ทริปนี้เราได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรม ความเชื่อ ธรรมชาติที่งดงาม รวมไปถึงอาหารการกินที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนช่างสรรค์ในการกินของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย …มาติดตามกันเลย!!
เมื่อเดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมา The 8th Ronin ได้รับมิชชั่นพิเศษ ให้ไปติดตามการทำงานของกองถ่ายรายการสารคดีท่องเที่ยวที่ตัวแอดมินเองก็แอบชื่นชอบมานานแล้ว “ผจญภัยไร้พรมแดน” นั่นเอง… รายการนี้สาระดี แถมยังที่เคยได้รับรางวัลการันตีจากญี่ปุ่นมาซะด้วย
โดยในทริปนี้ ทางรายการผจญภัยไร้พรมแดนเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับภูมิภาคแห่งดอกไม้ของญี่ปุ่น (The Flower of Japan) ซึ่งก็คือภูมิภาคคันไซ (Kansai) เป็นการรวมตัวกันของภูมิภาคที่มีเสน่ห์ทั้งในแง่มุมของธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และความน่าสนใจที่หลากหลาย เพื่อนๆ ไปเที่ยวกันครบทุกจังหวัดหรือยังคะ ^^
(Hanayaka Kansai: The Flower of Japan รวมตัวกันขึ้นโดย Kankeiren หรือ Kansai Economic Federation ประกอบไปด้วยจังหวัด Shiga, Kyoto, Osaka, Hyogo, Nara, Wakayama, Tottori, Tokushima, Fukui และ Mie)
ทริปนี้เราได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรม ความเชื่อ ธรรมชาติที่งดงาม รวมไปถึงอาหารการกินที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนช่างสรรค์ในการกินของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย …มาติดตามกันเลย!!
การไปถ่ายทำในภูมิภาคคันไซในครั้งนี้ ยังคงอยู่ในช่วงฤดูหนาว พวกเราก็คาดหวังว่าจะได้สัมผัสหิมะกันบ้าง ขอบอกเลยว่าตลอดทริป มีโอกาสเจอน้อยมาก แต่พอได้เจอหิมะทีนึงพวกเราก็กรี๊ดกร๊าดกันจนไม่อยากจากจุดนั้นไปไหน แหม.. ก็เมืองไทยมีหิมะซะทีไหนล่ะ นั่น! คือที่เมือง Asago เป็นเมืองเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขาของจังหวัด Hyogo เป็นเส้นทางผ่าน ระหว่างที่เราเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองคิโนซากิ (Kinosaki Onsen)อยากให้เพื่อนๆ ได้มาเห็น มาเล่น มาสัมผัส เหมือนอย่างพวกเราบ้าง รับรองหน้าตาจะปลื้มปริ่ม อมยิ้มไปตลอดทั้งทริป ช่างเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ดีจริงๆ เลยนะ
ปลายทางของเราในวันนี้คือ Kinosaki Onsen แหล่งน้ำแร่ออนเซน ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นแล้วชาวต่างชาตินิยมมาก อยู่ในเมือง Toyoka จังหวัด Hyogo เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำแร่ออนเซนยอดนิยมของภูมิภาคคันไซ แล้วก็มีมานานแล้กว่า 1,400 ปี แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่าหนึ่งล้านคนทีเดียวนะ นอกจากจะมี Public Baths หรือสถานที่แช่น้ำแร่ออนเซนสาธารณะที่มีชื่อเสียงถึง 7 แห่งที่เรียกรวมกันว่า “Sotoyu” แล้ว ก็ยังมีที่พัก (Ryokan) เลิศๆ อีกเพียบ ที่นี่มีบรรยากาศสงบๆ (peaceful สุดๆ อ่ะ) อาคารบ้านเรือนมีสถาปัตยกรรมความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล และน่าประทับใจมาก
และการเดินเที่ยวชมเมืองคิโนซากิในชุดยูกาตะ (ของโรงแรมที่เราพัก) ไปแช่ออนเซนสาธารณะยอดนิยมทั้ง 7 แห่งของเมืองนี้ เป็นกิจกรรมที่แนะนำอย่างที่สุด เพราะนอกจากจะได้ดูแฟชั่นชุดยูกาตะของแต่ละโรงแรมแล้ว เมืองก็น่าสนใจ แถมยังได้เพลิดเพลินกับโรงอาบน้ำแต่ละแห่งด้วยละนะ และแม้จะเราจะต้องจ่ายค่าเข้าโรงอาบน้ำสาธารณะแต่ละจุดเอง ราคาผู้ใหญ่ก็ครั้ง 600 – 800 เยน แต่ละโรงอาบน้ำราคาไม่เท่ากัน แต่ถ้าเรามีพาส ที่เรียกว่า “Yumepa” หรือ Kinosaki Hot Spring all-access pass ก็จะทำให้เราเข้าได้หมดทั้ง 7 แห่งแบบ unlimited เลยล่ะขอบอก!! แค่แปะกับเครื่องรับของแต่ละที่ก็เข้าไปใช้บริการได้แล้ว นี่เป็นสิทธิพิเศษของผู้ที่มาพักในโรงแรมของ Kinosaki ลองไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ต้อนรับของที่พักเราได้ หรือจะสอบถามข้อมูลจากที่ Kinosaki Tourist Information Center ก่อนก็ได้ Yumepa เป็น IC Card ที่ใช้ซื้อของได้ด้วยนะ จะเติมเงินไว้ตอนรับบัตรมา หรือไปจ่ายเงินสดตอนเราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักก็ได้ เป็นไอเดียที่ทำให้เราสามารถเดินเที่ยว Kinosaki ได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ ใช้ได้ตั้งแต่ 14.00 น. ถึง 10.00 น. ของวันที่เราจะเช็คเอ้าท์ หรือถ้าไม่ใช้แขกที่เข้าพักของโรงแรมไหนๆ เลย เขาก็มีบัตรแบบ One Day Ticket ให้ใช้บริการ ราคา 1,200 เยนล่ะ ซื้อได้ที่โรงอาบน้ำสาธารณะ หรือปรึกษาที่ Kinosaki Tourist Information Center ที่สถานีก่อนก็ได้จ้า
โรงอาบน้ำสาธารณะแต่ละแห่ง ตกแต่งดูดีมีสไตล์ ราวกับเรียวกังหรูๆ เลย คุ้มค่ากับการลองให้ครบค่ะ ^^
ตอนที่เราไปถ่ายทำกันที่โรงอาบน้ำสาธารณะ ตอนเช้าตรู่ เราเจอผู้ชายคนหนึ่งมารอก่อนเราอีก (แน่นอนว่ามาก่อนที่เขาจะเปิดให้บริการ และคงต้องอดทนกับความหนาวเป็นชั่วโมง) สอบถามได้ความว่า ผู้ชายและผู้หญิงคนไหนที่มาใช้บริการเป็นคนแรกของแต่ละวัน จะได้ป้ายไม้พิเศษเป็นที่ระลึกอ่ะ เป็นกิมมิคเจ๋งๆ อย่างหนึ่งของ Kinosaki ล่ะ ดีจัง…
(Public Baths ทั้ง 7 แห่งของ Kinosaki Onsen ประกอบด้วย Satono-yu, Jizo-yu, Yanagi-yu, Ichino-yu, Goshono-yu, Kono-yu, และ Mandara-yu จ้า ไปลองเหอะ ติดใจแน่นอน แล้วคนที่ Kinosaki ยังเชื่อกันด้วยว่าถ้าไปครบทั้ง 7 แห่ง เราจะโชคดี 7 ครั้งอ่ะค่ะ ของอย่างนี้ต้องลอง)
เราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากทางโรงแรม Nishimuraya Hotel Shogetsutei Kinosaki Onsen ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใน Kinosaki Onsen เลยทีเดียว โดยเฉพาะในฤดูปูมัตสึบะ (Matsuba เป็นวัตถุดิบจากท้องทะเลขึ้นชื่อของแถบนี้ มักจะเรียกกันว่า Snow Crab หรือ Queen Crab) ที่จับได้มากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม ซึ่งก็คือช่วงฤดูหนาวนั่นเอง โรงแรมนี้แม้จะมีห้องพักจำนวนมาก ซึ่งก็เป็นห้องพักที่กว้างขวาง ออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยม และจัดเป็นโรงแรมระดับค่อนข้างสูง แต่ถ้าเจอไฮไลท์เป็นฤดูปูมัตสึบะขึ้นมาละก็ เต็ม! เต็ม! เต็ม! จองกันเต็มล่วงหน้าเป็นนานเลยค่าาาาา คือว่า… มาคิโนซากิในฤดูหนาว แล้วไม่ได้กินปูมัตสึบะล่ะก็ มันไม่ใช่! มันไม่คือ! มันไม่ควรล่ะ … มันต้องโดน เท่านั้น!!
