อย่าเพิ่งตำหนิในใจค่ะว่า แหม่… จะกรี๊ดกร๊าดอะไรกับไกด์บุ๊คญี่ปุ่นนักหนา ดิฉันลองหยิบไกด์บุ๊คเที่ยวเกียวโตที่วางบนชั้นหนังสือมาปัดๆ ฝุ่น เตรียมเปิดให้คุณผู้อ่านเข้ามาดูความสุโก้ยของไกด์บุ๊คเขากันค่ะ
วันก่อนดิฉันนัดเพื่อนทำธุระ เห็นแว้บๆ ว่าในกระเป๋าฮีมีหนังสือญี่ปุ่น เด็กช่างสงสัยอย่างเกตุวดีเลยถามว่า หนังสืออะไร เพราะฮีอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ฮีหยิบหนังสือที่เหมือนนิตยสารออกมา 2 เล่มด้วยความภาคภูมิใจ มันคือ หนังสือไกด์บุ๊คพาเที่ยวฟิลิปปินส์กับมาเลเซียของญี่ปุ่นค่ะ!
คุณเพื่อนบอกว่าถึงฉันอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่มันดีมากเลยนะ มีแผนที่ มีข้อมูลนำเที่ยวเสร็จสรรพ โชคดีที่ฮีอ่านฮิรากานะ คาตากานะพอได้บ้าง เลยงมๆ แผนที่ งมๆ สถานที่ท่องเที่ยวไปได้ สารภาพว่า ตอนดิฉันพาคนญี่ปุ่นเที่ยวกรุงเทพฯ ดิฉันก็ใช้ไกด์บุ๊คภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน เชื่อไหมคะ เขาบอกข้อมูลละเอียดมาก…ขนาดว่าถ้าตอนนี้อยู่แถวสถานีไหน จะไปเข้าห้องน้ำฟรีได้ที่ไหนบ้าง (บอกให้เดินไปเข้าห้องน้ำในตึกสำนักงานแถวๆ นั้น ก็มี…) เจ๋งจริงๆ
อย่าเพิ่งตำหนิในใจค่ะว่า แหม่…คนไทยสองคนนี้ จะกรี๊ดกร๊าดอะไรกับไกด์บุ๊คญี่ปุ่นนักหนา ดิฉันลองหยิบไกด์บุ๊คเที่ยวเกียวโตที่วางบนชั้นหนังสือมาปัดๆ ฝุ่น เตรียมเปิดให้คุณผู้อ่านเข้ามาดูความสุโก้ยของไกด์บุ๊คเขากันค่ะ
ความสุโก้ยของไกด์บุ๊คญี่ปุ่น:
1. มี Executive Summary
เวลาทำงานส่งเจ้านาย ก็ต้องมีบทสรุปผู้บริหาร หรือ Executive Summary ใช่ไหมคะ หนังสือไกด์บุ๊คญี่ปุ่นก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน คือเขาจะดึงเอาสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ที่ใครไม่เคยมาก็ต้องไปในจังหวัดนั้นออกมา ถ้าเป็นเมืองไทยคงอารมณ์ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ แล้วบอกตั้งแต่ 4-5 หน้าแรกเลยว่า สถานที่ High light แต่ละที่ไปอย่างไร
อย่างเช่น ไกด์บุ๊คจังหวัดเกียวโตในมือดิฉันตอนนี้ พอเปิดมาปุ๊บเขาก็จะบอกเลยว่าจาก 4 สถานีหลักที่คนชอบลง ได้แก่ สถานีเกียวโต (JR) สถานีชิโจคาวาระมาจิ (Hankyu) สถานี Shijo-Karazuma (รถไฟใต้ดิน) และสถานีซังโจเคฮัง (สาย Keihan) จะไปวัดไหน ต้องออกทางออกเบอร์อะไร และขึ้นรถบัสต่อสายอะไร
วิธีบอกก็ไม่ต้องบรรยายเยอะค่ะ แปะแผนที่สถานี และตำแหน่งป้ายรถเมล์ด้านล่าง ตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นเป็นบรรทัดๆ คือ วิธีไปวัดดังๆ เช่น วัดน้ำใส วัดเงิน วัดทอง ไปอย่างไร เบอร์ที่อยู่หลังวัด ก็คือหมายเลขรถบัสที่จะไปสถานที่ท่องเที่ยวนั้น
เช่น ด้านล่างบรรทัดที่ 2 ไป 八坂神社(Yasaka Shrine)เราก็จะรู้ว่า สามารถขึ้นบัสไป “กิอง” สาย 31,46, 201, 203, 207 ได้ พอย้อนขึ้นไปดูแผนที่ ก็ไปหาดูว่ารถบัสเบอร์ข้างต้น ต้องขึ้นป้ายรถเมล์ใกล้ทางออกเบอร์อะไร
สุดยอดความสะดวกอีกประการของ Executive Summary ฉบับญี่ปุ่น คือ ตารางด้านล่างนี้ค่ะ
เขาทำเป็นแมทริกซ์ให้เลย เช่น สมมติว่าตอนนี้ ดิฉันอยู่วัดน้ำใสตรงเส้นสีส้ม และดิฉันต้องการจะไปวัดเงิน (เส้นสีฟ้า) ดิฉันแค่ดูช่องที่สองวัดนี้ลากมาตัดกัน ก็จะเจอช่องที่มีวงกลมสีเขียว ในช่องเขียนว่าบัสเบอร์ 100 หรือเบอร์ 18 ส่วนสีในช่อง เห็นไหมคะ จะมีสีเทากับสีเหลือง อันนั้นบอกระยะเวลาค่ะ สีเทา คือใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที ส่วนสีเหลือง คือภายใน 20 นาที (สีชมพูคือ 40-60 นาที ส่วนสีส้มคือ 60 นาทีขึ้นไป)
นอกจากจะบอกแค่วิธีไปแล้ว การที่บอกระยะเวลา ก็จะทำให้เรายิ่งกะเวลาได้ง่ายขึ้น และพอรู้ว่าสถานที่ที่เราอยากจะไปนั้น อยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน ต้องเผื่อเวลาเท่าไรค่ะ (เปิดตารางไป ซับน้ำตาปิติไป … ดูง่ายมากๆ เลย)
2. ให้เห็นภาพใหญ่ก่อน
นอกจากนี้เขาจะมีภาพแผนที่ทั้งจังหวัดพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดๆ เราก็จะเห็นภาพแล้วว่าสถานที่ท่องเที่ยวไหนใกล้กับที่ไหน จะเดินทางอย่างไรดี
แถมแผนที่ยังบอกสถานีรถไฟที่ใกล้ๆ อีก เท่านั้นยังไม่พอ…ตรงชื่อวัด ที่เขียนตัวหนังสือสีขาวพื้นแดง ก็ยังบอกหมายเลขหน้าด้วย คือถ้าเราเจอวัดที่น่าสนใจใกล้ๆ กัน เราสามารถพลิกหาข้อมูลวัดนั้นๆ ได้ตามหมายเลขหน้าต่อไปได้เลยค่ะ
3. อยากรู้แค่หนึ่ง พี่แถมมาห้า
สมมติว่าเราตัดสินใจเลือกแล้วว่า “อ่ะ ชั้นจะไปวัดน้ำใสนี่แหละ!” พอเปิดไกด์บุ๊คไปปุ๊บ เขาก็จะไม่ได้บอกแค่ข้อมูลวัดนั้นอย่างเดียว แต่เขาจะบอกถึงวัดหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นรอบๆ บริเวณนั้นด้วย
พอเปิดไปอ่านเนื้อหา เขาก็จะบรรยายธรรมดาๆ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร แต่สิ่งที่ดิฉันชอบมากๆ เลย คือ เขาจะจัดเส้นทางเดินให้เราด้วย (กรอบสีเขียวภาพด้านล่าง) ถ้าไปบริเวณนั้น คุณสามารถเดินรอบๆ ไปดูสถานที่เที่ยวต่างๆ ได้นะ ใช้เวลาเท่าไร อย่างในภาพด้านล่าง จุดสตาร์ทเริ่มที่สถานีเกียวโต นั่งบัสไปวัดน้ำใส จากนั้นเดินต่อไปเจดีย์ยาซากะ เดินต่อไปวัดโทไดจิ ฯลฯ เหมาะกับคนขี้เกียจคิดอย่างดิฉันมากๆ
ส่วนกรอบสีน้ำเงิน คือ ร้านอร่อยในเขตนั้นๆ หรือของฝากน่าซื้อค่ะ แน่นอน มีพิกัดบอกในแผนที่ที่แนบมาในเล่มเรียบร้อย มีเบอร์โทร มีเมนูที่ควรสั่ง กันนักท่องเที่ยวหลงแล้วหิวตาย
4. มีข้อมูลฤดูกาล
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มี 4 ฤดู แต่ละฤดูก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ฤดูใบไม้ผลิก็มีซากุระบานกระจาย ฤดูใบไม้ร่วงก็จะเหลืองแดงทั้งบริเวณ ไกด์บุ๊คญี่ปุ่นก็คำนึงถึงจุดนี้ด้วย เขาจะมีข้อมูลเกี่ยวกับดอกซากุระและใบไม้แดงรวบรวมเป็นพิเศษไว้ให้ด้วยค่ะ
ลองดูภาพด้านล่างนะคะ ตรงใต้ชื่อวัดแต่ละวัด จะมีเครื่องหมายเล็กๆ รูปซากุระกับใบเมเปิ้ลอยู่ วัดไหนมีเครื่องหมายนั้น แปลว่าดอกไม้หรือใบไม้สวยงามที่วัดนั้น เช่น วัดน้ำใส มีทั้งซากุระและเมเปิ้ล แปลว่า เราสามารถไปเที่ยววัดนี้ได้ทั้งช่วงเดือนเมษายน และเดือนตุลาคมเลย ส่วนวัดไหนมีแค่เครื่องหมายเดียว เช่น มีแค่ใบเมเปิ้ลอย่างเดียว ก็แปลว่า “วัดนั้นช่วงซากุระอาจไม่มีอะไร แต่ถ้าไปช่วงใบไม้แดง จะสวยมากเลยนะเธอว์” … ไกด์บุ๊คเค้าว่าอย่างนั้น
เท่านั้นยังไม่พอ…ในตัวเล่ม ยังมีแผ่นพับเล็กๆ แทรก พอกางดูเป็นข้อมูลรวบรวมเกี่ยวกับวัดที่น่าไปในแต่ละฤดูทั้งหมดค่ะ ภาพซ้าย รวบรวมเกี่ยวกับซากุระ พอพลิกไปภาพขวา เป็นรวบรวมสถานที่น่าดูใบไม้แดง ซื้อไกด์บุ๊คเล่มเดียวใช้ได้ทั้งปี คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มค่ะ
และเนื่องจากข้อมูลในหนังสือเยอะจัด หน้าสุดท้าย ก็มี Index ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้เปิดหาได้ง่ายขึ้นค่ะ
5. ราคาถูก (มาก)
ไกด์บุ๊คพิมพ์สีสวยงาม “ทุกหน้า” ขนาดประมาณกระดาษ A4 หนา 160 หน้า (เท่าหนังสือ Japan Gossip ของดิฉัน) ข้อมูลแน่นปึ้กขนาดนี้ ให้ทายกี่บาทคะ
สนนราคาเล่มละ 900 เยน (ประมาณ 300 บาท) ค่ะ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่โน่น ถือว่าถูกมาก ที่ราคาถูกเป็นเพราะมีการให้สปอนเซอร์มาลงโฆษณาแทรกในไกด์บุ๊คด้วย ราคาขายก็เลยเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์คุณผู้อ่านด้วยประการฉะนี้ค่ะ
ดิฉันไม่ได้อ่านหนังสือพาเที่ยวภาษาไทยมานานแล้ว ขนาดจะซื้อไกด์บุ๊คเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ยังซื้อภาษาญี่ปุ่น เลยไม่แน่ใจว่าปัจจุบันไกด์บุ๊คไทยพัฒนาไปถึงขั้นไหน แต่ก็เขียนบทความนี้ไว้เผื่อเป็นไอเดียต่อยอดให้สำนักพิมพ์หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนะคะ
จะว่าไปไกด์บุ๊คญี่ปุ่นก็เหมือนเบนโตะ ใส่เครื่อง ใส่ข้าวอะไรลงไปเยอะๆ หลายๆ อย่าง แต่ก็จัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามลงไปในพื้นที่จำกัด ข้อมูลแต่ละอย่างเป็นสิ่งที่จำเป็น และเขาก็ใช้สัญลักษณ์ใช้หมายเลข เพื่อถ่ายทอดข้อมูลเหล่านั้นออกมาให้ได้ง่ายที่สุด กระชับที่สุด เก่งจริงๆ ค่ะ
ใครอ่านภาษาญี่ปุ่นพอได้ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น ดิฉันแนะนำให้ลองซื้ออ่านดูนะคะ เป็นประโยชน์จริงๆ ค่ะ (ที่ไทย ร้านขายหนังสือญี่ปุ่นอย่าง Kinokuniya หรือโตเกียวโดมีขายค่ะ)
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Facebook เกตุวดี