18 ปี วันธรรมดากับสมุดบันทึก Hobonichi Techoวันนี้ไอซึอยากพาเพื่อนๆ ไปเดินตามรอยเส้นทางแห่งการจดบันทึกกับ Hobonichi Techo กันค่ะ ว่าตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมาสมุดไดอารี่เล่มนี้มีการเติบโตอย่างไรบ้าง
[quote arrow=”yes”]
“นี่แหละคือชีวิตของฉัน…
วันที่มีแต่เรื่องสนุก วันที่มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น
วันที่แสนเศร้า..แม้จะไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน วันที่แสนเศร้าของตัวฉัน
วันที่แสนหดหู่ วันที่แสนน่าเบื่อ
วันนั้น วันนี้ ตอนนั้น ตอนนี้
ไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหน มันก็คือหนึ่งวันของตัวฉัน
วันนั้น วันนี้ เวลานั้น เวลานี้
ไม่ว่ามันจะเป็นวันแบบไหน มันก็เป็นวันดีๆ ที่จะมีชีวิตอยู่
นี่คือชีวิตของฉัน ที่ไม่สามารถยกมันให้ใครได้
นี่คือวันเวลาของฉัน ที่จะเป็นแค่ของฉันคนเดียวเท่านั้น
นี่คือชีวิตของฉัน นี่คือหนังสือของฉัน
หนังสือ ชีวิต Hobonichi Techo….”
[/quote]
ประโยคข้างต้นนี้คือคำโปรยสั้นๆ ที่บ่งบอกถึงหัวใจแห่งการจดบันทึกของสมุดไดอารี่ Hobonichi Techo นั้นเองค่ะ ซึ่งในปี 2019 ที่กำลังจะถึงนั้น เว็บไซด์ Hobonichi จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และสมุดไดอารี่อย่าง Hobonichi Techo ก็จะครบรอบ 18 ปีแล้วเช่นกันค่ะ
วันนี้ไอซึเลยอยากพาเพื่อนๆ ไปเดินตามรอยเส้นทางแห่งการจดบันทึกกับ Hobonichi Techo กันค่ะ ว่าตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมาสมุดไดอารี่เล่มนี้มีการเติบโตอย่างไรบ้าง
ปี 2002 กำเนิด Hobonichi Techo
สมุดบันทึก Hobonichi Techo นั้นวางขายครั้งแรกในวันที่ 5 เดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 (Hobonichi Techo นั้นจะวางขายก่อนปีใหม่ 2-3 เดือน) โดยมีต้นกำเนิดมาจากการประชุมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2001 เพื่อหาสินค้าอะไรสักอย่างที่จะใช้เป็นสินค้าหลักของทางเว็บไซต์
และจากนั้นก็ได้ลองตั้งโพลขึ้นมาเพื่อสอบถามผู้อ่านว่าสนใจอยากได้แพลนเนอร์กันบ้างไหม? ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากสมาชิกเว็บไซต์มากกว่า 700 คะแนนเสียงว่า พวกเขาอยากได้แพลนเนอร์กัน และนั่นก็เป็นการเปิดไฟเขียวให้กับทางเว็บไซต์ ในการที่จะผลิตแพลนเนอร์เล่มแรกออกมา
ทีมนักออกแบบก็ได้เริ่มต้นคิดค้นรูปแบบของแพลนเนอร์ โดยเริ่มจากการทดลองใช้แพลนเนอร์ในแบบที่พวกเขาชอบหลายๆ รูปแบบ และจดบันทึกพร้อมร่างภาพคร่าวๆ ออกมา และใส่สิ่งที่พวกเขาชื่นชอบและคิดว่าน่าจะมีอยู่ในสมุดแพลนเนอร์สักเล่มลงไป ซึ่งทำให้สมุดแพลนเนอร์เล่มแรกของทางเว็บไซต์มีคาแรคเตอร์ที่หลากหลายมากเลยทีเดียว
ในการวางขายครั้งแรกนั้นปกสมุดแพลนเนอร์มีเพียงแค่แบบเดียว คือปกไนลอนสีน้ำเงินกับที่คั่นกระดาษ 2 อัน และมีของแถมเป็นกระดาษโน๊ตขนาดเท่าสมุดบันทึก ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้สามารถจำหน่ายได้ถึง 12,000 เล่มเลยทีเดียว
ปี 2003 แนะนำปีกจับปากกาผีเสื้อ
หลังจากการตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้นของสมุดบันทึกเล่มแรกของเว็บไซต์แล้วนั้น ในเดือนเมษายนปี ค.ศ.2002 ทางทีมพัฒนาก็เริ่มได้รับการรีวิวรวมไปถึงข้อเสนอแนะต่างๆ จากทางผู้ใช้และได้เริ่มการปรับปรุงและพัฒนาสมุดบันทึกให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มจากการปรับขนาดของเส้นบรรทัดจาก 3mm เป็น 4mm ปรับปรุงการบอกวันเวลาในหน้าบันทึกประจำวัน รวมไปถึงเพิ่มขนาดของช่องคำคมประจำวันให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยค่ะ
โดยในปีนี้ปกสมุดจะมีออกมาด้วยกันทั้งหมด 4 สีคือ ส้ม เทา แดง และเขียว โดยหน้าปกจะพิมประโยคสั้นๆ ว่า “Only is not lonely.” ไว้ที่กลางปกด้วย และในปีนี้ก็เป็นการเปิดตัว butterfly clasp หรือที่ยึดปีกผีเสื้อ ซึ่งประโยชน์ของตัวปีกผีเสื้อนี้คือสามารถเสียบปากกาได้ โดยปีกทั้งสองข้างนั้น ฝั่งนึงจะอยู่ที่ปกหน้า อีกฝั่งจะอยู่ที่ปกหลัง ทำให้เวลาเสียบปากกา จะเป็นการยึดปกสมุดให้ปิดอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองแบบเลย
สมุดบันทึกรุ่นนี้ก็เริ่มวางขายในวันที่ 16 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2002 โดยมีของแถมเป็นปากกาลูกลื่น ซึ่งในปีนี้สามารถจำหน่ายไปได้มากถึง 18,000 เล่มเลยทีเดียวค่ะ
ปี 2004 เพิ่มปกหนังเข้ามา
หลังจากที่มีการร้องขอจากผู้ใช้ให้มีการผลิตปกสมุดที่เป็นหนังบ้าง ในปีนี้ทางเว็บไซต์ก็ได้ผลิตปกสมุดบันทึกเป็นหนังเพิ่มเข้ามาจากเดิมที่มีเพียงปกที่เป็นผ้าไนลอน ซึ่งผลิตมาให้เลือกใช้กันถึง 3 สีและปกผ้าไนลอนอีก 5 สี ทำให้ในปีนี้ทาง Hobonichi มีปกสมุดจำหน่ายถึง 8 สีเลยทีเดียว
และในปีนี้ ในส่วนของคำคมประจำวันก็จะมีการเพิ่มจำนวนในครบทุกวัน ซึ่งหมายความว่าในทุกวันที่เราทำการจดบันทึก เราก็จะได้อ่านข้อคิดหรือคำคมใหม่ๆ ทุกวันค่ะ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของสมุดบันทึก Hobonichi Techo เลย
ปีนี้วางขายในวันที่ 29 กันยายน ปีค.ศ. 2003 มีของแถมเป็นปากกาลูกลื่น สติ๊กเกอร์และกระดาษโน๊ต โดยปีนี้จำหน่ายไปได้มากถึง 30,000 ชุด เยอะกว่าปีที่แล้วเกือบเท่าตัวเลย
ปี 2005 เริ่มวางจำหน่ายที่ Loft
ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มวางจำหน่ายที่ Loft และก็เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสสินค้าก่อนที่จะจ่ายเงิน ทางทีมงานได้ทำการติดต่อไปยัง Loft โดยตอนแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะฝากวางเพียงแค่ 500 เล่มเท่านั้น แต่สุดท้ายทาง Loft ได้สั่งไปถึง 15,000 เล่ม และสุดท้ายไปจบอยู่ที่จำนวน 17,000 เล่ม ในครั้งแรกที่วางขาย
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ตลอดระยะเวลา 14 ปี สมุดบันทึก Hobonichi Techo จะติดแพลนเนอร์ที่ขายดีที่สุดของ Loft ตลอดมา ปีนี้เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 7 กันยายน 2004 โดยมีของแถมเป็น แผ่นรองเขียน ปากกาลูกลื่น กระดาษโน๊ต และปกสมุดใส ซึ่งยอดจำหน่ายอยู่ที่ 70,000 เล่ม โอ้ววววว
ปี 2006 เปิดตัวหนังสือไกด์บุ๊คที่มีชื่อว่า “The Secret to the Hobonichi Techo.”
ปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดตัวสมุดแนะนำการใช้งานสมุดบันทึก Hobonichi Techo ขึ้นค่ะ โดยในหนังสือก็จะแนะนำการใช้งานสมุดบันทึกในรูปแบบต่างๆ และในปีนี้ก็จะมีปกสมุดออกมาทั้งหมด 11 สี โดยตั้งชื่อคอลเลคชั่นนี้ว่า “Super Rainbow”
และในหน้าบันทึกประจำวันก็จะมีปฎิทินประจำเดือนเพิ่มเติมเข้าไปด้วยค่ะ และในปี 2006 นี้ ก็เป็นปีแรกที่เริ่มมีการทำสมุดบันทึกที่จะเริ่มต้นในเดือนเมษายนด้วย โดยใช้ชื่อว่า Hobonichi Techo Spring และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่ Hobonichi Techo เริ่มใช้สโลแกนที่ว่า “Happy Nothing Special Day!” หรือ สุขสันต์วันธรรมดา นั้นเองค่ะ
และในปีนี้ก็เริ่มมีสินค้าอื่นๆ จำหน่ายเพิ่มเติมภายในเว็บไซต์แล้วด้วยค่ะ ปีนี้วางจำหน่ายวันที่ 7 กันยายน ปีค.ศ. 2005 ของแถมเป็นกระดาษโน๊ต ปากกาลูกลื่น และปกสมุดใส ปีนี้จำหน่ายได้ 70,000 ชุด เท่ากับปีที่แล้วเลยค่ะ
ปี 2007 ปกผ้าก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้
ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ปีนี้นั้นทาง Hobonichi ได้พยายามลองทำปกให้ดูเหมือนเป็นผ้าขึ้นมาโดยใช้ชื่อคอลเลคชั่นว่า “Faux Fabric” อ่าาาา ตรงตัวมาก ซึ่งนักออกแบบได้ลองเอาสีมาทาให้มีลักษณะเหมือนกับลวดลายของผ้าซึ่งครั้งนี้ปกลายผ้าของทาง Hobonichi จะออกมาในรูปแบบของลายตาราง ลายแพทเทิร์น
โดยนอกจากปกที่เป็นลายผ้าแล้วทางทีมออกแบบยังได้เพิ่มเติมช่องเก็บของเข้ามาในตัวปกอีกด้วยค่ะ ซึ่งในปี 2007 นี้ก็มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “Wallet Techo” เพราะช่องเก็บของที่เพิ่มเข้ามานอกจากใส่ของกระจุกกระจิกแล้วยังสามารถใส่เหรียญได้ด้วย แล้วในปีนี้นั้นทางเว็บไซต์ก็ยังเพิ่มกลุ่ม “Hobonichi Techo Club” เข้ามาในเว็บไซต์อีกด้วยค่ะ ซึ่งกลุ่มนี้ก็มีไว้พูดคุยและแบ่งปันวิธีการใช้สมุดบันทึกของแต่ละคนนั้นเอง
ในปีนี้นั้นมีปกสมุดทั้งหมด 17 แบบ วางขายในวันที่ 7 กันยายน ปีค.ศ. 2006 โดยมีของแถมเป็นกระดาษโน๊ต ปากกาลูกลื่น และปกใส ซึ่งปีนี้นั้นมียอดขายถล่มทลายอยู่ที่ 230,000 เล่ม!!
ปี 2008 เพิ่มสีสันกับปก 2 สี
ปีนี้นั้นมีการเพิ่มปกแบบสองสีเข้ามา โดยปกแต่ละอันจะมีสีเข้ม และสีอ่อนที่ตัดกันเพิ่มความน่ารักและมีลูกเล่นให้กับปกมากขึ้น ซึ่งปีนี้มีจำหน่ายถึง 20 แบบด้วยกัน และปีนี้ก็มีการเปลี่ยนโลโก้ของทางเว็บไซต์
ซึ่งออกแบบโดยนักถักตุ๊กตาชื่อดังอย่างคุณโทโมโกะ ทาคาโมริ (Tomoko Takamori) อีกด้วย ซึ่งในปีนี้นั้นได้มีการเปิดในดาวน์โหลด Hobonichi Techo แบบทดลองใช้ 1 เดือนกันด้วยค่ะซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ เลย และสำหรับตัวเต็มนั้นได้เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กันยายน ปีค.ศ. 2007 โดยมีของแถมคือ กระดาษโน๊ต ปากกาลูกลื่น ที่คั่นสมุด และปกใส ซึ่งปีนี้จำหน่ายไปสูงถึง 250,000 เล่มด้วยกันค่ะ
ปี 2009 เปลี่ยนแปลงรายละเอียด และแนะนำขนาดใหม่ A5 Cousin
ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขนาด A5 Cousin เข้ามาซึ่งตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ในการเขียนมากขึ้น และก็มีการเพิ่มสมุดไดอารี่แบบเริ่มต้นด้วยวันอาทิตย์เข้ามา (ซึ่งปกติสมุดบันทึกของ Hobonichi จะเริ่มต้นด้วยวันจันทร์) ในขนาด A6 Original ด้วยนั้นเอง และหลังจากที่พยายามทำปกลายผ้า (แต่ไม่ใช่ผ้า)ไปเมื่อปี 2007 ในปีนี้ก็มีการเพิ่มปกที่ทำจากผ้าจริงๆ เข้ามาแล้วค่ะ โดยใช้วัสดุเป็นผ้าลินิน
และปีนี้ก็ยังมีไกด์บุ๊ควางจำหน่ายเหมือนเดิมค่ะ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้วางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน ปีค.ศ. 2008 โดยมีของแถมเป็นกระดาษโน๊ต ปากกาลูกลื่น ปฏิทินจันทรคติ ปกใส โดยผลประกอบการอยู่ที่ 280,000 เล่มเลยทีเดียว
ผ่านไปแล้วกับครึ่งทางของสมุดบันทึกแห่งวันธรรมดาอย่าง Hobonichi Techo นะคะ แค่ครึ่งแรกเราก็เห็นถึงความเอาใจใส่และพยายามพัฒนาสมุดบันทึกให้ตรงใจกับผู้ใช้งานมากที่สุด และทุกปียอดขายของสมุดบันทึก Hobonichi Techo ก็เพิ่มมากขึ้นเสมอเลย
ไอซึคิดว่าเคล็ดลับก็คงจะอยู่ที่ความใส่ใจและไม่หยุดพัฒนานี่แหละค่ะ ครั้งหน้าเรามาตามกันต่อนะคะว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จของสมุดบันทึกเล่มนี้จะเป็นอย่างไร จะมีอะไรเพิ่มเข้ามาอีกบ้าง ไอซึคิดว่าต้องน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวค่ะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สุขสันต์วันธรรมดา สวัสดีปีใหม่ค่ะ ~(^_^~)(~^_^)~
เรื่องแนะนำ :
– Hobonichi Techo สมุดบันทึกที่อยากเขียนในทุกๆ วัน/b>
– เสาโทริอิ (Torii) มีความสำคัญอย่างไรกับประเทศญี่ปุ่น
– 7 ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
– 7 เส้นทางชมธรรมชาติในคามาคุระ
– เอาใจสายสุขภาพกับข้าวกะหล่ำปลี (Cabbage rice) อาหารแปรรูปตัวใหม่จากประเทศญี่ปุ่น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :https://www.1101.com/home.html