Abiko วัย 33, Fujimoto วัย 34 ปี และจินตนาการของทั้งคู่ พวกเขาได้พาหุ่นยนต์แมวสีน้ำเงินจากโลกอนาคตมาให้เด็กๆ ในญี่ปุ่นรู้จัก
ที่โรงเรียนประถมในเมือง Takaoka ในจังหวัด Toyama
Abiko เด็กน้อยคนหนึ่งย้ายโรงเรียนมาจากต่างถิ่น ในขณะที่เขากำลังปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ เขาก็ได้พบกับ Fujimoto นั่งวาดรูปการ์ตูนอยู่
จากวันนั้นทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน ชอบนั่งคิด วาดรูป และเก็บไว้ดูเล่น แต่ไม่ยอมบอกใครเพราะอายที่จะบอกให้เพื่อนและคุณครูรู้ว่าความฝันของพวกเขา
[ไม่เหมือนใคร]
ตอนมัธยมต้นทั้งสองคนมี Osamu Tezuka ตำนานนักเขียนการ์ตูนชื่อดังเป็นไอดอล พวกเขาเริ่มทำผลงานเขียนส่งประกวดและขายทำเงิน
เปิดบัญชีธนาคารร่วมกันเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งเงินจะได้รับจากงานเขียน รายได้ทุกทางของทั้งสองจะนำมาเข้าบัญชีและหารสองเสมอ
ด้วยความที่หนุ่มน้อยทั้งสองเป็นลูกคนโต หลังเรียนจบมัยธมใน ปี 1952 ทั้งคู่ตัดสินใจทำงานประจำ Fujimoto เป็นพนักงานในบริษัทขนม ทำได้ไม่นานก็ตัดสินใจลาออกเพราะได้ประสบอุบัติเหตุที่แขนจากเครื่องจักร
แล้วก็ชักชวนกึ่งบังคับให้ Abiko ลาออกอย่างไม่เต็มใจจากบริษัท Toyama Newspaper ที่กำลังไปได้สวย เพื่อมุ่งหน้าสู่ความฝันวัยเด็กตามที่ตกลงกันไว้เป็นนักเขียนการ์ตูน
ผลงานยุคแรกๆเริ่มปี 1954 ในห้องญาติของ Abiko ที่โตเกียว ขนาดห้องเพียงเสื่อ Tatami 2 ผืน (ประมาณ 2*2 เมตร)
1955 ผลงานเริ่มจะไปได้สวยก็กลับเจอปัญหาส่งงานไม่ทัน สูญเสียเครดิตไปหลายปีกว่าจะกลับมาตั้งตัวได้
ปี 1963 ก่อตั้งบริษัทชื่อ Studio Zero กับเพื่อนๆ อีกหลายคน ช่วงที่รุ่งเรืองมีพนักงานถึง 80 คน เป็นส่วนหนึ่งของผลงานการ์ตูนดีๆ อย่างผีน้อยคิวทาโร่ ให้เด็กๆ ทั่วญี่ปุ่นได้อ่าน
1969 ใน Abiko วัย 33, Fujimoto วัย 34 ปี และจินตนาการของทั้งคู่ พวกเขาได้พาหุ่นยนต์แมวสีน้ำเงินจากโลกอนาคตมาให้เด็กๆ ในญี่ปุ่นรู้จัก
เพียงไม่นานแมวตัวนี้ก็กลายเป็นปรากฎการณ์ลงเป็นซีรีย์ที่โด่งดังในการ์ตูนญี่ปุ่นรายสัปดาห์อย่าง Shonen Jump (ชื่อในปัจจุบัน) อย่างยาวนาน
ในปี 1980 โด่งดังข้ามประเทศได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษส่งความสุขไปให้เด็กทั่วโลก
แม้ในปี 1987 ทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางกันเพื่อไปทำตามความฝันด้านอื่นๆ ของตนเองแต่ทั้งคู่ก็ยังคบหากันอย่างเพื่อนสนิทและทำงานร่วมกันในบริษัท Fujiko Productions
1996 การ์ตูนเรื่องนี้หยุดตีพิมพ์ในนิตยสาร เพราะการจากไปของ Fujimoto ในวัย 62 ปี
ทำผลงานเป็นการ์ตูนที่ได้ลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมา ตีพิมพ์ไปกว่า 1,345 ตอนตลอด 27 ปี (อ้างอิงจากการนับของสำนักพิมพ์ Shogakukan)
เขียนมาถึงตรงนี้หลายคนคงร้องอ๋อแล้วว่าผมกำลังหมายถึงการ์ตูนที่ทั่วโลกต้องรู้จัก
Doraemon
แต่อาจจะมีไม่มากคนนัก (รวมถึงตัวผม) ที่ทราบว่าการ์ตูนเรื่องนี้เกิดจากนักเขียน นักคิด 2 คนทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการ์ตูนกว่า 1,345 ตอน
Hiroshi Fujimoto และ Motoo Abiko ภายใต้นามปากกาว่า Fujiko F. Fujio
และก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ สนิทขนาดเปิดบัญชีร่วมกันรายได้หารสองเสมอเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
เบื้องหลังความสำเร็จของการ์ตูนระดับโลกอาจจะเป็นเพราะทัศนคติการทำงานเป็นทีมของชาวญี่ปุ่น
และที่พวกเขาทำได้ก็เป็นเพราะพวกเขาต่างให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน
Respect and Teamwork
สุภาษิตของชาติแอฟริกันกล่าวไว้ว่า
“ไปคนเดียวไปได้ไวแต่ถ้าอยากไปได้ไกลต้องไปด้วยกัน”
ไปคนเดียวนอกจากจะไปได้ไม่ไกลแล้ว ยังเหงาอีกด้วยฮะ
ยิ่งถ้าฝันคุณใหญ่มากๆ ไปกันหลายๆ คนน่าจะดีกว่า
เห็นด้วยไหมครับ ^^
#SenseiPae
#เก่งงานอย่างญี่ปุ่นคุณก็ทำได้
#LeanovativeThinking
#RespectAndTeamwork
ติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Facebook: Leanovative Thinking By Sensei Lek & Sensei Pae
เรื่องแนะนำ :
– Yuzuru Hanyu พรสวรรค์ปั้นกันได้
– The power of visualization “ทำไมการมองเห็นจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
– Prius ทำลายสถิติประหยัดน้ำมันของตัวเองได้อย่างไร เรียนรู้หลักการ Kaizen ง่ายๆ ผ่านรถยนต์มหัศจรรย์
– ไม่ถอดใจ ก็ไม่แพ้ … บทเรียนจากเจ้าของแบรนด์ญี่ปุ่นที่ทั้งโลกรู้จัก
– คนไทยทำงานกับญี่ปุ่น รู้สึกยังไงกันนะ
Reference
https://en.wikipedia.org/wiki/Fujiko_Fujio
https://en.wikipedia.org/wiki/Doraemon