ถึงแม้ในขณะที่ลดความอ้วนอยู่ก็ตาม หลายๆ คนก็อดที่จะไม่ทานขนมไม่ได้ เพราะฉะนั้น วันนี้ขอเสนอหลักความคิดของนักโภชนาญี่ปุ่นการเกี่ยวกับการทานขนมขณะลดน้ำหนักมาฝากกัน^^
ถึงแม้ในขณะที่ลดความอ้วนอยู่ก็ตาม หลายๆ คนก็อดที่จะไม่ทานขนมไม่ได้ เพราะฉะนั้น วันนี้ขอเสนอหลักความคิดของนักโภชนาการเกี่ยวกับการทานขนมขณะลดน้ำหนักมาฝากกัน
ไม่ว่าจะเป็นทานขนมเป็นของว่าง หรือทานขนมหลังมื้ออาหาร ถ้าต้องให้อดทนไม่ทานเลยคงจะยากสำหรับหลายๆ ท่าน แต่ถ้าให้เลือกทานระหว่างทานเป็นของว่างกับทานหลังมื้ออาหารแล้วละก็ คงจะง่ายขึ้น ว่าแต่ทานแบบไหนจะทำให้อ้วนน้อยกว่ากันหล่ะ
ทานขนมตอนไหนดี
ทานหลังมื้ออาหาร
การทานอาหารตอนท้องว่างจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่าอินซูลิน ที่มีผลต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ อินซูลินยังกักตุนคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกใช้ไปเป็นพลังงานนั้นไปเป็นไขมัน
การทานขนมหรือของหวานหลังมื้ออาหาร นอกจากระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นจากมื้ออาหารแล้ว ยังได้รับเพิ่มจากของหวานที่ทานเข้าไป พลังงานส่วนเกินจากของหวานจะกลายเป็นไขมันได้ง่ายนั่นเอง
ทานเป็นของว่าง (บ่าย 2 – 4 โมงเย็น)
ถ้าในกรณีทานเป็นของว่าง หลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมงไปแล้ว น้ำตาลในเลือดได้กลับมาสู่ระดับปกติ ในเวลานั้นแม้จะทานของหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดก็ไม่เพิ่มกะทันหัน เพราะฉะนั้น การทานของหวานหลังอาหาร 2 ชั่วโมงไปแล้วนั้น เป็นวิธีการทานที่เหมาะแก่คนลดน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ดี ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทานด้วย
คำแนะนำในการทานของหวานสำหรับผู้ลดน้ำหนัก
ทานช้าๆ
พูดคุยไปทานไป พยายามเว้นระยะของเวลา ไม่ต้องรีบร้อน และทานพร้อมกับน้ำชาจะให้ความรู้สึกว่าอิ่มเร็ว
ทานของหวานดั้งเดิมดีกว่าทานของหวานตะวันตก ของหวานตะวันตกใช้วัตถุดิบทั้งครีม ทั้งเนย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่กลายเป็นไขมันง่ายทั้งสิ้น หันมาทานขนมดั้งเดิมเช่น ขนมดังโงะ ขนมมันจู จะดีกว่า หากเปรียบเทียบกับคาร์โบไฮเดรตและไขมันแล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
ทานโดยกำหนดปริมาณ เช่น แบ่งออกจากถุงใหญ่ออกใส่จาน กำหนดตัวเองว่าจะทานเท่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทานเพลินรู้ตัวอีกทีหมดถุงเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กำลังลดความอ้วน ที่พยายามหักห้ามใจตนเองไม่ทานของหวานเลยนั้น ก็ไม่ดีต่อร่างกายและอาจทำให้เกิดความเครียดอีกด้วย ดังนั้นการทานในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับของหวานนั้น ใน 1 วัน 100 กิโลแคลอรี่ เป็นปริมาณที่ไม่ถือว่าจะทำให้อ้วนได้ รู้อย่างนี้แล้วคงทำให้การลดความอ้วนของใครหลายๆ คนเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://diet.beauty.yahoo.co.jp/db/detail/249/?category=shokuji
http://www.jr-takashimaya.co.jp/blog4/c-349.html
http://aoitori-kimitsu.com/
http://ohmyomiyage.wordpress.com/2013/02/05/ichigo-daifuku/