Local Idol ความงดงามจากสิ่งเล็ก ๆ สู่โลกที่กว้างใหญ่…กลับมาชมอามะจังอีกครั้ง ทำให้ผมพยายามโฟกัสไปที่ประเด็นไอดอลในอามะจังอย่างจริงจังอีกครั้ง และผมว่ามันก็มีแง่มุมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะขอกล่าวถึงในบทความชิ้นนี้ครับ
ในช่วงหลัง ๆ นี้ ผมย้อนกลับมาดูซีรีย์ญี่ปุ่น “อามะจัง” อีกครั้งแทบจะทุกวันร่วมกับครอบครัว และก็มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างหนึ่งครับ ก็คือพอซีรีย์นี้จบภาคบ้านเกิด (จับหอยเม่น) และเริ่มเข้าสู่ภาคโตเกียว (ไอดอล) บางคนก็จะไม่ค่อยเข้าใจบริบทของมัน และก็เลิกดูซีรีย์เรื่องนี้ไปโดยปริยาย
สำหรับผมเองนั้นก็เกิดกรณีคล้าย ๆ กันเพราะต้องยอมรับเลยว่าสาเหตุที่ชอบซีรีย์เรื่องนี้ก็เพราะชื่นชอบความงดงามของบรรยากาศในต่างจังหวัดและรู้สึกว่าการจับหอยเม่นหรืออาชีพอามะนั้นน่าสนใจ เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้เราไปรู้จักในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรก็ตามพอเข้ามาสู่ยุคไอดอล เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสำหรับคนที่ติดตามไอดอล และในขณะเดียวกันมันก็เป็นเรื่องที่ “แปลกเกินไป” สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามไอดอลอีกเช่นกัน
เหตุนี้ในการย้อนกลับมาชมอามะจังอีกครั้ง ทำให้ผมพยายามโฟกัสไปที่ประเด็นไอดอลในอามะจังอย่างจริงจังอีกครั้ง และผมว่ามันก็มีแง่มุมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะขอกล่าวถึงในบทความชิ้นนี้ครับ
– การเข้ามาปะปนของกลุ่มแมวมอง
ขอกล่าวก่อนว่าบริบทของไอดอลระดับท้องถิ่นนั้น ผมได้สัมผัสมาโดยตรงอยู่พอสมควร กล่าวคือผมเองนั้นทำค่ายมวยปล้ำอาชีพอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และนักมวยปล้ำของค่ายผม นอกจากจะขึ้นปล้ำแล้วก็ยังออกคอนเสิร์ตไอดอลอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีไอดอลท้องถิ่นหลาย ๆ คนที่หันมาฝึกมวยปล้ำและได้ติดต่อสื่อสารพูดคุยกัน และพบประเด็นร่วมอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “การมีอยู่ของแมวมอง”
ในอามะจังก็มี “มิสึงุจิ ทาคุมะ” แมวมองจากโตเกียวที่แฝงตัวเข้ามาในบ้านเกิดของอากิ และยุยจัง เพื่อสอดส่องและคอยเอารายงานไปแจ้งให้กับบริษัทแม่ที่โตเกียว ซึ่งมิสึทาคุนั้นเข้ามาในฐานะทีมงานขุดแร่ของเบนซัง ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่ชาวเมืองรู้จักกันดี หากเรามองตรงจุดนี้แล้วจะเห็นว่ามันค่อนข้างแนบเนียนมาก ๆ และคนที่ทำหน้าที่แมวมองเหล่านั้นก็ต้องลงทุนลงแรงในการที่จะให้ชาวบ้านเชื่อ และเพื่อจะได้เห็น “ความเป็นไปของเป้าหมาย” อย่างจริงใจและปราศจากการปรุงแต่งใดใด ซึ่งนี่คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการที่จะรู้จักคน ๆ หนึ่ง ที่เรามุ่งหวั่นจะไปปลุกปั้นให้เป็นศิลปินไอดอลในอนาคต
ในวงการไอดอลระดับเล็ก รวมถึงวงการมวยปล้ำหญิงที่ผมอยู่นั้น มีการพูดถึงแมวมองกันมากอยู่พอสมควร พวกเขาบอกว่าเขาไม่รู้จะมองข้ามใครไปบ้างรึเปล่า เพราะฉะนั้นหน้าที่ของไอดอลเหล่านี้คือการเปิดรับและมองถึงความเป็นไปได้ในทุกทางที่จะส่งผลให้ตัวเองถีบตัวขึ้นไปสูงขึ้น แมวมองบางคนก็เป็นประธานบริษัทมาเองแต่มาในฐานะของแฟนคลับ แต่งตัวให้ดูเป็นแฟนพันธ์แท้ คือมีเครื่องประดับพร้อม ฯลฯ (คือผมรู้จักกับบุคคล ๆ นี้ผ่านการดีลงานมวยปล้ำงานหนึ่ง จนไปเจอกันอีกทีในมินิคอนเสิร์ตของไอดอลวงหนึ่ง เลยได้มีโอกาสพูดคุยกันสั้น ๆ และพอรู้ถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้)
สิ่งเหล่านี้มีให้เห็นกันมากขึ้นครับ และบางครั้งบริษัทใหญ่ ๆ ก็จะมีการว่าจ้างคนดูเนี่ยแหละ หลาย ๆ คน หลาย ๆ ประเภท ให้คอยรายงานอัพเดทเกี่ยวกับไอดอลหรือศิลปินที่เป็นเป้าหมายไปให้เขาเป็นระยะ ๆ
ดังนั้นผมเชื่อว่าสิ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไอดอลต้องมีพฤติกรรมที่ดีเสมอ เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่ากำลังพูดคุยอยู่กับใคร (แน่นอนว่าไอดอลก็คือคนทั่วไป ในหลังฉากก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งหรือมีงี่เง่าตามประสา แต่การที่เขาอยู่หน้าฉากและทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและสนับสนุนให้พวกเขาได้ก้าวเดินต่อไป)
แมวมองบางคนยังมีวิธีการประเภท “แกล้งทำให้เป้าหมายได้ยิน” ด้วยซ้ำเพื่อดูปฏิกริยาและการเปลี่ยนแปลง หลังจากแน่ใจเรื่องข้อมูลเบื้องต้นไปหมดแล้ว (ซึ่งเราก็ไม่รู้แหละว่าในอามะจังนี่เขาตั้งใจหรือมันบังเอิญจริง ๆ เพราะสถานที่ในฉากที่ยุยจังได้ยินมิสึทาคุคุยกับฟุโตมากิ ก็ดูไม่ได้ปลอดภัยหรือเป็นส่วนตัวเอาซะเลย) เรียกว่ามีความหลากหลายครับ อย่างไรก็ตามเป้าหมายของแมวมองก็คือทำยังไงก็ได้ให้เราได้คน ๆ ที่หมายตาไว้มาร่วมงานด้วย ดังนั้นตราบใดที่มันไม่ได้ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวจนเกินงาม ก็ขอให้ถือว่ามันเป็นงานอย่างหนึ่งแล้วกันครับ
– “สำนึกรักบ้านเกิด” คอนเซปต์ที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
“ใครล่ะจะไม่อยากสนับสนุนลูกหลานจากท้องถิ่นของตนเอง” คำถามนี้ถ้าเราไม่ได้มาจากเมืองที่แข็งกระด้างหรือห่างเหินกันจนไป ก็คงตอบได้ไม่ยาก นั่นคือทุกคนก็อยากจะเห็นลูกหลาน คนเมืองที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวัน ได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง ได้เห็นพวกเขาประสบความสำเร็จ แน่นอนมันเป็นความรู้สึกร่วมที่คนทุกคนมี (อย่างเช่นเราเชียร์กีฬาทีมชาติ เพราะเรารู้สึกร่วมว่าเราคือส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านั้น) และบริษัทต่าง ๆ ก็ย่อมเล็งเห็นถึงจุดนี้ครับ ประเด็นบ้านเกิด จึงถูกนำมาใช้งานอยู๋เสมอ ไม่ใช่แค่ในวงการไอดอล แต่เชื่อว่าในสื่อบันเทิงทุกแขนง สิ่งนี้ทำให้ประสบความสำเร็จเสมอ
ในอามะจังเราจะเห็นการนำไอดอลท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดมารวม ๆ กันเป็นยูนิต GMT และมีเพลง “จิโมโตะ” (บ้านเกิด) เป็นซิงเกิ้ลหนึ่ง และบางท่อนของเพลงก็จะให้ไอดอลพูดของดีของแต่ละจังหวัดออกมา อะไรแบบนี้
อันนี้ก็เป็นภาพสะท้อนถึงใช้ท้องถิ่นเป็นแกนในการดำเนินสร้างความนิยม หรืออย่างในเรื่องจริง ไม่ใช่ในละครซีรีย์ ก็จะมียูนิตวงน้องสาวอย่างไม่เป็นทางการของ 48 กรุ๊ป นั่นก็คือ AKB48 ทีม 8 ที่สนับสนุนโดยโตโยต้านั่นเอง ซึ่งทีมนี้สร้างขึ้นมาโดยมีคอนเซปต์รวบรวมไอดอลจากแต่ละจังหวัดทั่วญี่ปุ่นมาเป็นทีม ๆเดียวกันเพื่อจัดอีเวนท์ทั้งไลฟ์ และงานจับมือ โดยข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนตุลาคม 2016 พบว่า AKB48 ทีม 8 ได้เดินทางมาแล้วทั้งสิ้น 34 จังหวัดทั่วญี่ปุ่น ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ และสำหรับผมเองในตอนแรกก็ไม่คิดว่าทีม 8 จะโด่งดังมาได้อย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ซึ่งความสำเร็จทั้งหลายก็ต้องยกความดีความชอบให้การนำประเด็น “ท้องถิ่น” มาใช้งานเช่นกัน
– “ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเมืองของฉันดีที่สุด”
ในวงการไอดอลหรือสื่อบันเทิงอื่น ๆ เอาจริง ๆ แล้วก็มีหลายคนที่เลือกจะพูดสำเนียงท้องถิ่นเพื่อคงเอกลักษณ์การเป็นคนจากท้องถิ่นของตนเองเอาไว้ อันนี้เป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งที่จะคงกระแสนิยมของตนเองแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนครับ อันนี้ผมมองว่าดีนะ ดีมาก ๆ ด้วย ยิ่งในปัจจุบันที่กระแสของ “ไอดอล” กลายเป็นกระแสระดับโลกที่มันมายึดเหนี่ยวผูกกับการเติบโตของโซเชียลเน็ทเวิร์ค ทำให้ไอดอลไม่ว่าจะในระดับไหนก็จะมีกลุ่มแฟนเป็นของตนเอง อาจจะเริ่มตั้งแต่ไม่มาก หลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อย หลักพัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราก็ยังเป็นคนจากนอกท้องถิ่น และมันก็คือการ “เพิ่มความเป็นไปได้” ที่พวกเขาจะได้นำเสนอความเป็นท้องถิ่นของตนเองออกไปจากกลุ่มคนในเมืองที่เขารู้จักกันดีอยู่แล้ว และใครจะรู้ว่าหากมันประสบความสำเร็จ สิ่งที่มีจุดกำเนิดจากไอดอลกลุ่มเล็ก ๆ อาจจะกลายเป็นความนิยมในระดับประเทศได้เลยด้วยซ้ำ (อย่างในซีรีย์ที่แค่จับหอยเม่นโพสท์ลงเน็ท ก็ทำให้เมืองที่เงียบเหงากลายเป็นเมืองป๊อบปูล่าร์ เงินทองพุ่งทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนั่นแหละ)
ที่ญี่ปุ่นเราจะเห็นว่ามีการใช้ไอดอลเป็น “สื่อประชาสัมพันธ์” อยู่บ่อยครั้ง และไอดอลก็เป็นอีกหนึ่งในนโยบาย Cool Japan ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งมากขึ้น อย่างผมเองไปต่างจังหวัด ไกล ๆ เลยแบบขึ้นเขาขึ้นอะไรไป เขาก็มีขายมันหวานอะไรกันตามเรื่องตามราวว่านำเข้ามาจากจังหวัดนู้นนี้ของญี่ปุ่นนะ จากตอนแรกไม่สนใจ แต่พอไปเจอภาพว่าศิลปินที่ชื่นชอบมาโปรโมทนะ คือเราอาจจะตกใจในทีแรกว่า “มาได้ไงวะ?” แต่สุดท้ายมันก็จะเพิ่มความอยากในการซื้ออย่างมาก อะไรแบบนี้เชื่อว่าจะทำให้ท้องถิ่นเหล่านั้นเจริญเติบโตขึ้นได้ครับ ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันไอดอลทุกระดับมีศักยภาพไปถึงขั้นนั้นจริง ๆ
– จงถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน !
ปัญหาหนึ่งในวงการไอดอลระดับท้องถิ่นก็คือพวกเขาอาจสูญเสียสมาชิคคนสำคัญไปได้ทุกเมื่อ เพราะแน่นอนว่าไอดอลระดับท้องถิ่นนั้น บริษัทที่ดูแลอยู่ก็จะสู้บริษัทใหญ่ ๆ ไม่ได้ทั้งในเรื่องของการเงิน ทั้งในเรื่องของการป้อนงาน ฯลฯ ดังนั้นหากมีโอกาส ใครล่ะจะไม่หยิบคว้าเอาไว้?
อย่างไรก็ตามในขณะที่อยู่ในสังกัดของตนนั้น เป็นเรื่องดีที่จากประสบการณ์บริษัทระดับยิบย่อยเหล่านี้ รวมถึงเหล่าผู้ให้เช่าไลฟ์ ฮอลล์ต่าง ๆ แทบจะไม่มีปัญหา หรือปิดกั้นการเจริญก้าวหน้าของศิลปินตนเองเลย กลับกันผมรู้สึกได้ถึงการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อย่างเช่นถ้าเราไปแถว ๆ ชิบูยะหรืออากิฮาบาระ เราจะเห็นว่ามันมีฮอลล์อยู่เยอะมาก และหลายขนาดมาก ๆ ตั้งแต่จุคนได้ระดับสิบคนต้น ๆ ไปจนถึงหลักร้อยหลักพัน และฮอลล์เหล่านี้ก็ไม่สามารถอยู่ได้เพียงเพราะคอนเสิร์ตของศิลปินใหญ่ ๆ เดือนละไม่กี่ครั้ง กลับกันพวกเขาอยู่ได้เพราะการมีอยู่ของโลคอล ไอดอลที่แวะเวียนมาใช้อย่างไม่ขาดสาย อย่างเช่นศิลปินบางคนอาจจะไม่ดัง พวกเขาก็จะไปรวมกลุ่มกันแบบเช่าฮอลล์หนึ่งวัน และก็แบ่งกันคนละครึ่งชั่วโมงบ้าง ชั่วโมงนึงบ้าง เพื่อให้ได้มีโอกาสแสดงโชว์ต่อหน้ากลุ่มแฟน ๆ ของตนเอง ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าชื่นชม
ขอวนกลับมาในวงการมวยปล้ำสักนิดหน่อยครับ ตอนนี้ก็จะมีไอดอลมากมายที่เริ่มหันมาใช้วงการไอดอลในการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง เพราะตอนนี้ต้องบอกว่าวงการไอดอลนั้นมีกลุ่มแฟน ๆ ที่ติดตามอยู่เป็นประจำค่อนข้างมาก และอะไรที่มาจาก “ไอดอล” (ซึ่งมีอิมเมจเป็นสาวน้อยบอบบาง) ก็ย่อมเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ อย่างในสมาคมของผมก็มีไอดอลที่จัดไลฟ์ประมาณเดือนละครั้งสองครั้ง ซึ่งเอาจริง ๆ จากการที่ต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วงแทบทุกวัน แต่มีไลฟ์ในปริมาณที่ไม่มาก มันก็ค่อนข้างสวนทางกันระหว่างรายได้ และความฝันที่อยากจะเป็น การหาช่องทางอื่น ๆ ในการติดต่อกับแฟน ๆ จึงเป็นสิ่งที่ดี และมวยปล้ำก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
หรือปัจจุบันที่กำลังจะเปิดตัวกับค่ายมวยปล้ำ DDT ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น ก็คือสาวน้อยจากวง LinQ ชื่อ Ito Maki ซึ่งจะขึ้นปล้ำเป็นประจำ (ตามข่าว) ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ก็ถือว่าน่าสนใจ และเอาแค่ตอนนี้ก็มีแฟนๆติดตามรอกันแล้ว เชื่อว่าการขึ้นปล้ำครั้งนี้จะสร้างชื่อเสียงให้น้องอีกเยอะเลยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมมองว่าวงการไอดอลนั้นคือสิ่งที่มีแฟน ๆ ติดตามเยอะมากในปัจจุบัน และมันก็เป็นสิ่งที่สร้างความงดงามอะไรบางอย่างได้จริง ๆ ไอดอลคือสิ่งที่ดูสดใส และจริงใจ การถ่ายทอดอะไรออกไปจากปากของไอดอลก็จะมีอิมเมจที่ต่างออกไป เหมือนเพื่อนแนะนำให้เพื่อน ประมาณนั้นครับ ทำให้มันมีรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่ และผมเชื่อว่ามันจะเข้าถึงผู้คนได้มากกว่าอะไรที่เป็นการประชาสัมพันธ์แบบทางการแน่ๆ และผมเขื่อว่าหากเรามีแผนงานที่ดี ประชาสัมพันธ์ให้ดี ไอดอลเนี่ยล่ะครับจะเป็นสื่อหนึ่งที่ทำให้คนมีความสุขอย่างแน่นอน (ตอนนี้ถ้าเราดูซับว่ารายการไอดอลนั้นไปถึงไหนแล้ว จะเห็นว่ามีทั้งในไทย เวียดนาม จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา เรื่อยไปจนถึงอาหรับเลยด้วยซ้ำ) ดังนั้นเรามาเฝ้าดูกันดีกว่าว่าความโด่งดังของไอดอลนั้นจะส่งผลต่อสังคมของเราขนาดไหน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เรื่องแนะนำ :
– รู้จักกับเข็มขัดแชมป์มวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นทรงคุณค่า
– นักมวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นที่น่าจะประสบความสำเร็จใน WWE
– ‘DNA’ สายเลือดใหม่ของวงการมวยปล้ำญี่ปุ่นที่ต้องจับตามอง
– “ประเทศไทย” เป้าหมายของนักกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น
– หลงรักนักมวยปล้ำ จะทำไงดี?