ในตอนที่แล้วมีเกริ่นไว้ว่าเมือง Ibusuki จังหวัดคาโกชิม่านั้น นับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น บอกไปแล้วอาจจะคิดว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า เช้านี้ก็เลยขอไปเยี่ยมชม Tamatebako onsen ที่ได้รับการโหวตจากผู้ใช้ Trip Advisor ให้เป็นออนเซ็นแบบไม่มีที่พัก และในส่วนของออนเซ็นกลางแจ้งที่ดีที่สุด 4 ปีซ้อน
ในตอนที่แล้วมีเกริ่นไว้ว่าเมือง Ibusuki จังหวัดคาโกชิม่านั้น นับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
บอกไปแล้วอาจจะคิดว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า เช้านี้ก็เลยขอไปเยี่ยมชม Tamatebako onsen ที่ได้รับการโหวตจากผู้ใช้ Trip Advisor ให้เป็นออนเซ็นแบบไม่มีที่พัก และในส่วนของออนเซ็นกลางแจ้งที่ดีที่สุด 4 ปีซ้อน
Tamatebako onsen นั้นตั้งอยู่ริมทะเล ในส่วนของออนเซ็นแบบกลางแจ้งจะมีบ่อแยกชาย-หญิง ซึ่งจะมีวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกัน
ออนเซ็นฝั่งผู้หญิง มี Kaimondake เป็นฉากหลัง
ออนเซ็นฝั่งผู้ชาย ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
ภูเขา Snoopy ที่เห็นเมื่อวานอยู่ข้างๆ นี่เอง
บริเวณใกล้ๆ กับ Tamatebako onsen มีจุดให้อบทรายร้อนริมทะเลอีกแห่งหนึ่ง ไหนๆ มาแล้วก็แวะลงไปดูสักหน่อย
สถานที่อาจจะดูเล็กกว่า Sunamushi Onsen แต่ได้บรรยากาศบ้านๆ ดี
อบทรายร้อนที่นี่บรรยากาศจะให้อารมณ์แบบบ้านๆ ลงไปอีก วันนี้ไม่ได้ลงเป็นอบดูแต่จากที่ลองเอามือสัมผัสดู รู้สึกได้ว่าทรายบริเวณนี้จะร้อนกว่าเมื่อวาน บริเวณชายหาดด้านนอกสวยเลยทีเดียว แทบไม่ค่อยมีสิ่งปลูกสร้างมาบดบังธรรมชาติมาก
บนหาดทรายบางจุดสามารถเห็นน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาบนพื้นทราย บางจุดก็มีน้ำพุร้อนไหลลงมาจากยอดเขา ไหลลงมาเป็นน้ำตกน้ำพุร้อน เป็นเครื่องการันตีได้ว่าบริเวณนี้มีน้ำพุร้อนอยู่ใต้ดินเป็นจำนวนมากจริงๆ
น้ำพุร้อนไหลลงมาเป็นทาง
ที่โผล่ขึ้นมาจากผืนทรายก็มีให้เห็นเป็นระยะๆ
ปิดท้ายด้วยจอมขโมยซีน Kaimondake
ในเมืองที่ดูเหมือนห่างไกลจากผู้คน ก็มักจะได้พบกับสถานที่ที่ชาวบ้านเชื่อถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในท้องถิ่น ในเมือง Ibusuki เองก็เช่นกัน มีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่ได้รับความนับถือจากผู้คนมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่า Hirakiki Shrine เป็นศาลเจ้าที่อยู่บริเวณพื้นราบด้านล่างของภูเขา Kaimondake ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.708 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับความเคารพนับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการประมงและช่วยคุ้มครองความปลอดภัยจากการเดินทางทางน้ำ
ศาลเจ้าถึงแม้จะดูเล็กแต่ก็สง่างามถูกแต่งเติมด้วยสีแดงสดตัดกับบรรยกาศรอบๆ ศาลเจ้าที่เต็มไปด้วยหลากไม้สีเขียว ศาลเจ้าแห่งนี้จะถูกยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย
จาก Hikakiki Shrine เราเดินทางกันต่อไปยังทะเลสาบ Ikeda ซึ่งช่วงนี้ (เดือนมกราคม) เป็นช่วงที่ดอก Nanohana กำลังบานเต็มที่
ทะเลสาบ Ikeda นี้เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของเกาะคิวชู แถมมีเรื่องเล่าว่าเมื่อวันที่ 3 กันยายน 1978 มีคนพบสัตว์ประหลาดหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์อยู่ในทะเลสาบนี้ แถมไม่ได้เห็นแค่คนเดียว ตามข่าวแจ้งว่ามีคนกว่า 20 คนได้เห็นเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ซึ่งภายหลังได้มีการตั้งชื่อว่า “Issie” ก็เลยกลายเป็นข่าวดังในยุคสมัยโน้น ถึงแม้ไม่มีการยืนยันว่าสัตว์ประหลาดที่ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แต่ที่ทะเลสาบ Ikeda ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้า “Issie” ไว้เพื่อเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
Issie ที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเป็นแค่เรื่องเล่า
ทะลสาบ Ikeda ในช่วงที่ดอก Nanohana สีเหลืองสดบานเต็มทุ่งรอบทะเลสาบแบบนี้ แน่ใจได้ว่าใครเห็นก็ต้องรีบคว้ากล้องออกมาหามุมเก็บภาพความประทับใจนี้ติดตัวกลับบ้านกันทุกคนเป็นแน่
ดอก Nanohana ริมทะเลสาบ Ikeda และของมันต้องมี Kaimondake
ความรู้ใหม่อย่างหนึ่งที่ได้รู้จากการมาคาโกชิม่าในครั้งนี้ คือคาโกชิม่าเป็นแหล่งผลิตชาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุน ทำให้คาโกชิม่ามีการวิจัยปรับปรุงคุณภาพชาให้มีรสชาติที่กลมกล่อม และมีกลิ่นที่หอม
Hatanosato Midorikan
พอจะมีเวลาอยู่บ้างเราจึงได้มีโอกาสเข้าไปชมกระบวนการการผลิตชาเขียว Hatanosato Midorikan ถึงแม้จะมีเวลาอยู่ไม่มากแต่ก็ได้ทดลองนวดใบชาด้วยมือ ซึ่งเป็นวิธีการในแบบโบราณของญี่ปุ่น และแน่นอนก็ได้ชิม Chiran cha ชาเขียวที่มีแหล่งเพาะปลูกอยู่ในจังหวัดคาโกชิม่า
นวดไปกลิ่นชาก็หอมฟุ้งขึ้นมา
เรียบร้อยเกือบพร้อมดื่ม
ดื่มชาเขียวเลี้ยงน้ำย่อยกันแล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน ร้านที่ไปฝากท้องเที่ยงนี้คืนร้าน SatS ร้านบุฟเฟ่ท์เล็กๆ ที่เน้นการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นเป็นหลัก ถึงร้านจะเล็กมีที่นั่งให้บริการได้ประมาณ 20 คน แต่ก็มีอาหารให้เลือกที่หลากหลาย ที่สำคัญรสชาติแบบตักแล้วต้องวนไปตั้งซ้ำ
อิ่มแล้วอย่างเพิ่งรีบจ่ายเงินกลับ แวะไปถ่ายรูปหลังร้านสักนิด ถึงตัวร้านพื้นที่จะคับแคบแต่วิวด้านหลังร้านใหญ่โตมาก
สวนกระถางเล็กๆ หลังร้าน
เอ่อ….ไปที่ไหนก็เจอ Kaimondake
เติมกำลังแล้วก็ได้เวลาเดินเที่ยวกันต่อที่หมู่บ้านซามูไรแห่งเมืองชิรัน ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “เกียวโตน้อยแห่งซัทสึมะ”
หมู่บ้านซามูไรแห่งเมืองชิรันนี้ ได้ถูกประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ที่สำคัญ จุดเด่นของหมู่บ้านซามูไรแห่งเมืองชิรันนี้ คือสวนทั้ง 7 ที่ถูกสร้างให้ล้อกับธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งการสร้างภูเขาขนาดย่อมๆ การใช้ทรายเพื่อแทนผืนแผ่นน้ำ ไว้เป็นจุดชมทัศนียภาพของผู้พักอาศัยในสมัยก่อน
มาญี่ปุ่นในช่วงต้นปีแบบนี้ก็คงพลาดไม่ได้ที่จะต้องหาโอกาสไปลองชิมสตรอเบอร์รี่สดๆ จากฟาร์ม วันนี้เราไปกันที่ Maeda Strawberry Farm ที่ฟาร์มแห่งนี้นอกจากเราจะสามารถเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้นทานกันแล้ว ยังมีกิจกรรมให้เราได้ลองทำโมจิไส้สตรอเบอร์รี่ทานกันเองด้วย
สตรอเบอร์รี่ที่เอามาใช้ทำไส้ขนมโมจิจะใช้ลูกเล็กหน่อยห่อด้วยถั่วแดงก่อนและตามด้วยแป้งโมจิ
มือสมัครเล่นหน้าตาก็จะเป็นประมาณนี้ แต่รสชาติไม่สมัครเล่นนะ
คืนนี้เรามาพักกันที่ Ryokan Matsuya ในเมือง Minamisatsuma
ผ่านมาแล้วครึ่งทางกับเส้นทางใต้สุดของเกาะคิวชู ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกหลายอย่างรออยู่ พบกันตอนหน้าครับ
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวคาโกชิม่า : เยือน Ibusuki ใต้สุดแดนญี่ปุ่น
– เที่ยวคาโกชิม่า : ลึกแต่ไม่ลับกับญี่ปุ่นแดนใต้ ตอนที่ 1
– เที่ยวคาโกชิม่า : ลึกแต่ไม่ลับกับญี่ปุ่นแดนใต้ ตอนที่ 2
#เที่ยวคาโกชิม่า #Ibusuki #Kyushu