เมื่อ 2 ฝ่ายลงเอยกัน ตกลงคบเป็นแฟนกัน นี่คือสิ่งที่คู่รักญี่ปุ่นส่วนใหญ่ทำค่ะ
ใครดูหนังหรือละครรักคนญี่ปุ่น จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยหวือหวา มันจะไปเรื่อยๆ
ฝ่ายชายก็ไม่ค่อยมีการพยายามจีบ แซวมุขควาย ทุ่มทุนสร้าง หรือถือกระเป๋าให้ (ไม่เหมือนในละครไทย มันต้องมีฉากที่ผู้ชายแบกถุงช้อปปิ้งจำนวนมหาศาลให้ผู้หญิง) ฉากจิกหมอนมีแค่ฝ่ายชายเดินเข้าไปจับมือฝ่ายหญิงแบบเงียบๆ หรือก้มจูบเบาๆ แค่เนี้ย
ส่วนฝ่ายหญิง ก็ไม่ค่อยงอนแก้มป่อง ไม่ค่อยสะบัดสะบิ้ง นางก็แอ๊บน่ารักใสๆ ของนางไป ถ้านางเป็นฝ่ายชอบพระเอกก่อน นางก็จะเข้าหาแบบเนียนๆ อายๆ เอาขนมไปให้ ขอให้ช่วยไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย ส่วนถ้าพระเอกเข้าหาก่อน นางก็จะทำตากลมใสซื่อ เอ๊ะ..เอ๊ะ…จะดีเหรอ เขาคิดอะไรกับเราหรือเปล่านะ
เมื่อ 2 ฝ่ายลงเอยกัน ตกลงคบเป็นแฟนกัน นี่คือสิ่งที่คู่รักญี่ปุ่นส่วนใหญ่ทำค่ะ
1. ตกลงเรื่องวิธีเรียกชื่อ
คนไทย ปกติเราจะเรียกชื่อเล่นกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ ส่วนใหญ่เวลาคบๆ กันไปก็จะตั้งฉายาให้กัน จากการรีเสิร์ชอันรวดเร็ว ดิฉันพบว่า 10 อันดับแรกที่คนไทยมักเรียกแฟนตัวเองคือ
1. อ้วน
2. ที่รัก
3. ตัวเอง
4. หมู
5. เหม่ง
6. ตัวเล็ก
7. ดื้อ
8. ดาร์ลิ่ง
9. ดำ
10. เตี้ย
ขอบคุณ :http://beta.toptenthailand.com/topten/detail/20131029165952367
ใน 10 อันดับ มีคำความหมายลบไปซะ 6 ชื่อ (เตี้ย ดำ ดื้อ เหม่ง หมู อ้วน) ถ้าหนุ่มหรือสาวไทยที่คบกับคนญี่ปุ่นอยู่ แล้วดันไปเรียกแฟนอ้วน เตี้ย ดำ อะไรแบบนี้ มีหวังแฟนหนีไปฆ่าตัวตายหรือกระโดดคาราเต้เตะคุณเป็นแน่ เพราะคนญี่ปุ่นนั้น เวลาเป็นแฟนกัน เขาจะเรียกชื่อเล่นที่แปลงมาจากชื่อจริงกันค่ะ
ต้องอธิบายก่อนว่า ปกติคนญี่ปุ่นจะเรียกกันและกันด้วย “นามสกุล” คนที่เรียกชื่อได้นั้น มีแต่สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนที่สนิทจริงๆ เช่น
Tanaka Ryusuke (ชื่อผู้ชาย) ในที่นี้ นามสกุลคือ “ทานากะ”
(ใครแยกไม่ออกว่าอันไหนชื่อ อันไหนนามสกุล เจอคนญี่ปุ่นเยอะๆ สักระดับหนึ่งจะพอรู้เอง)
ปกติเราก็จะเรียก “ทานากะซัง” แต่หากคบกันเป็นแฟนปุ๊บ เราอาจเรียก “ริวสุเกะ” “ริวจัง” “ริวคุง”
ส่วนชื่อผู้หญิง เช่น Koyama Yukiko ปกติเรียก “โคยาม่าซัง” แต่พอคบๆ กันแล้ว ฝ่ายชายอาจเรียกฝ่ายหญิงว่า “ยูกิโกะ” “ยูจัง” หรือ “ยุกกิ” ก็ได้
ทีนี้บทสนทนาที่วาบหวามสำหรับคู่รักหนุ่มสาวก็คือบทสนทนาที่คุยกันถึงเรื่องวิธีเรียกแฟนตัวเองนี่แหละค่ะ คนไทยเวลาเป็นแฟนกัน สนิทกัน เราอาจเอามือไปจิ้มพุงแฟนแล้วบอกว่า ไอ้อ้วนนนน แล้วก็เรียก อ้วน อ้วน อ้วน มาเรื่อยๆ แต่คนญี่ปุ่นเขาจริงจังค่ะ ต้องมีการนั่งคุยกันว่า “เราจะเรียกนายว่าอะไรดีเหรออออ” ลองมาดูบทสนทนาเขินๆ ของหนุ่มสาวญี่ปุ่นดูนะคะ
(ขณะทั้งคู่นั่งดินเนอร์กัน)
Koyama: ว่าแต่….เราจะเรียกทานากะคุงว่าอะไรดีเหรอ
Tanaka: อืม…นั่นสินะ “ริวสุเกะ” ก็ได้ เพื่อนๆ เราเรียกเราว่า ริวเฉยๆ แล้วแต่เธอแหละ
Koyama: (ก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินอาย พร้อมเปล่งเสียงเบาๆ จากคอหอยพร้อมยิ้มขวยเขิน) ริว-สุ-เกะ
Tanaka: (หัวเราะเบาๆ และเอียงคอด้วยความเขินอาย) แหม…เขินจัง แล้วเราควรเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ
Koyama: เราเหรอ เพื่อนสนิทเรียกเราว่า ยุกกิ นายเรียกเราอย่างนั้นก็ได้
Tanaka: ยุกกิจัง!
Koyama: ริวสุเกะ!
และแล้ว…ทั้งร้านถูกออร่าสีชมพูของคู่รักคู่นี้สาดส่องเป็นประกาย ปิ๊งๆๆ
อะไรประมาณนี้…. ดิฉันคิดว่า การเปลี่ยนวิธีเรียกชื่อถือเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกๆ ของการพัฒนาความสัมพันธ์คู่รักเลยทีเดียวล่ะค่ะ
2. ใช้ของคู่กัน
เวลาทั้งคู่ไปเดทกัน ก็จะหาซื้อของใช้คู่กัน ภาษาญี่ปุ่นเรียกการใช้ของคู่กันเหล่านี้ว่า [お揃い (O-soroi)] ค่ะ โดยมาก มักเป็นฝ่ายหญิงที่เริ่มก่อน ประมาณว่า “ว้ายยย ตัวเอง! ดูพวงกุญแจอันนี้สิ น่ารักจังเลย ซื้อใส่ด้วยกันเถอะนะ!”
ของยอดฮิตที่คู่รักมักซื้อลายเดียวกันหรือใช้เหมือนๆกันคือ ที่ห้อยมือถือ แก้วกาแฟ นาฬิกาข้อมือ แหวน และสร้อยค่ะ เวลาหยิบของเหล่านี้มาใช้ที ก็จะรู้สึกอุ่นใจว่า แฟนเราก็จะใช้เหมือนกัน
ส่วนของที่คนญี่ปุ่นแทบจะไม่ O-soroi เด็ดขาด คือ เสื้อ อันนี้แตกต่างจากคู่รักเกาหลีมากว่าต้องใส่เหมือนกัน คู่รักญี่ปุ่นอายที่จะทำอย่างนั้นค่ะ
3. ตั้ง Mailbox VIP
ในอดีต ก่อนมี Social Network คู่รักญี่ปุ่นติดต่อกันผ่านอีเมลทางโทรศัพท์มือถือค่ะ เขาก็จะเซ็ท Mailbox พิเศษ ตั้งค่าว่า ถ้ามีอีเมลจากคนพิเศษมา ระบบจะจัดส่งให้ไปอยู่อีก Folder หนึ่งโดยอัตโนมัติ ไม่รวมกันกับอีเมลจากคนธรรมดาคนอื่นๆ เวลาแฟนเมลมา ก็จะเห็นได้ชัดเจน
แต่พอมีสมาร์ทโฟน มี Line คู่รักญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยใช้แบบนี้แล้ว ยกเว้นบางคู่ ที่ยังติดต่อกันหรือส่งอีเมลหากันเวลาพิมพ์อะไรยาวๆ เขาก็ยังนิยมเซ็ท Folder ใหม่เป็น Folder ของคนรักอยู่ค่ะ
4. อ้อนนนนน
ดิฉันเชื่อว่า ข้อนี้เป็นข้อที่คู่รักญี่ปุ่นอมยิ้มมากที่สุด คนญี่ปุ่นปกติจะทำตัวขึงขัง จริงจังต่อหน้าที่การงาน ไม่ค่อยทำตัวบ้าบอหรือรั่วๆในมหาลัยหรือที่ทำงานสักเท่าไร แต่พอคบกับแฟน พวกเขาจะเริ่มปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาบ้าง ซึ่งเป็นมุมที่ก่อนคบเป็นแฟน เราอาจไม่เคยได้เห็น ยกตัวอย่างเช่น
หนุ่มสาวคู่หนึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน ปกติ ในห้องประชุม ฝ่ายชายดูขึงขัง เอาการเอางาน เวลาพรีเซ้นท์งานนี่อย่างเท่ห์ เจ้านายใหญ่ถามอะไร ฮีตอบได้หมด เป็นคนที่คูลมาก
แต่พอเวลาไปเดท จู่ๆ ฝ่ายชายอาจบอกว่า “ขอจับมือหน่อยดิ่” หรือเวลาทานข้าวด้วยกันที่ห้อง เขาอาจพึมพัมขึ้นมาว่า “อยากให้ตัวเองป้อนหน่อย…” ซึ่งความแตกต่างตรงนี้จะทำให้แฟนสาวอมยิ้มว่า ได้เห็นตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขา เขาเริ่มเข้ามาอ้อนกับฉันแล้ว
หรือฝ่ายหญิงจริงๆ เป็น Working Woman ทำงานกระฉับกระเฉง แต่เวลาอยู่กับแฟนหนุ่ม เธออาจทำตัวอ้อนๆ ขอให้แฟนช่วยหยิบของให้ หรือทิ้งตัวไปบนเตียงแล้วบอกว่า “อ๊าย วันนี้เหนื่อยจัง ขอกอดหน่อยจิ” สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอไม่มีทางแสดงต่อหน้าเพื่อนร่วมงานต่อลูกน้องเธอ มีแต่แฟนเท่านั้นที่ได้เห็น พฤติกรรมอย่างนี้ก็เรียกว่าอ้อนค่ะ
การอ้อนนี่แหละค่ะ เป็นสัญญาณสำคัญว่า แฟนของตนเองได้เปิดใจให้ตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ มีพิธีรีตองกันมากเหมือนก่อนคบกัน ภาษาญี่ปุ่นใช้กริยาคำว่า 「甘える(A-ma-e-ru)」รากศัพท์และคันจิตัวเดียวกับคำว่า 「甘い (Amai)」ที่แปลว่าหวานนั่นแหละค่ะ (ส่วน “คนขี้อ้อน” เราเรียกว่า 甘えん坊- A-ma-en-bou เวลาแฟนเข้ามาอ้อน เราอาจจิกกัดเบาๆ ว่า “เจ้าขี้อ้อนเอ๊ย” แล้วก็ปล่อยให้แฟนอ้อนไป)
=================
เขียนไปแล้วก็จิกคีย์บอร์ดไป อึ๊ย … หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ติดละครหรือหนังญี่ปุ่นนะคะ ดูแล้วจะได้เข้าใจอารมณ์โมเม้นท์จิ้นแบบคู่รักญี่ปุ่นมากขึ้น ส่วนใครมีแฟนญี่ปุ่น ลองถามแฟนดูนะคะ จะเริ่มเรียกเขาว่าอะไรดี? ☺
ขอบพระคุณภาพประกอบคู่รักหวานๆ ทั้งหมดจาก : http://prcm.jp/
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Facebook เกตุวดี Marumura