ญี่ปุ่นในมุมมืด ตอนที่ 8 : เพื่อนใหม่…มีเรื่องหนึ่งที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ น้อยบอกว่า “พี่อยู่แบบผิดกฎหมาย ไม่น่าจะรอดอยู่ได้นาน มันจะมีคนไปแจ้งตำรวจเพื่อได้เงินรางวัลนำจับ” ตอนนั้นผมเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ถามตัวเองว่าแล้วจะทำยังไงดี
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
เรื่องราวที่ผ่านอยู่ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน เงินที่เป็นเงินไทยเจ็ดพันกว่าบาทยังอยู่ครบ ภาษาญี่ปุ่นยังถือว่าแย่มาก เพื่อนก็แทบจะไม่มีเลย ตอนที่เราอยู่เมืองไทย เคยมีเงินมากที่สุดประมาณสี่ล้านกว่าบาทในบัญชีตอนอายุประมาณ 28 ภาษาก็ใช้ภาษาไทย มีเพื่อนฝูงเต็มไปหมด มีแต่คนเข้ามาหา แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องผลประโยชน์ มากกว่าคำว่าเพื่อน
วันหนึ่งทรัพย์สินทุกอย่างกลายเป็นศูนย์ หมาตัวหนึ่งก็ไม่มีผ่านหน้าบ้าน ผมกำลังจะบอกว่าชีวิตสองช่วงเวลาปัจจัยต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่ช่วงที่มีตัวช่วยน้อยกว่านั้นกลับสร้างความหลากหลายในชีวิต และรู้จักว่าชีวิตที่แท้จริงมันเป็นยังไง คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้ นาทีนี้ผมไม่เคยกลัวอะไรเลย ข้ามถนนแทบจะไม่มองดูไฟว่าเขียวหรือแดง ชีวิตไม่มีเกียร์ถอยหลังอีกต่อไปแล้ว
อาเทียรเดินมาหาผม ถามผมว่าจะส่งเงินไปบ้านหรือเปล่า เธอให้เงินผมสองแสนเยน ผมรับไว้ ฝากให้ไดน่าส่งกลับเมืองไทย เป็นเงินก้อนที่สองที่ผมส่งกลับบ้าน เพื่อไปจ่ายธนาคารที่ค้างชำระไว้ เงินมาจากการทำงานไม่ได้ตั้งธงไว้ว่าต้องมีเงินเดือนเท่าไร แต่ธงในใจคือการต้องมีชีวิตรอด ส่วนเงินมันมาเอง
ผมจำบรรยากาศงานเลี้ยงของเพื่อนๆ อาเทียร ได้เป็นอย่างดี มารู้ในงานว่าเป็นวันเกิดของอาเทียร วันนั้นมีรถแต่งสวยๆ เยอะมาก ผมใช้เวลาเดินดูรถ วันนั้นผมใส่เสื้อกล้าม แจ็คเก็ตยีน ข้างหลังสกรีนชื่อ Sunburn ไดน่าเป็นคนหามาให้ผม
ผมอยู่ในงานเดินระวังตัวตลอด จำคำที่ไดน่าเคยบอกว่าจะมีคนมาล้างแค้น ในงานมีการเปิดเพลง เต้นรำ ไดน่าพาคนกลุ่มหนึ่งเดินมาหาผม แนะนำว่าเป็นคนในแก็งค์ยากูซ่า เขตหนึ่งในกรุงโตเกียว เขายื่นมือมาจับมือกับผม แล้วก็พูดจากับผมสามสี่ประโยค ไดน่าแปลให้ฟังว่า มันชวนผมไปทำงานรายได้ดีมาก มีรถให้ใช้ มีที่พักให้ แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ในงานวันนั้นผมได้เจอวัยรุ่นคนไทยเป็นครั้งแรก เป็นผู้ชายชื่อ “น้อย”
น้อยเป็นนักเรียนไทย มาเรียนด้วยทุนตัวเอง น้อยเล่าให้ฟังว่า มางานนี้เพราะอยากเจอผม ไดน่าเป็นคนเล่าเรื่องผมให้น้อยฟังผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เป็นครั้งแรกที่ได้พูดภาษาไทยอีกครั้ง นับตั้งแต่แยกกับพี่หงส์มา
น้อยชมผมว่าพี่เก่งมากเป็นที่ชื่นชอบของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ อาเทียรกับไดน่าถือเป็นวัยรุ่นที่ดังในแถบนี้ ถ้าสองคนนี้ยอมรับผม ทุกคนก็จะยอมรับ
คุยกับน้อยอยู่หลายเรื่อง มีเรื่องหนึ่งที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ น้อยบอกว่า “พี่อยู่แบบผิดกฎหมาย ไม่น่าจะรอดอยู่ได้นาน มันจะมีคนไปแจ้งตำรวจเพื่อได้เงินรางวัลนำจับ” ตอนนั้นผมเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ถามตัวเองว่าแล้วจะทำยังไงดี
งานเลี้ยงคืนนั้นผ่านไปด้วยดีไม่มีเหตุการณ์อะไร อาเทียรเมามากนั่งกลับกันสามคน ผม อาเทียร ไดน่า ส่วนน้อยแยกกลับไป ผมไปส่งไดน่าที่บ้าน ส่วนผมไปนอนที่บ้านของอาเทียร
ผมได้มีโอกาสแข่ง รถครั้งที่สอง เป็นการแข่งควอเตอร์ไมล์เหมือนเดิม ผมแข่งในทีม Product Code เหมือนเดิม มีซันเป็นหัวหน้าทีม ก่อนแข่งคราวนี้เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าครั้งแรก มีการซ้อมหลายครั้ง
การซ้อมช่วงนี้เองทำให้ผมมีฝีมือในการขับรถเพิ่มขึ้นมาก ทุกวันที่มีเวลาว่างจะใช้เวลาอยู่กับรถ แล้วผมก็ได้รถใหม่เป็น Nissan Skyline เครื่องยนต์ 4K
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด