เมื่อเราเข้าซอยเล็กๆ มาราว 200 เมตรพบบ้านดินที่มีรูปร่างราวกับอยู่ในนิยายสมัยเด็กโอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีราวกับว่าเราหลุดมาอยู่กลางป่า นั่นคือ Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO หรือ Cafe&ガラス工房「海遊魚」
เชื่อว่าเด็กๆ ทุกคนโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงย่อมมีความฝันในแต่ละช่วงวัย แต่จะมีเด็กสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่จะทำความฝันอันยิ่งใหญ่ทั้งสองฝันได้เป็นจริง
วันนี้เราจะไปสัมผัสความฝันของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งที่ฝันว่า “สักวันหนึ่งฉันจะเปิดคาเฟ่ที่มองเห็นวิวทะเล ทำกับข้าวพร้อมทำงานศิลปะที่ตนรัก”
เมื่อขับรถเรียบริมทะเลจังหวัดชิบะมาสักพักก็เหลือบไปเห็นป้ายคาเฟ่สะบัดพลิ้วตามลมทะเลราวกับกำลังเรียกให้พวกเราแวะพัก เหลือบไปดูนาฬิกาเที่ยงกว่าแล้วสมาชิกในรถจึงพร้อมใจกันพะยักหน้าลองแวะดูสักหน่อย เมื่อเราเข้าซอยเล็กๆ มาราว 200 เมตรพบบ้านดินที่มีรูปร่างราวกับอยู่ในนิยายสมัยเด็กโอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีราวกับว่าเราหลุดมาอยู่กลางป่า นั่นคือ Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO หรือ Cafe&ガラス工房「海遊魚」
เปลี่ยนความฝันเป็นชีวิตจริง
เด็กวัยมัธยมปลายที่กำลังตามล่าความฝันในชีวิต เมื่อดูรายการเชฟกระทะเหล็กจบ ก็ตัดสินใจว่าตนจะเสิร์ฟอาหารด้วยจานที่ทำเอง นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจไปเรียนมหาวิทยาลัยด้านศิลปะ เกี่ยวกับเครื่องแก้ว ที่จังหวัดโอคายาม่า จากนั้นครอบครัวย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศบราซิลระยะหนึ่งเนื่องจากหน้าที่การงานของคุณพ่อ
เมื่อกลับมาโตเกียวจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมด้านการปรุงอาหารโดยเรียนเน้นอาหารฝรั่งเศส และอิตาลี จากนั้นไปฝึกมือในการเป็นแม่ครัวอยู่ที่ร้านอาหารในกรุงโตเกียว เมื่ออยู่ได้สักระยะจึงค้นพบว่าตัวเองชอบใช้ชีวิตตามชนบทมากกว่า ขณะที่กำลังหาที่อยู่ของตัวเองก็ได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ 『半農半Xという生き方』เป็นหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยการทำเกษตรควบคู่กับสิ่งที่ตนชอบ จึงตัดสินใจที่จะไปใช้ชีวิตตามเมืองชนบทที่คุ้นเคยสมัยวัยเยาว์
หนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตสงบสุข
เธอตัดสินใจออกจากเมืองหลวงที่วุ่นวายไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามชนบท โดยจะเปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่มีสวนผักอยู่หน้าร้านเป็นของตัวเอง โชคดีที่ครอบครัวของเธอเคารพการตัดสินใจและพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เธอได้ค้นพบบ้านเก่าหลังหนึ่งจากนิตยสาร จึงตัดสินใจมาดูสถานที่จริง เมื่อเธอเห็นทะเลสีครามระยิบระยับจากระเบียง จึงตัดสินใจได้ไม่ยากในการที่จะครอบครองบ้านในฝันหลังนี้ทันที นายหน้าจึงเสริมว่านอกจากทะเลหากวันที่ฟ้าโปร่งจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอยู่ไกลๆ
เธอใช้เวลา 1 เดือนในการรีโนเวทบ้านญี่ปุ่นโบราณหลังนี้ โดยเปลี่ยนพื้นเสื่อทาทามิบางส่วนเป็นพื้นไม้บ้าง ทาสีใหม่เองทุกอย่างโดยมีช่างประจำท้องถิ่นคอยช่วยเหลือ พร้อมกับเปิดคาเฟ่อย่างเงียบๆในวันที่ 20 กรกฎาคม 2008 ซึ่งตรงกับวันทะเลเมื่อ 12 ปีก่อน หลังจากเปิดได้ 2 ปีจึงมาต่อเติมในส่วนของสตูดิโอแก้วซึ่งอยู่ด้านหลังคาเฟ่และสร้างชั้น2โดยฉาบกำแพงด้วยดินพร้อมใส่งานแก้วของตัวเองลงไป โดยได้รับแรงบันดาลใจจากงานของ Antoni Gaudi (อันตอนี เกาดี) สถาปนิกที่ตนชื่นชอบ ทำให้รูปลักษณ์คาเฟ่ออกมาเป็นตัวตนของเธอมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
พื้นที่แห่งความอบอุ่นของทุกวัย
เมื่อเปิดประตูร้านเข้ามาผลงานศิลปะวางเรียงรายต้อนรับผู้มาเยือนคาเฟ่แห่งนี้พร้อมกับเจ้าของร้านคุณโยะชิโนะกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอันสดใส ที่นั่งมีทั้งแบบนั่งเก้าอี้ นั่งบนเสื่อทาทามิ และนั่งที่ระเบียงนอกร้านพาสัตว์เลี้ยงมาได้ บรรยากาศภายในร้านยังคงเหลือเค้าโครงบ้านญี่ปุ่นอยู่และเป็นพื้นไม้จึงทำให้ร้านมีความอบอุ่น ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยงานแก้วที่ทำเป็นสัตว์ทะเลรูปต่างๆ อีกทั้งเป็นครัวเปิดสามารถมองความเคลื่อนไหวของแม่ครัว ราวกับเรานั่งมองแม่ทำกับข้าวอยู่ที่บ้าน
