคือเรื่องจริงหรือไม่ แล้วจะหลุดพ้นออกจากเรื่องลวงนี้อย่างไร ด้วยความหวังที่คิดว่าตอนจบจะต้องเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแน่ แต่! ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ เพราะคนเขียนจบเรื่องด้วยปลายเปิดให้เราไปนอนขบคิด คาดเดาเอาเองว่าโลกที่ตัวเอกของเรื่องกำลังเผชิญอยู่มันจริงหรือลวงกันแน่ อ่านจบแต่ความคิดยังไม่จบ นี่สิถึงจะสมกับชื่อว่าเกมลวงโลกอย่างแท้จริง
แล้วถ้าเป็นคุณผู้อ่านล่ะคะ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบในหนังสือ จะทำยังไง??
หรือจะทำแบบที่ตัวละครเอกของเรื่องตั้งใจไว้ว่าจะ ‘เริ่มจากจุดเริ่มต้น และพอถึงตอนจบก็หยุด’
เรื่องแนะนำ :
– ผู้อัญเชิญไฟ (THE EMISSARY) เมื่อญี่ปุ่นปิดประเทศ ทุกสิ่งที่คุ้นเคยกลับตาลปัตร คนแก่แข็งแรงแต่เด็กกลับอ่อนแอ
– 4 สถานที่ใหม่สุดคูลในญี่ปุ่นจาก World’s Greatest Places 2019 ที่น่าไปเยือน
– 9 ศิลปินนักวาดภาพประกอบญี่ปุ่น ลายเส้นเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์
– [ดราม่าฤดูฝน] สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ซาลารี่แมน
– [ทดความคิด] ธนาคารนอกคอก – เพราะเราเป็นได้มากกว่าที่เป็น