ปัญหาใหญ่คือบุหรื่เถื่อนที่ผมเก็บไว้เยอะมากจะทำยังไง ขายคืนก็ไม่ได้เก็บไว้ก็ขาดทุนเยอะ มีทางเดียวคือต้องกระจายขายให้หมดภายใน 5 -6 วันก่อนไป แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการขายบุหรื่เถื่อนนั้นจะมีที่ของตัวเองไม่สามารถไปตั้งขายได้ทั่วไป
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
นภามาหาผมตามที่นัดไว้จริงๆ เธอบอกว่าคุยเรื่องงานไว้ให้ผมแล้ว ผมจะเอาจริงหรือเปล่าแต่ต้องไปทำงานที่โตเกียวกินอยู่ที่นั่น
รายได้ประจำประมาณ 20,000 กว่าบาทไทย และจะมีรายได้อื่นถ้ามีทัวร์เข้ามากๆ ผมตอบตกลงทันที ขอเวลาอาทิตย์นึงเพื่อเคลียร์งานที่นี่ก่อน เธอตกลงพร้อมกับให้ที่อยู่ของเธอไว้กับผม ตอนนั้นเรื่องรายได้ไม่ได้คิดถึงเท่าไหร่ แต่มีสองเหตุผล หนึ่งไม่อยากเข้าเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา สองได้กลับไปอยู่ใกล้ๆ กับไดน่า
งานที่ต้องเคลียร์มีมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องเงินที่ผมต้องหอบหิ้วไปให้ได้มากที่สุด ผมไม่ได้บอกใครเรื่องนี้คิดว่าจะหายตัวไปอย่างเงียบๆ กำลังจะตัดสินใจบอกอาเทียรเพราะต้องอาศัยเธอในการเดินทางกลับโตเกียว
คืนนั้นผมไปดักรอเจอที่ร้านที่เธอทำงาน ไปรอก็ต้องแอบๆ เพราะโจทย์ผมเยอะเหลือเกิน อาเทียรไม่เห็นด้วยเธอไม่อยากให้ผมไปเพราะรายได้น้อย แต่ผมยังยืนยันว่าตัดสินใจแล้ว อย่าห้ามผมเลย
ผมเริ่มเคลียร์งาน ปัญหาใหญ่คือบุหรื่เถื่อนที่ผมเก็บไว้เยอะมากจะทำยังไง ขายคืนก็ไม่ได้เก็บไว้ก็ขาดทุนเยอะ มีทางเดียวคือต้องกระจายขายให้หมดภายใน 5 -6 วันก่อนไป แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการขายบุหรื่เถื่อนนั้นจะมีที่ของตัวเองไม่สามารถไปตั้งขายได้ทั่วไป ที่ๆ เราไปตั้งขายนั้นเป็นที่ๆ พวกเจ้าของบุหรี่ที่เราซื้อมาเป็นคนเคลียร์สถานที่ให้พวกมันเคลียร์กับตำรวจเอง
วิธีของผมก็คือขายในที่จอดรถที่ผมคุมอยู่ ขายแบบเดินขายเอาแอบไว้ในเสื้อแล้วเดินไปเรื่อยๆ แต่ถ้าความแตกก็เป็นเรื่องแน่ เพราะเป็นการผิดกติกา ผมเรียกประชุมลูกน้องที่มีทั้งหมด รวมแล้วประมาณ 6-7 คน มีแต่คนไม่เห็นด้วยว่าทำไมผมต้องทำแบบนั้น ผมรวบรัดโดยบอกว่า มีเหตุผลที่บอกไม่ได้ ใครจะทำแล้วแต่ความสมัครใจ ผมให้ส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่งของกำไร
พอเอาผลประโยชน์เข้าล่อทุกคนก็เอาด้วย ตกลงกันเรียบร้อยทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เพียงแค่ 5 วันเท่านั้นไม่น่าจะมีคนขายเจ้าอื่นไหวตัว นั่นคือความคิดผมตอนนั้น ผมยืมรถอาเทียรเพื่อจะขนบุหรี่มาซ่อนไว้จอดไว้ในลานที่จอดของผม แล้ววิธีการอีกแบบที่ผมใช้ คือขายตัดราคาลงจากเจ้าอื่นๆ
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีไม่มีใครสงสัยอะไร ผมไปเก็บของที่บ้านอาเทียร เริ่มเก็บของที่ค่ายมวย ของผมมีไม่เยอะทุกอย่างมารวมเอาไว้ในรถของอาเทียร ช่วงนั้นทำงานเสร็จตอนเกือบเช้าก็ขับรถอาเทียรไปหาที่นอน ไม่ได้กลับไปทั้งที่บ้านอาเทียรและที่ค่ายมวยแล้ว อาศัยนอนในรถและอาบน้ำในสวนสาธารณะ อาเทียรก็เอากับผมด้วย เธอบอกว่าผมไปเมื่อไหร่เธอก็จะไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน ผมชวนเธอไปโตเกียวด้วยกัน เธอบอกว่าไม่ไป แล้วถามเธอต่อว่า เราจะเจอกันอีกหรือไม่ เธอบอกว่าอยู่ที่ผม ถ้าผมกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คงไม่ได้เจอกันอีก ผมตอบว่าเรื่องกลับเมืองไทยไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อไหร่