ทำให้ที่นี่เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองที่เรามาพักผ่อนในวันหยุด ผู้ที่มาเยือนจึงมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคู่รักวัยรุ่น ครอบครัว แม่บ้านเด็กเล็ก และกลุ่มผู้สูงวัย สำหรับพื้นที่ต่อเติมพิเศษชั้นบนของบ้านหลังนี้เป็นห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นเด็กและมุมสงบสำหรับผู้ปกครอง โดยเจ้าของตั้งใจอยากให้คุณแม่ที่มีเด็กเล็กมาด้วย ได้ใช้พื้นที่ส่วนนี้โดยไม่ต้องเกรงใจว่าเด็กๆ จะส่งเสียงรบกวนลูกค้าท่านอื่นที่มาใช้บริการ
แต่เพื่อความสะดวกหากต้องการใช้บริการส่วนนี้ทางร้านแนะนำให้จองมาก่อนล่วงหน้า หากมีเด็กทารกมาด้วยร้านก็มีฟูกนอนสำหรับเด็กเล็กบริการด้วยเช่นกัน
ใส่ใจความอร่อยจากวัตถุดิบ
แกงกะหรี่ผัดแห้งใส่ลูกเกดและปรุงรสด้วยโชยุโฮมเมด
ข้าวหน้าผักออแกนิคและเนื้อหมูท้องถิ่นจังหวัดชิบะ
คุณโยชิโนะเชื่อว่าความอร่อยไม่ได้มาจากเพียงการปรุงรส แต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โชคดีที่จังหวัดชิบะมีภูมิประเทศเหมาะสำหรับการทำเกษตร เธอจึงสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น เน้นวัตถุดิบออแกนิค จนกระทั่งน้ำที่ใช้ชงกาแฟก็จะใช้จากแหล่งน้ำที่ได้ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุด 100 แห่งในญี่ปุ่น แม้ต้องขับรถไปเมืองอื่นที่อยู่ห่างประมาณ 40 นาทีเธอก็ยินดีที่จะทำเพื่อให้กาแฟทุกถ้วยของเธอมีรสชาติออกมาดีที่สุด และเธอยังนำวัตถุดิบทั้งหลายมาแปรรูปด้วยตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโชยุ มิโซะ แยม ไซรัป ขนมปัง และคุกกี้
วาฟเฟิลแยมผลไม้โฮมเมด ใช้แป้งสาลีเกษตรอินทนรีย์
สนุกสุขครบทุกด้าน
เธออยากให้ที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง แต่อยากให้เป็นสถานที่แห่งความสนุก
โดยเริ่มจากการให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับภาชนะทำมือของเธอ ถ้วยแก้วดื่มน้ำที่มีลายแกะสลักอันเอกลักษณ์ของเธอ เมื่อลูกค้าเห็นก็อยากลองทำบ้าง เธอจึงสร้างสตูดิโอแก้วขึ้นมาทำให้ผู้มาเยือนสามารถทำแก้วใบเดียวบนโลกเป็นของที่ระลึกกลับไป
นอกจากนี้ในฤดูเก็บเกี่ยวก็มีให้ลองมาเป็นชาวสวนด้วยกัน ในอนาคตอันใกล้นี้เธออยากสร้างห้องครัวเฉพาะสำหรับทำขนมด้วย อีกทั้งอยากสร้างบ้านบนต้นไม้ไว้ให้เด็กๆ ได้ไปเล่นกัน
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หากลงมือทำ
เห็นแบบนี้จริงๆ เธอเป็นคุณแม่ลูกชายวัย 6 ขวบ ที่ยังคงมีความฝันที่จะทำอีกหลายๆ อย่าง โดยที่เธอมีความเชื่อว่า “ถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว ก็จะลงมือทำจนกว่าจะสำเร็จ” ถึงจะมีคนดูถูกว่าไปอยู่บ้านนอกจะรอดหรอ เธอคิดในใจมาเสมอว่าไม่ว่าจะบ้านนอกหรือในกรุง ถ้าตั้งเป้าจะทำอะไรแล้ว ไม่ลงมือทำมันก็ไม่รอดหรอก และร้านนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณโยชิโนะมั่นใจในความเชื่อมั่นนี้มากยิ่งขึ้น
เธอตบท้ายว่าที่นี่บรรยากาศและความสนุกจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกมาสตาร์ดต้อนรับทุกคนอยู่ในสวน ในฤดูร้อนมีเสิร์ฟน้ำแข็งใสคากิโกริดับร้อนพร้อมไซรัปโฮมเมด ส่วนฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเก็บเกาลัดเล่นกัน และจะคอยเติมฝืนจุดฮีตเตอร์ต้อนรับยามฤดูหนาว
ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 11:00 น. จนถึงช่วงเย็น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของคาเฟ่ได้ที่ https://cafe-kaiyuugyo.jp
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– ทุ่งดอกมัสตาร์ดเหลืองกินดี ถ่ายรูปสวย สารพัดประโยชน์
– Flower Studio Parterre จากร้านดอกไม้เพื่อชุมชน สู่สะใภ้ทูตดอกไม้ไทย-ญี่ปุ่น
– พลังของละครอามะจัง สู่การฟื้นฟูจังหวัดอิวาเตะที่เคยประสบภัยพิบัติ
– ใบไม้เปลี่ยนสีที่อิวาเตะ
– Sahara Glass Park : มาลองทำแก้วกันเถอะ!
#Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO