ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นจะเริ่มราวกลางฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมจากเกาะฮอกไกโดที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นตามแถบภูเขาหรือที่ราบสูง และอุทยานแห่งชาติต่างๆ ที่อุดมไปด้วยป่าไม้…
ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นจะเริ่มราวกลางฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมจากเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นตามแถบภูเขาหรือที่ราบสูง และอุทยานแห่งชาติต่างๆ ที่อุดมไปด้วยป่าไม้ทำให้มีอากาศเย็นลงก่อนที่อื่นๆ ลงมาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Tohoku) ในราวปลายเดือนตุลาคม
ต่อไปยังภาคกลาง (Chubu) เชื่อมโยงถึงภูมิภาคคันไซ (Kansai) ที่มีเมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นเมืองหลวงเก่าที่น่าแวะชมเอกลักษณ์ญี่ปุ่นที่ยังคงมีให้เห็นตามวัดหรือศาลเจ้า และสวนป่าใกล้เมือง อีกทั้งเมืองโอซาก้า (Osaka) ที่เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สามารถต่อไปยังภาคตะวันตก (ภูมิภาค Chugoku) บนเกาะฮอนชู ที่ซึ่งมีเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) รวมถึงเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) ที่มีศาลเจ้ามรดกโลก ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลในเซโต (Seto Inland Sea) คอยต้อนรับผู้มาเยือนยามฤดูใบไม้ร่วงอย่างสมบูรณ์แบบและสวยสดงดงามกว่าที่อื่นๆ
และในราวต้นเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนจะยังได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยสดเต็มที่บนเกาะฮอนชูจรดภาคใต้ที่เกาะคิวชูอีกด้วย
ฉะนั้น จะนำท่านไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอันเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนอกเมืองโอซาก้า และเมืองเกียวโตที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก และต่อด้วยเมืองฮิโรชิม่า ทางตะวันตกของเมืองโอซาก้ากันนะคะ
สถานที่ชมใบไม้แดงใกล้เมืองโอซาก้าเป็นเส้นทางป่าไม้นานาพรรณที่มีทางเดินธรรมชาติไปสู่ น้ำตกมิโน (Minoo Waterfall) ระหว่างทางจะมีร้านค้าขายของกินที่ทำจากใบโมมิจิ (Momiji) หรือใบเมเปิ้ล (Maple) ทอดให้ชิม อย่างเพลิดเพลินตลอดทาง
การเดินทาง ด้วยตนเองทำให้โดย วันแรกเริ่มต้นที่สถานี Umeda ในเมืองโอซาก้า โดยสารรถไฟเอกชนสาย Hankyu Takarazuka เที่ยว 9 โมงเช้า ไปลงที่สถานี Ishibashi ใช้เวลา 20 นาที ค่ารถไฟ เพียง 250 เยน จากนั้นต่อรถไฟเอกชนสาย Minoo อีกเพียง 10 นาที ไปลงที่สถานีปลายทางที่ชื่อ Minoo รวมเวลาการเดินทางเพียงครึ่งช.ม. เสียค่ารถเพียง 400 เยน ก็สามารถเพลิดเพลินกับป่าไม้ธรรมชาติที่กระทัดรัดไม่ไกลเมืองนัก
วันที่สอง เยือนเกาะ Miyajima เพื่อสักการะศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ชื่อศาลเจ้า Itsukushima ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมกับชมธรรมชาติอันสดสวยของใบไม้แดงที่หุบเขาโมมิหยิ (Momijidani) โดยนั่งรถไฟด่วนพิเศษสาย Sanyo Shinkansen จากสถานี Shin-Osaka เที่ยวเช้าที่สุดประมาณ 6 โมงเช้า ถึงสถานี Hiroshima ใช้เวลา 1.30 ช.ม. ค่าโดยสาร เที่ยวเดียว 9,950 เยน
(ถ้าต้องการประหยัดค่ารถไฟควรจะซื้อบัตร JR Sanyo Pass ราคา 20,000 เยนที่ใช้ได้ภายใน 7 วัน เพราะสามารถใช้กับเรือ JR Ferry ข้ามฟากจากท่าเรือใกล้สถานี Miyajimaguchi ขึ้นเกาะ Miyajima และรวมถึงรถไฟด่วนสาย JR Haruka จากสนามบินคันไซเข้าเมืองโอซาก้า และรถไฟฟ้า JR รอบเมืองโอซาก้าด้วย)
เมื่อถึงสถานี Hiroshima แล้ว ต้องต่อรถสาย JR Sanyo อีก 30 นาที ไปลงที่สถานีปลายทาง Miyajimaguchi แล้วเดินไปที่ท่าเรือ JR Ferry เพื่อโดยสารเรือ ข้ามทะเลในเซโต 10 นาที ไปขึ้นที่เกาะ จากนั้นก็เดินเล่นเลียบชายทะเลไป ระหว่างทางอาจจะมีกวางเชื่องๆ เดินเข้ามาขออาหาร
เนื่องจากที่นี่มีชื่อเสียงในการชมเมเปิ้ลในหมู่ชาวญี่ปุ่นด้วย จึงมีที่พักแรมแบบญี่ปุ่นหรือเรียวกัง (Ryokan) ชั้นดีมากมายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่จะแวะเวียนมาทุกฤดูกาลตลอดปี อีกทั้งร้านขนมไข่เมเปิ้ลและร้านขายของที่ระลึกเรียงรายตลอดแนวทางจนถึงประตูขายบัตรเข้าศาลเจ้า ก็ซื้อบัตรเข้าเดินชมอาคารศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในทะเลจนถึงสุดทาง จะเดินเที่ยวต่อไปยังด้านหลังของศาลเจ้าซึ่งเป็นบริเวณใกล้หุบเขา Momijidani หรือ หุบเขาใบเมเปิ้ล ก็ได้ ท่านจะเพลิดเพลินเจริญตากับทิวทัศน์สดสวยรอบทิศที่สมบูรณ์ทั้งทะเลด้านหน้าและหุบเขาแดง ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงที่น่าประทับใจมิรู้ลืม
ที่ท้ายเกาะยังมีบริการรถรับส่งฟรี ไปสถานีกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปชมทิวทัศน์ทะเลในเซโต Seto Inland Sea นะคะ นับเป็นอีกหนึ่งวันเดินทาง ถ้าออกแต่เช้าจะแวะเที่ยวเมืองฮิโรชิม่าตอนขากลับก่อนเข้าที่พักเมืองโอซาก้าได้ด้วย
สำหรับเมืองเกียวโตจะชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ตามนอกเมืองที่ Sagano เป็นเส้นทางป่าเขาธรรมชาติล้วนๆ
การเดินทางเริ่มจากสถานีเกียวโตใช้เส้นทางรถไฟสาย JR Sanin Sagano ไปประมาณ 15 นาทีจนสุดสายที่สถานี Saga Arashiyama แล้วต่อรถไฟสายโรแมนติก Sagano ไปลงสุดสาย
ตลอดเส้นทางที่นั่งรถผ่านจะได้เห็นป่าไม้หลากสีงดงามตามสองข้างทางอย่างเต็มตารอบทิศจากบนรถไฟขณะที่แล่นไปเรื่อยๆ
เว็บไซต์ : http://www.sagano-kanko.co.jp/
อีกแห่งหนึ่งเป็นป่าเขาทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโตที่เรียกว่า Arashiyama ซึ่งมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติได้ทั้งทางเนินเขาหรือล่องเรือเลียบสายน้ำชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่างเพลิดเพลินตลอดวันเพราะยังมีวัด Tenryuji ที่มีสวนหินสวย และพิพิธภัณฑ์ที่น่าไปเยือนด้วย
การเดินทางไปโดยรถเมล์สาย 71,72,73 จากต้นสายหน้าสถานีเกียวโต ถึงสุดสายที่ Arashiyama จากนั้นลงเดินเล่นชมธรรมชาติสองข้างทางเดินอย่างอิสระสบายใจแบบไทยๆ ได้นะคะ
หากได้แวะเที่ยวคันไซในช่วงเดือนพฤศจิกายน อย่าพลาดโอกาสอันงดงามแห่งฤดูใบไม้ร่วงของภูมิภาคดังกล่าวมาแล้วค่ะ เพราะใบเมเปิ้ลของญี่ปุ่นงามที่สุด ยามเมื่อเปลี่ยนสีเป็นแดงบ้าง เหลืองบ้าง สวยประดุจดาวหลากสีที่ประดับท้องฟ้ายามทิวากาล เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไป จะเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมเชียวนะคะ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– วันหยุดราชการญี่ปุ่น
– เงินเยน (Yen) รู้จักกันไว้ก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น
– Onsen สัมผัสไออุ่นแห่งน้ำพุร้อนญี่ปุ่น
– Ghibli Museum โดย Studio Ghibli
– มองมรดกโลกญี่ปุ่น
#ใบไม้เปลี่ยนสี