(ลองเช็คในเว็บไซต์ของโรงแรมดูก็ได้ ว่าช่วงฤดูหนาวห้องมักจะจองเต็มเกือบทุกวัน แม้กระทั่งวันธรรมดาอ่ะ)
ถ้าใครจองห้องแบบมีห้องแช่น้ำร้อนแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวมาละก็ เช็คอินเสร็จ แช่น้ำร้อนสบายๆ ชนิดไม่ต้องไปเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างให้คนไม่คุ้นหน้าดู จากนั้นก็รอเวลาอาหารค่ำเลิศรสได้เลย ถ้าเป็นฤดูหนาวที่นี่จะโดดเด่นเรื่องเมนูปูมัตสึบะอย่างที่บอก แต่ถ้าเป็นฤดูอื่นก็จะเป็นเมนูตามฤดูกาล ซึ่งจะเน้นไปทางเนื้อวัว Tajima เนื้อวากิวรสเลิศในย่านนี้
และถ้าเพื่อนๆ คนไหนไม่ mind เรื่องการแช่ออนเซนรวมกับแขกคนอื่นๆ ห้องออนเซนรวมของที่นี่ก็เยี่ยมยอดไม่แพ้ที่ไหนนะจ้ะ ชอบเป็นพิเศษตรงที่..บริเวณทางเข้าออนเซน จะมีจุดบริการเครื่องดื่ม ดื่มฟรีอ่ะจ้ะ อันนี้เลอเลิศ ยังไม่เคยเจอที่อื่น อ้อ! ถ้าจองห้องมาเป็นแบบไม่มีห้องน้ำร้อนส่วนตัวในห้องพัก แต่ก็อยากแช่ออนเซนคนเดียวหรืออยากแช่กับเพื่อนๆ หรือครอบครัวเท่านั้น ที่นี่มีห้อง Private Onsen ให้เช่าใช้บริการต่างหากด้วยหล่ะ แจ่มใช่มั้ยล่ะ ^^
เชื่อเถอะ หลายๆ ท่านมาพักที่นี่ก็เพียงเพราะปูมัตสึบะ และออนเซนส่วนตัวอันเลอค่าเท่านั้น
สำหรับบางคน เหตุผลแค่นี้..ก็เกินพอ ^^
โรงแรม Nishimuraya Hotel Shogetsutei Kinosaki Onsen
เป็นหนึ่งในโรงแรมเก่าแก่ของ Kinosaki Onsen มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปี มีห้องอาบน้ำแร่ออนเซน ที่โดดเด่นเรื่องความเปิดโล่ง มีออนเซนแบบ Open Air และกึ่ง Open Air ที่ตกแต่งเน้นความกลมกลืนไปกับธรรมชาติ อาหารการกินก็จัดเต็มอ่ะจ้ะ ใครที่จองโรงแรมนี้จะนั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Kinosaki แล้วใช้บริการ Free Shuttle Bus ต่อไปยังโรงแรมก็ได้ (แต่แจ้งเวลากับทางโรงแรมไว้ก่อนนะจ้ะ) ส่วนใครประสงค์จะเดินไปโรงแรม เอากระเป๋าไปฝากที่เคาน์เตอร์ Ryokan & Hotel Information Counter ในบริเวณสถานี JR Kinosaki ก่อนก็ได้ (ใบละ 50 เยน) เดี๋ยวเจ้าหน้าที่โรงแรมจะจัดการให้เราเอง เราก็เดินตัวปลิวชมเมืองไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 นาทีก็ถึงโรงแรมจ้า หาไม่ยากหรอก
ที่ตั้ง : 1016-2 Yushima Kinosaki-cho, Toyooka City, Kyogo Pref. 669-6101
:-http://www.nishimuraya.ne.jp/shogetsu/en/
ไหนๆ ก็เป็นฤดูปูมัตสึบะ แถมยังมาเยือนถึงถิ่นทั้งที รายการผจญภัยไร้พรมแดนจึงนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับปูมัตสึบะ ดาวเด่นของย่านนี้ นางเอกแห่งท้องทะเลฤดูหนาวของคิโนซากิกันแบบเต็มๆ ไปเลยค่ะ ก็นอกจากจะได้เข้าครัวไปดูพ่อครัวฝีมือเอกของทางโรงแรม แสดงวิทยายุทธจัดการกับปูมัตสึบะ … ได้ลิ้มรสเนื้อปูหวานๆ นุ่ม ชุ่มฉ่ำ อร่อยกันทั้งแบบซาซิมิ ต้มในหม้อไฟ รวมไปถึงปูย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น กินอิ่ม นอนสบายแล้ว … ตีสี่ ตีห้า เราก็ลากสังขารตามกองถ่ายไปที่ท่าเรือ ไปดูขั้นตอนตั้งแต่การนำปูเป็นเข่งๆ ขึ้นมาจากเรือ ลำเลียงไปยังจุดคัดแยกขนาดและคุณภาพ ได้เห็นวิธีการประมูลปูมัตสึบะ (และสัตว์ทะเลอื่นๆ) กระทั่งตามไปถึงร้านขายปลีกอาหารทะเล ที่เห็นราคาขายปลีกของปูมัตสึบะแล้วถึงกับตาโตทีเดียว …
ระหว่างที่หนุ่มๆ กำลังขนปูมัตสึบะอย่างขยันขันแข็ง (มีแอบแซวกัน แก้เขิลกล้องด้วยละ 555) เราก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า..ฤดูจับปูมัตสึบะนั้น มันอยู่ระหว่างเดือนพ.ย. ถึงเดือนมี.ค. แล้วเดือนอื่นๆ เรือประมงแถบนี้เขาทำมาหากินอะไรน๊า? ไม่ต้องสงสัยนานเลย.. แป๊บเดียวก็ได้คำตอบมาว่า ที่นี่มีอาหารทะเลขึ้นชื่ออีกอย่างคือปลาหมึกหิ่งห้อย หรือโฮตารุอิกะ (Hotaru-ika) เป็นปลาหมึกตัวเล็กๆ ที่เรืองแสงในตอนกลางคืนอ่ะนะ นอกฤดูปูมัตสึบะ เขาก็จับเจ้าปลาหมึกหิ่งห้อยกันนั่นเองจ้า
เช้าวันนี้นะ เราได้เห็นวิธีการส่งผ่านปูมัตสึบะตั้งแต่จากเรือจนถึงมือผู้บริโภคกันเลยทีเดียว ส่วนผู้บริโภคอย่างเรา มาเยือนคิโนซากิคราวนี้ จัดปูมัตสึบะไปรวมๆ แล้วน่าจะประมาณคนละ 2 ตัว (หลายหมื่นเยนทีเดียว) ฟินจริงๆ เลยอ่ะ อยากให้เพื่อนๆ มาลิ้มลองกันบ้าง จริงๆ นะ!!
(ปูมัตสึบะ หรือ matsuba-gani นี้มีหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับย่านที่จับมันได้ รู้จักกันทั่วๆ ไปว่าปูซุไว หรือ zuwai-gani นั่นแหล่ะ ถ้าจับมาจากชายฝั่งตอนเหนือของจังหวัด Fukui กับ Ishikawa จะเรียกว่าปูเอะจิเซน หรือ Echizen-gani แต่ถ้าจับมาจากชายฝั่ง San-in คือตั้งแต่จังหวัด Yamaguchi ถึง Hyogo จะเรียกว่าปูมัตสึบะ)
นี่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ The 8th Ronin ได้ไปเยือน Kinosaki และติดตามชมการทำงานของทีมงานรายการผจญภัยไร้พรมแดน ขอบอกว่าสนุกมากๆ ได้รู้จักเมืองนี้มากขึ้นเยอะทีเดียว ว่าแต่…
ตอนต่อไปคุณติ๊ก จะพาไปเที่ยวที่ไหนในคันไซ …ภูมิภาคแห่งดอกไม้ของญี่ปุ่น (Hanayaka Kansai : The Flower of Japan) เราจะตามติดกองถ่าย แล้วนำมาเม้าท์ให้ฟังกันในครั้งหน้านะจ้ะ ใบ้ให้นิดนึงว่า…ของกินอร่อยๆ ในทะเลญี่ปุ่นไม่ได้มีแต่ปูมัตสึบะ! (^^)/
ติดตามรายการผจญภัยไร้พรมแดนได้ทาง ททบ. 5
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
หรือติดตามความเคลื่อนไหวของทางรายการได้ทาง…
เฟซบุ๊ค แฟนเพจ:-ผจญภัยไร้พรมแดน
เว็บไซต์:-www.panorama-discovery.com
ยูทูป:-http://www.youtube.com/channel/UCaRoqlkjKQpiv9g1SxT0n4Q
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
-http://www.kinosaki-hotsprings.com/
-http://www.nishimuraya.ne.jp/honkan/
-http://www.youtube.com/watch?v=aBHFn-GBpNM
-http://visitkinosaki.com/lodging/etiquette/
-http://www.kankeiren.or.jp/