JR Pass ไม่มีขายในประเทศญี่ปุ่น อย่างที่บอกไปแล้ว เพราะจำกัดให้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ คนที่มีนิวาสถานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นหมดสิทธิ์ที่จะใช้ เวลาจะซื้อจึงหาซื้อได้ในต่างประเทศเท่านั้น
จะหาซื้อ JR Pass ได้จากที่ไหน
JR Pass ไม่มีขายในประเทศญี่ปุ่น อย่างที่บอกไปแล้ว เพราะจำกัดให้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ คนที่มีนิวาสถานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นหมดสิทธิ์ที่จะใช้ เวลาจะซื้อจึงหาซื้อได้ในต่างประเทศเท่านั้น ในประเทศไทยก็มีตัวแทนจำหน่ายอยู่หลายแห่งลองค้นหาดูเองล่ะกัน ข้อสำคัญคนที่จะซื้อได้นั้น ถ้ามีวีซ่าประเภทพำนักในญี่ปุ่นชั่วคราว หรือวีซ่านักเรียนก็ไม่สามารถใช้ได้
ซื้อไปแล้วใช้ได้เลยหรือเปล่า
ยังไม่ได้เพราะที่เราถืออยู่ยังไม่เรียกว่าตั๋ว แต่ยังเป็น Exchange Order Voucher เท่านั้น ต้องเอาตัว Exchange Order Voucher ไปแลกเป็นตั๋วก่อนที่สถานีแรกที่จะไปใช้บริการ โดยการนับอายุบัตร JR Pass ก็จะเริ่มตั้งแต่วันนี้..วันที่แลกนี่เลย ฉะนั้นถ้าวันที่ไปถึงยังไม่ใช้ตั๋ว ไม่ต้องใจร้อนไปแลกตั๋วมาก่อนเพราะจะเสียสิทธิ์ไปหนึ่งวันฟรี ๆ
(เราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ถึง 3 เดือน)
สำหรับสถานที่แลก Exchange Order Voucher เป็น JR Pass ตัวจริงนั้น ก็มีอยู่ตามสถานีหลักๆ ที่แน่ๆ ก็ที่สนามบินนาริตะ สนามบินฮาเนดะ สนามบินคันไซ เป็นต้น ดังนั้นเราก็สามารถแลกได้ตามสนามบินเหล่านี้เลย สะดวกใช่มั้ยล่ะ ส่วนใครจะไม่แลกที่สนามบินเหล่านี้ ก็ไปดู สถานที่แลก JR Pass ได้ที่นี่เลย
ส่วนเอกสารที่ใช้ในการแลก JR Pass ก็ไม่เยอะเลย อย่างแรกก็คือ Exchange Oder Voucher ที่แสดงว่าเราได้ทำการซื้อบัตร JR Pass มาแล้ว อย่างที่สองก็คือพาสปอร์ตของเราที่มีตราประทับจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่า “Temporary Visitor” ใช้เวลาไม่นาน เราก็จะได้ JR Pass ตัวจริง นำไปใช้กันได้เลย!
ระวัง JR Pass หมดอายุ
ตั๋ว JR Pass นับอายุทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เราไปแลกตั๋วมาจากสถานี ไม่ใช่นับเฉพาะวันที่ได้ขึ้นรถไฟ วันไหนไม่ได้ขึ้นก็นับด้วย สมมุติว่าเราซื้อตั๋วอายุ 7 วัน แล้วได้ไปแลกตั๋วมาในวันที่ 1 มิถุนายน ตั๋วก็จะใช้ได้จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 7 มิถุนายน อย่าเผลอไปใช้หลังจากนั้นล่ะ เดี๋ยวหน้าแตกเปล่า ๆ
ต้องจองที่นั่งเมื่อใช้ JR Pass หรือเปล่า
ไม่มีความจำเป็นต้องจองที่นั่งในการเดินทางในเมืองเพราะจองไม่ได้ อิ อิ
แต่ถ้าจะใช้บริการรถไฟชิงกันเซน (Shinkansen) ที่วิ่งระหว่างเมือง หรือรถไฟ Limited Express ทั้งหลาย ก็ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะจองที่นั่งไว้ล่วงหน้า ดังนั้นควรศึกษาไว้ก่อนเดินทางว่ารถไฟที่เราจะใช้เดินทางนั้นเป็นรถไฟประเภทที่สามารถจองที่นั่ง (หรือต้องจองที่นั่ง) หรือเปล่า ถ้าเรารู้แน่ชัดแล้วว่าจะเดินทางวันไหนเวลาไหน โดยเฉพาะถ้าเดินทางในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวของญี่ปุ่น เราก็ควรไปจองที่นั่งล่วงหน้าไว้ก่อนที่ Ticket Office หรือ Reservation Office (Midori-no-madoguchi) ภายในบริเวณสถานีรถไฟ JR
แล้วถ้าไม่ได้ทำการจองล่วงหน้าก็ไม่เป็นไร เพราะรถไฟชิงกันเซนจะมีตู้ที่เป็น Free Seat คือไม่ระบุที่นั่ง ไปถึงก็เลือกหาที่นั่งเอาได้ตามสะดวก ถ้าไม่เต็มไปซะก่อนนะ
(เตือนไว้ก่อนนะว่า Ticket Office ที่สามารถจองที่นั่งล่วงหน้า หรือ Midori-no-madoguchi เนี่ย ไม่ได้มีอยู่ทุกสถานี)
ซื้อ JR Pass มาใช้แล้วจะคุ้มไหมเนี่ย
คงฟันธงไม่ได้ว่าจะคุ้มไหม ก็แล้วแต่ว่าเราวางแผนการเดินทางไว้ยังไง ถ้าตอบแบบใช้ความคิดนิดนึงก็ต้องลองบวกลบคูณหารดู เช่น เราซื้อตั๋วสำหรับ 7 วันที่ราคา 28,300 JPY หารเฉลี่ยต่อวันก็ตกวันละประมาณ 4,000 JPY ถ้าเราเที่ยวอยู่แค่มุมใดมุมหนึ่งของญี่ปุ่นก็คงจะไม่คุ้ม เพราะค่าใช้จ่ายรถไฟที่เดินทางในเมืองหรือระหว่างเมืองใกล้ๆ วันละ 1,000-1,500 เยนก็หรูแล้ว
หรือถ้าเราเที่ยวอยู่แถบโตเกียวกับโอซาก้า 7 วัน ค่าตั๋วรถไฟชิงกันเซนจากโตเกียวไปโอซาก้าอยู่ที่คนละ 13,950 เยน หักออกจากราคาตั๋ว JR Pass สำหรับ 7 วัน ก็จะเหลือ 14,350 เยน หารเฉลี่ยต่อวันจะเหลือวันละ 2,050 เยน ก็ยังไม่ถือว่าคุ้มซะทีเดียว แต่ถ้าเราต้องนั่งรถไฟชิงกันเซนกลับไปที่โตเกียวอีกรอบ อันนี้ฟันธงเลยว่าคุ้มแน่นอน
สรุปเลยล่ะกัน
– ไม่ได้นั่งรถไฟชิงกันเซน ไม่คุ้ม
– ได้นั่งรถไฟชิงกันเซนระยะทางสั้นๆ ไม่คุ้ม
– ได้นั่งรถไฟชิงกันเซนไกลๆ สักเที่ยว เกือบคุ้ม
– ได้นั่งรถไฟชิงกันเซนไกลๆ 2 เที่ยวขึ้นไป ซื้อเลย แต่ดูจำนวนวันที่เหมาะสมที่จะใช้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.japanrailpass.net/
http://www.railway-trip.com
http://www.jrpasses.com/en/how-to-use-japan-rail-pass.htm
http://www.japan-fanclub.com/index.php?topic=863.msg1283#msg1283
http://www.zingarate.com/network/tokyo/come-spostarsi-in-giappone.html