เที่ยว Chiba … จังหวัดนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่า สวนญี่ปุ่น ความเป็นธรรมชาติ ความทันสมัย แหล่งช้อปปิ้ง และแม้แต่สวนสนุก มาดูกันต่อเลยว่า ยังมีไหนที่เราจะมาแนะนำกันต่อในทริปนี้ (^^)/
มาติดตามครึ่งหลังของการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดชิบะ บ้านใกล้เรือนเคียงของกรุงโตเกียวกันต่อนะ
เริ่มต้นการเที่ยวกันต่อด้วยหมู่บ้านซามูไรในเมืองซาคุระ หรือ Sakura City Samurai Houses ที่นี่มีบ้านซามูไรเก่าแก่ให้ชมหลายหลัง อาทิ บ้านซามูไรตระกูล Kawara, ตระกูล Tajima, และตระกูล Takei โดยสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนในแถบนี้ก็จะอยู่ในช่วงปลายสมัยเอโดะ มีความย้อนยุคได้ใจทีเดียว
Sakura City Samurai Houses
ที่ตั้ง : 57, Miyakoujimachi, Sakura-shi, Chiba-ken
วัน/เวลา : บ้านซามูไรที่เปิดให้เข้าชม เปิดตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. และปิดบริการในวันจันทร์ หากวันหยุดนักขัตฤกษ์ตรงกับวันจันทร์ ก็จะปิดในวันอังคารถัดไปแทน และยังเปิดช่วง 28 ธ.ค. – 4 ม.ค. ของทุกปีด้วย
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมแต่ละหลัง ผู้ใหญ่ 210 เยน เด็ก 100 เยน แต่ถ้าจะชมทั้ง 3 หลัง ผู้ใหญ่ 540 เยน เด็ก 270 เยน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Sakura เดินต่อประมาณ 15 นาที หรือจะนั่งรถเมล์ต่อไปก็ได้ แล้วค่อยเดินไปอีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.city.sakura.lg.jp.e.dj.hp.transer.com/0000000617.html
และหากย้อนกลับลงมาทางใต้ของจังหวัดชิบะ บริเวณอ่าวโตเกียว มีจุดท่องเที่ยวที่แปลกไม่เหมือนใครอยู่จุดหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น เป็นเส้นทางสัญจรไปมาเพื่อย่นระยะเวลาในการข้ามอ่าวโตเกียว จากฝั่งจังหวัดชิบะ สู่จังหวัดคานากาวะ โดยไม่ต้องใช้เส้นทางถนนปกติผ่านกรุงโตเกียว
จุดท่องเที่ยวยอดนิยมนี้ชื่อว่า Umihotaru ซึ่งแปลตรงๆ ตัวว่า “หิ่งห้อยทะเล” เชื่อว่าหากเป็นตอนกลางคืน ถ้าใครมองมาจากบนฝั่ง ก็คงจะเห็นแสงไฟของสถานที่แห่งนี้เหมือนหิ่งห้อยละมั้ง
โดย Umihotaru นั้นเป็นเกาะจุดพักกลางทาง (Umihotaru Parking Area) ของทางด่วน Tokyo Wan Aqua-Line ที่เป็นอุโมงค์ลอดใต้อ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างเมือง Kisarazu จังหวัดชิบะ กับเมือง Kawasaki จังหวัดคานากาวะ อย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้ว เมื่อตั้งอยู่กลางทะเล จึงสามารถมองเห็นวิวของอ่าวโตเกียวได้โดยรอบ (นี่แหล่ะจุดขายของที่นี่) ทั้งทางฝั่งจังหวัดชิบะ กรุงโตเกียว และจังหวัดคานากาวะด้วย แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่เกาะสำหรับพักรถ ชมวิว ธรรมดา มีความสูงถึง 5 ชั้น มีช้อปปิ้งมอลล์กลางทะเล ร้านค้า ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ครบครัน อาทิ ไปรษณีย์ Time Capsule, จุดถ่ายรูปเก๋ๆ, และมุมสนุกๆ สำหรับคุณหนูๆ
Umihotaru Parking Area
ที่ตั้ง : Tokyo Wan Aqua-Line Expressway
วัน/เวลา : เปิด 24 ชั่วโมง (ยกเว้นร้านค้า ร้านอาหาร และบริการบางอย่าง)
ค่าเข้าชม : หากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลก็จ่ายในส่วนของค่าทางด่วน หากเป็นรถเมล์ก็จ่ายตามค่าบริการปกติของรถเมล์ที่โดยสารมา
การเดินทาง : สามารถนั่งรถเมล์มาได้จากหลากหลายทิศทางรอบอ่าวโตเกียวเลยนะ
เว็บไซต์ : https://www.umihotaru.com/en/
ได้เวลาช้อปปิ้งจริงๆ จังๆ กันแล้ว …
ที่จังหวัดชิบะนี้ มี Mitsui Outlet ถึง 2 แห่ง สวรรค์ของนักช้อปชัดๆ แต่ในเมื่อเรามาเที่ยวทางตอนล่างของจังหวัด ก็ต้องช้อปปิ้งกันที่ Mitsui Outlet Park KISARAZU นี่แหล่ะ
ที่นี่มีร้านแบรนด์เนมมากมายจากทั่วโลก และร้านแบรนด์ญี่ปุ่นดังๆ ก็มีเยอะ รวมแล้วกว่า 250 ร้าน ถือว่าใหญ่มากกกกกก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า ของใช้เด็ก งานฝีมือ ฯลฯ ที่นี่มาเต็มมาก และก็ต้องมาลุยกันเองว่าช่วงที่ไป จะได้ส่วนลดสักกี่มากน้อยนะ 😉
ช้อปเพลินจนหิว ก็มีร้านอาหารหลายสไตล์ หลายสัญชาติให้เลือกลิ้มลอง (Food court ก็มี)
ช้อปเพลินตังค์หมด ก็มีตู้แลกเงินสด เอาเงินไทยไปแลกเงินเยนก็ยังได้
ช้อปปิ้งเพลินหาเพื่อนไม่เจอ ก็มี Free WiFi ไว้ให้เชื่อมต่อตามตัวกันได้
Mitsui Outlet Park KISARAZU
ที่ตั้ง : 3-1-1 Kaneda-Higashi, Kisarazu-shi, Chiba
วัน/เวลา : เปิด 10.00 – 21.00 น. (วันและเวลาเปิดปิดของแต่ละร้านจะแตกต่างกันเล็กน้อย)
การเดินทาง : นั่งรถเมล์จากสถานีโตเกียวมาได้ แค่ 45 นาทีเท่านั้น แต่ถ้ามาจากสนามบินฮาเนดะจะใกล้กว่านะ ประมาณครึ่งชั่วโมง (ขึ้นทางด่วนมาไง ^^)
เว็บไซต์ : https://mitsui-shopping-park.com/mop/kisarazu/english/index.html
และถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างความสดชื่นให้กับนักท่องเที่ยวได้แบบสุดๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชิบะ ก็ต้องนี่เลย Dragon Farm
หลายคนเพื่อได้ยินชื่อ Dragon Farm ปุ๊บ … จะรู้สึกถึงกลิ่นสตรอเบอรี่โชยมาเลย แน่นอน! เราจะไปเก็บสตรอเบอรี่ลูกเบ่อเริ่มสดๆ จากฟาร์มกันน่ะสิ สำหรับที่ชิบะแล้ว กิจกรรม Strawberry Picking เนี่ย ก็ขึ้นชื่อนะ เช่นเดียวกับฟาร์มนี้ โดยฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการเก็บสตรอเบอรี่ของที่นี่ก็คือในช่วงเดือนมกราคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม ถึงว่ายาวนานมาก
ราคาสำหรับเก็บสตรอเบอรี่ที่ฟาร์มนี้ก็ไม่แพง เพียง 2,000 เยน เรามีเวลา 30 นาที เก็บกินได้ไม่ต้องยั้ง เอาที่สบายใจเลย ฟาร์มนี้มีสตรอเบอรี่ถึง 14 สายพันธุ์จัดกันให้เต็มที่ ที่สำคัญ ทางฟาร์มมีบริการนมข้นหวานไว้จิ้มกับสตรอเบอรี่ฟรี!! แล้วยังมีน้ำชากับขนมให้ด้วยหลังจากเสร็จกิจกรรมการเก็บสตรอเบอรี่ คุ้มสุดๆ
Dragon Farm อยู่ไม่ไกลมากจากโรงแรมที่เราพัก (Mitsui Garden Hotel Chiba) และถ้าใครจะมาจากสนามบินนาริตะ ก็ใช้เวลาเดินทางราวๆ 40 นาทีเท่านั้น หากใครไม่สะดวกมาในช่วงต้นปี … ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม อาจจะไม่มีสตรอเบอรี่ให้เก็บ แต่ฟาร์มนี้มีบลูเบอรี่จ้า มาเก็บสดๆ กันได้เลย
Dragon Farm
ที่ตั้ง : 1354 Oguracho, Wakaba-ku, Chiba-city, Chiba, Japan 264-0007
วัน/เวลา : วันธรรมดา เปิดตั้งแต่ 09.00 น. (เริ่มเก็บ 10.00 น.) วันเสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่ 08.30 น. (เริ่มเก็บ 10.00 น.) วันหยุดไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับฤดูกาลของผลไม้
การจองเก็บผลไม้ : ต่ำกว่า 20 คน ไม่ต้องจอง (Walk-in แบบ First come, First served)
ค่าเก็บผลไม้ :
1 มกราคม – 8 เมษายน ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,500 เยน
9 เมษายน – 13 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 1,700 เยน เด็ก 1,200 เยน
การเดินทาง : จากสนามบินนาริตะ นั่ง JR Narita ไปลงที่สถานี JR Tsuga ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วต่อ Taxi ประมาณ 15 นาที (1,000 – 1,500 เยน)
เว็บไซต์ : http://www.dragon-farm.com/page/36 , https://www.facebook.com/15japan/
หากเรากระเถิบขึ้นเหนือ เข้าใกล้กรุงโตเกียวเข้าไปอีกนิด เราก็จะได้เห็นอีกบรรยากาศ อย่างเช่น ในเขต Urayasu ก็จะมีสวนกลางเมืองอย่าง Mihama Park หรือ Mihama-En ซึ่งตั้งอยู่ใน Makuhari Seasie Park ให้ชม
ที่นี่คือสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ที่เป็นเสมือนเขตอนุรักษ์วัฒนธรรม ธรรมเนียม และวิถีความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ให้ได้เรียนรู้กันบ้าง ลักษณะของสวนก็จะสะท้อนทัศนียภาพที่แท้จริงตามธรรมชาติของญี่ปุ่นเอาไว้หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ ทะเล ชายหาด และป่าไม้ แล้วยังมีเรือนน้ำชา เพื่อให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพิธีชงชา และการได้ดื่มด่ำกับการจิบชาเขียว ชมความงามของสวนในสไตล์ของคนญี่ปุ่น
ภายในสวนญี่ปุ่นแสนสงบนี้ แท้จริงแล้วภายนอก แวดล้อมด้วยความเป็นเมืองขนาดใหญ่ ทั้งศูนย์การประชุม Makuhari Messe, Makuhari Seaside Park, Mitsui Outlet Park MAKUHARI และโรงแรมชั้นนำอีกมากมาย เป็นความสงบที่เกิดขึ้นอย่างน่าสนใจทีเดียว
Mihama Park (Mihama-En)
ที่ตั้ง : Makuhari Seaside Park
วัน/เวลา : เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 100 เยน / เด็ก 50 เยน
การเดินทาง : เดินแค่ 5 นาทีจากศูนย์การประชุม Makuhari Messe
เว็บไซต์ : http://atpark.ne.jp/makuhari/index.html (ภาษาญี่ปุ่น) , http://www.nsca-intlconf5.jp/files/MAP_Makuhari_e.pdf
และเมื่อมาถึงแถบ Makuhari เราจะไม่เข้าไปเที่ยวในสวนสนุกที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นแห่งนี้ก็คงจะไม่ได้ (สินะ) ว่าแล้วก็ไปบุกเมืองแห่งเทพนิยาย Tokyo Disney Resort กันเลย!!
สำหรับ Tokyo Disney Resort นั้น ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หลายคนเข้าใจผิดว่าตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว แต่แท้ที่จริงแล้วตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิบะ ซึ่งเอาก็แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ มีทั้งส่วนที่เป็น Tokyo Disneyland, Tokyo DisneySea, และส่วนที่เป็นโรงแรมที่พัก (ในอนาคตเห็นว่ากำลังวางแผนจะสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาอีก ก็ต้องรอติดตามกัน)
สำหรับทริปนี้เราไปเที่ยวกันที่ Tokyo Disneyland สวนสนุกอันดับโลกที่มาเปิดให้บริการความสุข สนุกสนาน กับชาวญี่ปุ่นมาเกือบ 35 ปี (เปิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1983) มีเครื่องเล่นในหลากหลายโซน ทั้งแบบกุ๊กกิ๊ก คิขุ น่ารัก แล้วก็แบบหวานเสียว กรี๊ดฮา แต่ละวันก็มีโชว์และพาเหรดประจำวัน แล้วในตอนค่ำก็ยังมีการจุดพลุอีก ดั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มาเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันอย่างแน่นอน
Tokyo Disneyland
ที่ตั้ง : 1-1 Maihama, Urayasu-shi, Chiba-ken 279-0031
วัน/เวลา : เปิดบริการทุกวัน แต่เวลาเปิด-ปิดแต่ละวันจะแตกต่างกันไป ต้องเช็คกำหนดการจากทางเว็บไซต์ทางการนะ
ค่าเข้าชม : บัตรเข้าชมสำหรับหนึ่งวัน (1-Day Passport) ผู้ใหญ่ 7,400 เยน เด็กโต 6,400 เยน เด็กเล็ก 4,800 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Maihama (จากสถานีโตเกียว ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น)
เว็บไซต์ : http://www.tokyodisneyresort.jp/en/tdl/
สำหรับสถานที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำในทริปนี้ ก็คือ “Sawara” เมืองเก่าสมัยเอโดะ ที่อาจจะอยู่ไกลสักหน่อย คือค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดชิบะ แต่บอกเลยว่าไปแล้วคุ้มค่า เพราะบรรยากาศแบบย้อนยุคอย่างนี้ ให้ความรู้สึกเข้าถึงญี่ปุ่น ได้บรรยากาศเหมือนดูละครหรือหนังญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีที่ออกมาจากสถานีรถไฟ (สถานี Sawara)
ในสมัยเอโดะ เมืองซาวาระแห่งนี้เป็นสถานที่ขนถ่ายสินค้าผ่านทางแม่น้ำโอโนะ (Ono) โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้กันในชีวิตประจำวันอย่างโชยุ มิโสะ น้ำมันงา และเหล้าสาเก มีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้น การล่องแม่น้ำไปจึงน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกมากๆ เลยในสมัยนั้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็สามารถมาล่องแม่น้ำ ลองสัมผัสบรรยากาศเหมือนคนญี่ปุ่นในย่านนี้สมัยก่อนกันดูก็ได้ ค่าล่องเรือง 30 นาที ผู้ใหญ่เพียง 1,300 เยน และเด็ก 700 เยนเท่านั้น หรือถ้าจะเลือกวิธีเดิน (หรือเช่าจักรยานก็ดีนะ) ชมเมือง ก็รับรองว่าน่าจะได้ภาพบรรยากาศสวยๆ กลับมาอย่างแน่นอน
ขอบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายละครยอดนิยมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นทีเดียว และนักท่องเที่ยวไทยหลายคนมาแล้วก็ชื่นชอบ ดังนั้นก็ต้องขอแนะนำให้ลองมากันดูบ้างนะ
Sawara
ที่ตั้ง : สถานี Sawara จังหวัดชิบะ
การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Sawara ใช้เวลาประมาณ 75 นาที แต่ถ้ามาจากสนามบินนาริตะ ใช้เวลาแค่ 45 นาทีก็ถึง
เว็บไซต์ : http://www.suigo-sawara.ne.jp/abroad_ta_top.html , http://japan-chiba-guide.com/en/documents/0327_chiba_ag_en2017_web.pdf
เป็นอย่างไรบ้าง จังหวัดชิบะมีอะไรให้น่าเที่ยวเยอะเลยใช่ไหม
ขอยืนยันว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความน่าสนใจของจังหวัดนี้เท่านั้น …มากกว่าสนามบินนาริตะหรือ Tokyo Disneyland และอีกหลายๆ สถานที่ที่เราได้ไปชมกันในทริปนี้ Chiba นั้นยังมีอีกหลายแห่งให้เราได้ไปค้นหา ลองมาเที่ยวกันดูนะ น่าจะถูกใจ
สำหรับทริปนี้ ขอกล่าวว่า …
Sayonara “CHIBA” mata ne!!
(สวัสดี “ชิบะ” แล้วพบกันใหม่นะ)
(^___^)
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยว Chiba กับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด (1)
– CHIBA…STRONG พี่ไม่ได้มาเล่นๆ พี่ตั้งใจมาเที่ยวชิบะ! ตอนที่ 1 นักท่องเที่ยวTHAILAND อึ้ง…ทึ่ง ที่ซาวาระ (#teamsawara)
– เที่ยว Chiba : ชมอ่าวโตเกียว เที่ยว Mother Farm เก็บสตอเบอรี่ ช้อปปิ้ง Mitsui Outlet
– Chiba ใกล้ ครบ จบที่เดียว ตอนที่ 1
– เที่ยวชิบะ (Chiba) สุดคุ้มในหนึ่งวัน