งานที่อาทียรหาให้ผม รายได้ดีมากจริงๆ นับจากนี้ไป 3 เดือนที่นี่ ตื่นเต้นไม่แพ้เรื่องราวที่ผ่านมา ที่สำคัญทำให้ผมรู้จักอาเทียรมากขึ้น มีอะไรหลายอย่างที่ต้องประหลาดใจ อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเจอคือ เกือบโดนจับส่งกลับเมืองไทยหลายครั้ง รอดทุกครั้ง
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
ผมไม่ได้เจอกับพ่อของไดน่านานแล้ว…นับครั้งได้กับการได้พบเจอ แทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยตั้งแต่มาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ จนถึงวันนี้ผมกำลังจะเดินทางไปอยู่โอซาก้า ก็คงไม่มีโอกาสได้ร่ำลาและขอบคุณ
นึกถึงวันที่ไปเจอพี่หงษ์มา และเธอเล่าเรื่องราวต่างๆ ของพ่อไดน่าให้ฟัง และยังฝากให้ผมช่วยดูแลไดน่า แต่ในวันนี้ผมกลับตัดสินใจเดินทางจากไป รู้สึกลำบากใจไม่ใช่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นไดน่าเป็นกุญแจดอกสุดท้ายที่ไขทุกอย่างให้มันดูดีที่สุด การพูด การกระทำของเธอผมไม่เคยลืม จากสิ่งที่ผมทำที่ดูแย่ๆ เธอก็ทำให้มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่มันดูดีได้ เธอเป็นคนพูดให้ผมเดินทางไปกับอาเทียร ส่วนเรื่องพ่อเธอจะเป็นคนบอกพ่อเธอเอง
ผมเดินทางไปโอซาก้ากับอาเทียรกันเพียงสองคน ระหว่างการเดินทางคุยกันไปหลายเรื่องตามที่จะพอสื่อสารกันได้ เดินทางไปถึงที่ที่เราไปเป็นบ้านหลังใหญ่มีเนืื้อที่ค่อนข้างกว้าง เป็นบ้านญาติของอาเทียร ทำธุรกิจเลี้ยงปลาสวยงามหลายชนิด ที่เยอะๆ เห็นจะเป็นปลาคราฟ มีบ่อเลี้ยงด้านหลังบ้านหลายบ่อ มีพนักงานเป็นคนญี่ปุ่นหลายคน ผมชอบมาก ตัวบ้านเป็นอาคารหลังใหญ่ อาเทียรพาผมไปพบเจ้าของบ้าน เป็นลุงกับป้าของเธอ อายุประมาณ 60 ปี ท่าทางใจดี ผมมีห้องพักด้านหลังบ้านบรรยากาศดี พักเป็นส่วนตัวคนเดียว ส่วนอาเทียรพักในบ้านหลังใหญ่กับลุงป้าของเธอ
สถานที่ใหม่ของผมครั้งนี้ อยู่รวมกับครอบครัวใหญ่ มีคนมากหน้าหลายตา แตกต่างกับตอนอยู่ที่บ้านไดน่าที่อยู่กันแบบเงียบๆ ตื่นเช้าขึ้นมา ผมก็มาช่วยทำงานในบ้าน เดินไปเดินมา ยังไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไร อาเทียรพาผมไปเที่ยวที่โอซาก้า พาไปทานข้าว ซื้อของใช้ เธอบอกผมว่าให้ผมช่วยงานที่บ้านไปก่อน เดี๋ยวเรื่องงานข้างนอกที่รายได้ดีๆ เธอจะจัดการให้ผมเอง
ผมชอบมากกับธุรกิจการเลี้ยงปลา ผมชอบไปนั่งดูเวลาคนงานให้อาหารปลา ดูแล้วเป็นธุรกิจที่น่าจะทำเงินไม่ใช่น้อยให้กับครอบครัวนี้ หน้าห้องพักผมก็มีบ่อปลาคราฟ เวลาผมนอนไม่หลับก็จะออกมานั่งดูปลา จนบางทีก็เผลอหลับไปข้างบ่อปลานั้นสามสี่วันผ่านไป ชีวิตสงบมากจนเผลอลืมไปว่า เรายังต้องมีหน้าที่ที่ต้องหาเงินส่งไปเมืองไทย
อาเทียรชอบหายไปตอนกลางวัน ทำให้ผมรู้สึกเหงา ไม่ค่อยมีใครคุยกับผม คงเป็นเพราะผมพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ทุกๆ วันจะมีพ่อค้ามาซื้อปลา ผมก็จะแก้เหงาโดยการช่วยคนในบ้านยกของขึ้นรถ เวลาเขาเอาใส่ถุงเพื่อไปส่ง จะต้องระวังมากเพราะปลาบางตัวมีราคาแพงมาก ปลาคราฟบางตัวใหญ่มาก สีสวย ผมได้แต่ช่วยอยู่ห่างๆ กลัวไปทำเค้าเสียหาย
ผมชอบดูคนญี่ปุ่นเวลาทำงาน การแต่งตัวจะทะมัดทะแมง ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ เวลาทำงานก็ไม่ค่อยคุยเล่นกัน ไม่ค่อยมีการหยุดงาน ทำงานกันเหมือนหุ่นยนต์ เวลานี้คนนี้อยู่ตรงนี้ เวลาโน่นคนโน่นอยู่ตรงโน่น เป็นแบบนี้ทุกวัน เวลาพักกินข้าว ใครเคยนั่งใกล้ใครก็นั่งกันเหมือนเดิม ดูแล้วก็น่าเบื่อดี
ผมพยายามเล่าสภาพภายในบ้านหลังนี้ ให้ผู้อ่านได้มองเห็นภาพ ไม่รู้ว่าคนในบ้านคิดกับผมยังไง นอกจากมีลุงกับป้าของอาเทียร แล้วก็ยังมีญาติๆ คนอื่นอีกแต่อาเทียรไม่ได้แนะนำอะไร ส่วนการกินอยู่ ก็กินรวมกับคนอื่นๆ อาหารไม่อร่อย บางครั้งอาเทียรไปข้างนอกก็จะซื้ออาหารไทยมาฝาก
แล้วงานของผมก็มาถึง อาเทียรเดินมาบอกว่าหางานให้ผมได้แล้ว แต่ไม่ต้องไปทำทุกวัน อีกสองสามวันเธอจะพาผมไปหาคนที่เธอฝากงานให้ เธอบอกว่าให้ผมช่วยให้อาหารปลาคราฟของลุงเธอ จะให้คนมาสอนผมถึงวิธีการให้อาหาร จะมีเงินเดือนในส่วนนี้ให้ผมด้วย เธอไม่ได้บอกผมว่างานข้างนอกที่เธอหาให้ผมเป็นงานอะไร ไอ้ผมก็ไม่ได้ถาม คิดว่าอะไรก็ทำทั้งนั้น และที่สำคัญเวลาอาเทียรหางานให้ผมทีไร รายได้ดีทุกครั้ง
ผมชอบมากสำหรับเรื่องราวใหม่ๆ ที่โอซาก้า งานที่อาทียรหาให้ผม รายได้ดีมากจริงๆ นับจากนี้ไปประมาณ 3 เดือนที่นี่ ตื่นเต้นไม่แพ้เรื่องราวที่ผ่านมา ที่สำคัญทำให้ผมรู้จักอาเทียรมากขึ้น มีอะไรหลายอย่างที่ต้องประหลาดใจ อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเจอคือ เกือบโดนจับส่งกลับเมืองไทยหลายครั้ง รอดทุกครั้ง
ผมคิดถึงไดน่ามากในช่วงเวลานั้น ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นยังไงบ้าง อยากให้เธอมาหาที่นี่ จนผมต้องเอ่ยปากกับอาเทียร…….
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี