คนญี่ปุ่นว้าว (WOW)!! จริงๆ ก็คือ คนไทยมีแบ่งโควต้าลางาน ลาพักร้อน ลาป่วยแยกออกจากกัน และบางที่ยังมีลากิจ ลาราชการ ลาบวช ลาแต่งงาน ซึ่งถือว่ามหัศจรรย์ Amazing Thailand only มาก
แปดโมงเช้าวันอังคาร… มีข้อความเข้ามาในมือถือผม แน่นอนมันไม่ใช่เพลงปาล์มมี่หรือให้เมสเสจเคารพธงชาติ
ถึงทุกท่าน วันนี้มีปัญหาจากรถไฟล่าช้า ผมจะเข้าออฟฟิสสาย 5-10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก
ชีวิตซาลารี่แมนของบริษัทญี่ปุ่น เขามักจะให้โทรศัพท์มือถือสำหรับใช้เพื่อโทรคุยงาน ดูและรับส่ง mail ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น) และข้างต้นนี่คือตัวอย่างของชาวญี่ปุ่นว่าเขาซีเรียสกับการติดต่อรายงานในเรื่องงานขนาดไหน
ถึงจะสายแค่ห้านาที มันเป็นประเพณีอย่างน้อยก็ในแผนกผมว่าต้องรายงาน และไม่ใช่แค่รายงานหัวหน้านะ ต้องรายงานเข้าเมล์กรุ๊ปแบบนี้ล่ะ หรือถ้าบางรายเมื่อคืนไปต้อนรับลูกค้า ซดเบียร์ไปสี่ถัง กลับบ้านไม่ถูกจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ต้องโทรหาใครสักคนว่าตัวเองขอลา หรือขอเข้าออฟฟิสสายอะไรก็ว่าไป แล้วคนที่รับสายจะช่วยกระจายข่าวให้ จะมาหายไปเฉยๆ และอ้างว่าลุกไม่ไหว ไม่ได้เด็ดขาด ยกเว้นคุณต้องตายจริงๆ !!
เรื่องประมาณนี้ ตอนผมอยู่ญี่ปุ่นและเข้าทำงานเป็นเด็กใหม่ ก็เห็นวัฒนธรรมแบบนี้มาตลอดเลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกอะไร จนพอกลับไทย เวลาลูกน้องตัวเองสาย หรือเพื่อนในทีมสายแล้วเรารับทราบเรื่องพอดี ผมก็เมล์บอกคนในแผนกโดยไม่รู้มาก่อนว่านี่คือความผิดพลาดทางขนบธรรมเนียมประเพณี
เพราะผมได้รับคำติติง เอ้ยชื่นชมมากมายว่า “จะไปป่าวประกาศให้โจ๋งครึ่มทำไม คนลาป่วยมาสาย เขาไม่ได้ภาคภูมิใจนะเฟ้ย!!”
ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังทำอะไรเกินเลยหรือเปล่า แต่หลังจากมาอยู่ในไทยได้สองสามปี ก็เข้าใจว่าการแจ้งสายแจ้งลา บอกแค่หัวหน้าตัวเองหรือในทีมก็พอ ไม่ต้องเล่นใหญ่บอกกันทั้งแผนกก็ได้ และถ้าสายแค่ห้านาที สิบนาที ยิ่งไม่ต้องมาส่งเมล์ให้เปลืองตุ้มเลย
นั่นคือสิ่งที่คนญี่ปุ่นมาไทยแล้วรู้สึกพิศวง เพราะในความคิดของพวกเขาหากงานเริ่มที่ 8:30 AM นั่นหมายความว่าคุณต้องพร้อมทำงาน เครื่องคอมต้องเปิดแล้ว หากโทรศัพท์ดังต้องพร้อมรับได้ทันที ไม่ใช่ว่า 8:30 คุณยังเพิ่งตอกบัตรว่าถึงที่ทำงาน !!
แต่ที่คนญี่ปุ่นว้าว (WOW)!! จริงๆ ก็คือ คนไทยมีแบ่งโควต้าลาพักร้อน ลาป่วยแยกออกจากกัน และบางที่ยังมีลากิจ ลาราชการ ลาบวช ลาแต่งงาน ซึ่งถือว่ามหัศจรรย์ Amazing Thailand only มาก
เพราะบริษัทญี่ปุ่น 99.99% จะมีประเภทวันหยุดให้พนักงานแค่สองประเภทคือหยุดแล้วได้ตังค์ กับไม่ได้ตังค์เท่านั้น ซึ่งกรณีแรกจะเหมารวมเรียกว่า Kyuka คิวกะ (休暇) คนญี่ปุ่นไม่ได้แบ่งว่านี่ลาป่วยนี่ลาพักร้อน เพราะลาก็คือลา โดยปีนึงๆ จะให้โควต้าที่ประมาณ 15 วัน
ส่วนคนที่จะลาแบบไม่เอาตังค์นี่ ถามว่าทำได้ไหม คงทำได้ แต่คงต้องถามใจตัวเองดีๆ ก่อนว่าเราคงไม่คิดจะอยู่กับบริษัทนี้ยาวๆ ใช่ไหมเพราะคนญี่ปุ่นคงไม่ใคร่อะไรแบบนี้นัก ลึกๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะแปลกใจ และรู้สึกเป็น negative ที่เรามีโควต้าวันหยุดลาป่วยขึ้นมาอีก (จริงอยู่ว่าตามกฎหมายหยุดได้มากที่สุดถึง 30 วันแต่เอาเข้าจริง คงมีคนที่กล้าป่วยสามสิบวันต่อปีน้อยมาก) เพราะคนญี่ปุ่นคิดว่า
การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานเช่นกัน หากเรา manage แค่ร่างกายเราให้ดีไม่ได้ คงไม่มีทาง manage งานได้ดีแน่ๆ
ดังนั้นคนไทยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานกับคนญี่ปุ่นเลย อาจจะแอบงงๆ กับวัฒนธรรมประเพณีอันนี้บ้าง เพราะบางทีมันดูเยอะและดูจะ strict คุมเข้มกันเกินไป แต่ถ้ามองในแง่ความเป็นลูกซามูไรแดนอาทิตย์อุทัย
วินัยคือหนึ่งในอาวุธสุดสำคัญของพวกเขา ที่ทำให้บริษัทของพวกเขายังคงก้าวอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ หากจะหาเหตุผลว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ มันก็อธิบายได้ไม่ยาก เพราะการที่ตัวฟันเฟืองเล็กๆ ที่ไม่ว่าจะเล็กขนาดไหนก็ตาม หากแค่ตัวใดตัวหนึ่งเกิดหายไปโดยไม่รู้ก่อน (=ลาป่วย) หรือหมุนช้าไปนิด (=มาสาย) มันจะทำให้องค์กรต้องเดือดร้อนหรือสะดุดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และคนญี่ปุ่นถือมากกับเรื่อง 他人に迷惑をかけないように (อย่าไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน) อีกต่างหาก
เขียนมาถึงตรงนี้ ผมว่าหลายคนน่าจะมีประสบการณ์คล้ายผมนะ … เวลาคุณจะลาป่วยเพราะงานเมื่อวานดูดวิญญาณคุณไปแทบจะหมดตัวแล้ว เซลล์สมองกว่าหมื่นล้านเซลล์พร้อมใจกันออกคำสั่งยังกับ ม.44 ให้เหมือนร่างกายคุณเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว ไม่อยากจะขยับร่างกายไปไหนเลย แม้กระทั่งแค่หยิบมือถือมาเขียนหรือบอกแค่ว่าจะขอลาป่วยก็ตาม!!
เรื่องแนะนำ :
– (13++) เบคาราสุ Last Episode นิทานเมื่อทำงานกับญี่ปุ่น ไม่ถึงห้าม แต่อย่าทำดีกว่า
-The Darkest hours : เบคาราสุ EP.2 (べからずⅡ) นิทานทำงานกับญี่ปุ่นไม่ถึงห้าม แต่อย่าทำดีกว่า
– นิทาน ทำงานกับญี่ปุ่น : เบคาราสุ (べからず) ไม่ถึงห้าม แต่อย่าทำดีกว่า (EP.1)
– (13+) In my memory หญิงเหล็ก working woman เจแปน
– ชื่อ (ไฟล์และโฟลเดอร์) นั้นสำคัญไฉน?