Kagami-numa ดวงตามังกร แห่งเมือง Hachimantai
เมื่อดวงตามังกรลืมตาขึ้นมา
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนกระทั่งกลางเดือนมิถุนายน เป็นช่วง2อาทิตย์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะชาวจังหวัดอิวาเตะและจังหวัดอะคิตะเฝ้ารอคอยที่จะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยและแปลกตามากๆ อย่าง “Dragon eye” หรือ “ดวงตามังกร” ที่เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวาเตะ ซึ่งเป็นความงามตามธรรมชาติที่จะชมได้เพียงปีละ 2 อาทิตย์เท่านั้น
เอกลักษณ์เมืองฮาจิมันไต
เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวาเตะเป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยหุบเขาสูงซะส่วนใหญ่ ซึ่งยอดเขาฮาจิมันไตที่วันนี้เราจะพาไปชมความงามธรรมชาตินั้นมีความสูงถึง 1,613 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยคร่อมพื้นที่ 2 จังหวัด นั่นคือจังหวัดอิวาเตะและอาคิตะ ทำให้เราสามารถอยู่คนละจังหวัดได้ภายในพริบตา ซึ่งบนเขาฮาจิมันไตแห่งนี้มีพื้นที่ลุ่มน้ำอยู่หลายแห่ง บ่อน้ำแต่ละบ่อมีความสวยงามที่แตกต่างกันไปตามแสงในช่วงเวลาต่างๆและฤดูกาลนั้นๆ
หนทางสู่ความสวยงามและประทับใจ
จากจุดที่เราจอดรถจะมี Hachimantai Sancho Rest House ซึ่งเป็นจุดที่นั่งพักได้ มีร้านอาหารและห้องน้ำ แนะนำว่าก่อนจะเดินทางไปดูดราก้อนอายนั้น เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเพราะจะไม่ได้เข้าอย่างน้อย 1 ชม. ทั้งนี้หากไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่เดินบนหิมะได้ ขอแนะนำให้เช่ารองเท้าบูทยางที่จุดพักนี้ ค่าบริการ 200 เยน ถือว่าไม่แพงมากนักและ ถือว่าปลอดภัยสำหรับคนไทยอย่างเราที่ไม่ชินการเดินบนหิมะด้วยค่ะ ขนาดสามีและตัวโนเองใส่รองเท้าผ้าใบเดินก็รู้สึกว่าเดินยากและแอบลื่นล้มไปคนละครั้งค่ะ
เมื่อเราเดินไปประมาณ 15-20 นาทีตามเส้นทางที่ผู้คนจำนวนมากเดินเพื่อที่จะไปชมเหมือนเรา ในที่สุดก็ถึงจุดชมวิวอันสวยงามค่ะ หลังจากที่เราเดินย่ำหิมะ ขึ้นเนินนิดๆ มันเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ เลยค่ะ
ดวงตามังกรเกิดขึ้นได้อย่างไร
แท้จริงแล้วดวงตามังกรก็คือบ่อ Kagami-numa (鏡沼) ยามฤดูหนาวบ่อน้ำบนยอดเขาแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและค่อยๆ ละลายช่วงเดือนเมษายนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายเดือนพฤษภาคมหิมะรอบๆ จะละลายจนเหลือเฉพาะเกาะตรงกลาง และหิมะตรงจุดศูนย์กลางก็จะละลายเมื่อเข้าสู่ต้นเดือนมิถุนายนจนเกิดเป็นดวงตามังกรที่สมบูรณ์นั่นเองค่ะ ทั้งนี้หากสภาพดินฟ้าอากาศ การละลายเกิดอุปสรรค์ ก็จะไม่สามารถเห็นดวงตามังกรได้ในบางปีด้วยค่ะ จึงขอแนะนำว่าให้เช็คอัพเดตสถานะการละลายของดวงตามังกรได้จากเว็บไซต์ทางการก่อนออกเดินทางด้วยจะดีกว่าค่ะ
หวังว่าทุกท่านจะชอบความสวยงามนี้ และหากมีโอกาสลองมาดูกับตานะคะ ส่วนครอบครัวเราไปชมมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนซึ่งถือว่าเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับปีนี้เลยค่ะ
การเดินทาง
หากเช่ารถขับไปตาม Google map จะสะดวกที่สุด แต่จะเดินทางโดยรถบัสก็ได้เช่นกัน
ขึ้นรถบัสที่จะไปยัง Hachimantai Chojyo จากสถานี Morioka เป็นรถบัสต่อเดียวถึง โดยจะมีรถบัส 2 แบบ
1. รถบัสสาธารณะ (ไป Hachimantai Chojyo) เริ่มเปิดใช้บริการราวๆ วันที่ 15 เมษายน
ออกจากสถานี Morioka 9:42 ถึง Hachimantai Chojyo 11:32
ขากลับออกจาก Hachimantai Chojyo 15:35 ถึงสถานี Morioka 17:28
ค่าเดินทาง
ผู้ใหญ่ 1,360 เยน เด็ก(ประถม-ม.ต้น) 680 เยน
สำหรับผู้ปกครอง 1 คน สามารถพาเด็กไม่เกิน 6 ขวบได้ 2 คน เด็กจะไม่เสียค่าใช้จ่าย (เด็กคนที่ 3 เป็นต้นไปเสียคนละ 680 เยน)
2. รถบัสท่องเที่ยวธรรมชาติ Shizen Sansaku Bus(เป็นบัสสุดสายที่ Gozaisho เราต้องลงที่ป้าย Hachimantai Chojyo) เริ่มเปิดใช้บริการราวๆ วันที่ 26 เมษายน ถึงช่วงใบไม้ร่วง
ออกจากสถานี Morioka 9:10 ถึง Hachimantai Chojyo 11:00
ออกจาก Hchimantai Chojyo 15:20 ถึงสถานี Morioka 17:10
ค่าเดินทาง
ผู้ใหญ่ 1300 เยน, เด็ก(ประถม-ม.ต้น)650เยน
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.hachimantai.co.jp/topics/23221
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– 12 มิถุนายน วันแห่งคนรัก
– Grow Burger Life ร้านแฮมเบอร์เกอร์แห่งความผูกพัน
– โยเกิร์ตญี่ปุ่นยอดฮิตประจำปี 2020 จากทั้งหมด 1,300 ยี่ห้อ
– 8 สูตรทำขนมหวานญี่ปุ่นเย็นๆ คลายร้อน
– เคล็ดลับการจัดบ้านแบบฉบับคนญี่ปุ่น
#Kagami-numa ดวงตามังกร แห่งเมือง Hachimantai #Dragon eye