ก่อนไปโตเกียว 2 วัน อาเทียรก็หางานมาให้ผมอีก เป็นงานไปทวงเงิน ถ้าเก็บได้หักไว้เลย 40% ผมก็ไปจัดการมาให้ได้เงินมาเพิ่มอีกก้อน วันสุดท้ายก่อนไป ผมก็เล่าความจริงกับลูกน้องผม ทั้งหมดเดินจับมือกับผมขอบคุณที่ช่วยผมทำงาน แล้วก็แบ่งเงินกัน ผมมีเงินติดตัวไปประมาณเกือบสองแสนบาท ลูกน้องในกลุ่มนี้มีคนไทยคนหนึ่งที่ยังติดต่อกันอยู่ และเป็นติดตามอ่านบทความอันนี้ ปัจจุบันทำงานอยู่ในกรุงเทพ มีธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง เป็นร้านทำโฆษณาแถวๆ ถนนสามเสน
ช่วงชีวิตที่อยู่ที่โอซาก้า เต็มไปด้วยความเสี่ยง เคยถูกจับหนึ่งครั้งแต่ก็มีคนช่วยออกมา เคยทะเลาะวิวาทไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เลือดตกยางออก ก็หลายครั้ง นอนหลับไม่เคยฝันดี หวาดระแวงอยู่ตลอด ผมได้ประสบการณ์เยอะมากสำหรับชีวิตที่โอซาก้า เข้าใจและรู้จักคนญี่ปุ่นมากขึ้น รู้จักการเอาตัวรอด มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ตำรวจผมก็ไม่เคยกลัว นักเลงลูกน้องปลายๆ แถวของพวกยากูซ่าก็ไม่มีอะไรน่ากลัว ทุกอย่างแก้ไขและเจรจาได้หมด ไม่มีอะไรถึงตาย
นับเป็นความโชคดีของผมที่ยังอยู่รอดปลอดภัยแถมยังสามารถมีเงินเก็บเป็นทุนได้ แต่ผมไม่เคยประมาทครับ นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอดมากได้ จริงแล้วเหตการณ์ต่างๆ มีมากกว่านี้แต่บางทีก็นำมาเล่าไม่ได้มันสีดำเกินไป อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมตัดสินใจย้ายงาน เป็นเพราะความกลัวครับ ทุกอย่างมันเริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ รู้จักผู้คนมากขึ้น มันจะเป็นภัยกับตัวผมเอง เพราะทุกวันตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่อย่างผิดกฎหมาย การย้ายสังคมบ่อยเป็นทฤษฎีที่ความคิดขึ้นมาเองจากประสบการณ์ที่สะสมมา
อาเทียรมาส่งผมตามที่รับปากไว้ ผมบอกว่าให้ไปส่งที่บ้านไดน่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว อาเทียรนั่งคุยกับผมก่อนกลับ ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้พร้อมกับยื่นเงินให้ก้อนหนึ่ง ผมไม่รับเพราะตอนนั้นมีเงินอยู่แล้ว ขอบใจเธอทุกอย่างสำหรับที่ผ่านมา ผมไม่รู้จะให้อะไรกับเธอเลยเขียนที่อยู่ที่เมืองไทยไว้ เป็นภาษาไทย แล้วบอกเธอว่าถ้าไม่ได้เจอกันอีก แล้วเธอมีโอกาสไปเมืองไทย ให้ไปหาผมที่ตามที่อยู่นั้น ผมอวยพรให้เธอโชคดี เธอคุยกับไดน่าอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เธอจะขับรถออกไป
ผมเล่าเรื่องนภาให้ไดน่าฟัง เธอพยักหน้าบอกพรุ่งนี้จะพาผมไปตามที่อยู่ที่นภาให้ไว้ เธอถามผมว่าไว้ใจคนชื่อนภาได้หรือเปล่า ผมตอบว่าไม่รู้เหมือนกันลองเสี่ยงดู
คืนนั้นไดน่าเล่าเรื่องอาเทียรให้ผมฟังเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้และนึกไม่ถึง บางอย่างถึงกับประหลาดใจเลยทีเดียว เรื่องประวัติและเรื่องราวของอาเทียรไม่ธรรมดา คราวหน้าก่อนจะเริ่มงานใหม่ ผมจะเล่าเรื่องที่ไดน่าพูดถึงอาเทียรให้ฟัง
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด