สองสามปีที่แล้วเคยไปที่โยโกฮาม่า เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับ Yokohama Ramen Museum คราวนั้นต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีรถไฟ Shin-Yokohama
นั่งอยู่บ้านหิวๆ ก็หยิบซองบะหมี่สำเร็จรูปไปต้มกินอย่างอัตโนมัติ…
มันก็อร่อยอยู่หรอก แต่ถ้าได้ราเมงร้อนๆ รสชาติเยี่ยม สูตรต้นตำรับมาแทนชามบะหมี่ตรงหน้าละก็ คงจะสุดยอดเลย…
สองสามปีที่แล้วเคยไปที่โยโกฮาม่า เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับ Yokohama Ramen Museum คราวนั้นต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีรถไฟ Shin-Yokohama (ถ้าสถานีไหนมีคำว่า Shin อยู่ข้างหน้า เดาง่ายๆ ว่าเป็นสถานีใหม่ เช่นที่โอซาก้า ก็มีสถานีชื่อว่า Shin-Osaka ด้วยจ้ะ ซึ่งสถานี Shin- นี้มักรองรับ Shinkansen ได้) ไหนๆ ก็ไปแล้ว ก็เลยเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ราเมงซะหน่อย ครั้งแรกซะด้วย จะหาเจอมั้ยนะ จะใหญ่หรือเปล่า จะอร่อยหรือเปล่านะ ระหว่างเดินก็เริ่มคิดเยอะ…
สรุปว่าเดินติ๊ดเดียวเอง ไปอีกกี่ที ก็ยังรู้สึกว่าจากสถานีมา สามารถเดินได้ ไม่หงุดหงิดหัวใจอะไร
พอจ่ายค่าเข้าพิพิธภัณฑ์แล้วเดินเข้าไป ด้านหน้าก็จะเป็นเหมือนร้านขายของที่ระลึกทั่วๆ ไป แต่ของที่จำหน่ายก็เป็นจำพวกราเมงและของที่ระลึกที่เกี่ยวกับราเมงเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่กว้างพอควร เดินได้นานทีเดียว แถมยังมีมุมนิทรรศการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับราเมงด้วย
ตอนลงไปชั้นล่างนี่สิ ครั้งแรกที่เห็นรู้สึกตื่นเต้น (เป็นครั้งแรกๆ ที่ไปญี่ปุ่น ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้ราว หรือแนวที่คนญี่ปุ่นเขาออกแบบตกแต่งร้านค้าหรือสินค้าสักเท่าไร) ด้านล่างเนี่ยะ เหมือนคนละโลก เขาออกแบบเป็นธีมของบ้านเรือนสมัยโชวะ ที่เหมือนกับเป็นย่านขายราเมง บรรยากาศเป็นแบบ Outdoor บนเพดานจึงมีการเพ้นท์ลายเป็นท้องฟ้าด้วย
ซึ่งที่จริงภายในนี้แบ่งเป็นสองชั้น ร้านราเมงจึงกระจายไปตามมุมต่างๆ ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แม้จะมีร้านไม่เยอะแยะอะไร แต่ก็ทำให้เห็นวิธีการที่เขาอยากจะนำเสนอ การจัดวาง แนวคิด ส่วนตัวแล้วคิดว่ามาไม่เสียเที่ยว…
พิพิธภัณฑ์ราเมงแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โดยนาย Yoji Iwaoka เขาอยากให้ที่นี่กลายเป็นจุดดึงดูดผู้คนให้มาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนเขา เพราะเขาเกิดและเติบโตในย่านนี้
เขานำเสนอราเมงร้านเด็ดจากเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นให้กับผู้มาเยือน วิธีการนำเสนอก็แทบจะเรียกได้ว่ายกร้านกันมาไว้ภายในพิพิธภัณฑ์เลย ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 จากเมืองต่างๆ ดังนี้
Ryu Shanghai Honten จากจังหวัด Yamagata
เอกลักษณ์คือ Miso Soup โดยใช้ส่วนผสมของไก่ หมู อาหารทะเล และขิง เป็นหลัก
Casa Luca
เอกลักษณ์คือ Tonkotsu Soup ซุปกระดูกหมูสีขาว ราเม็งที่มาพร้อมกับสไตล์มิลาโน่ (อิตาลี)
Ganso Najima-tei จากเกาะคิวชู
เอกลักษณ์คือ Tonkotsu Soup เหมือนกันค่ะ
Muku Zweite จากเกาะคิวชู
เอกลักษณ์คือ Tonkotsu Soup กับ Shoyu Soup เจ้านี้เป็นราเม็งสไตล์ผสมผสานอิตาเลี่ยนและฝรั่งเศส
Komurasaki จากจังหวัด Kumamoto
เอกลักษณ์คือ Tonkotsu Soup โดยใช้ส่วนผสมของไก่ หมู กระเทียม และขิง เป็นหลัก
Sumire
เอกลักษณ์คือ Miso Soup สไตล์ฮอกไกโดค่ะ
Shinasabaya จากจังหวัด Kanagawa
เอกลักษณ์คือ Shio Soup และ Shoyu Soup โดยใช้ส่วนผสมของไก่ หมู อาหารทะเล กระเทียม และขิง เป็นหลัก
Nidai-me Genkotsu-ya
เอกลักษณ์คือ Shio Soup และ Shoyu Soup เน้นเรื่องน้ำซุปสีทองสดใสที่เรียกว่า Genkotsu Ramen
ขอออกตัวนิดนึงก่อนว่าเป็นคนกินอาหารประเภทเส้นไม่ได้มาก ราเมงอร่อยๆ น่ะชอบ แต่กินเยอะๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
แถมยังเกรงใจคนทำด้วย คนญี่ปุ่นนะ..เขาตั้งใจทำในสิ่งที่เขาต้องทำกันมากๆ ถ้าเรากินราเมงของเขาไม่หมด เขาก็อาจจะรู้สึกไม่ดี ประมาณว่าของเขาไม่อร่อยรึไง เราเลยมักไม่ค่อยกินราเมงบ่อยนัก เพราะอร่อยยังไงก็กินไม่ค่อยหมด T_T
แต่สำหรับใครที่มาถึงพิพิธภัณฑ์ราเมงแล้ว อยากลองหลายๆ ร้าน ที่นี่เขามีบริการแบบชามเล็กด้วยจ้ะ สำหรับเราชามเล็กชามเดียว อิ่มไปถึงเย็นแล้ว..น่าเสียดายเหมือนกัน
คราวหน้าจะเอาเรื่องราวเกี่ยวกับ Asahikawa Ramen Village มาฝากกันบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้คนไทยเริ่มเที่ยวฮอกไกโดกันเยอะแล้ว ที่นี่เขาก็รวมร้านราเมงไว้หลายร้านเหมือนกันนะ^^
พิพิธภัณฑ์ราเมง (Yokohama Ramen Museum)
ตั้งอยู่ใกล้สถานี Shin-Yokohama (ถ้าดูในเวปไซต์จะมีรูปบอกเส้นทางการเดินด้วยนะ)
เปิดตั้งแต่ 11.00 น. – 22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดตั้งแต่ 10.30 น. และปิดให้บริการเฉพาะช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม 310 เยน ส่วนเด็กและผู้สูงอายุ 100 เยน
ผ่านไป ผ่านมาเที่ยวเมืองโยโกฮาม่า ก็อย่าลืมแวะไปนะจ้ะ^^
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– ฤดูร้อนญี่ปุ่น : Japan Summer
– เที่ยวโตเกียว : Tokyo Disney Hotels & Facilities
– เที่ยวโตเกียว : ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)
– Toyama ดินแดนแห่งภูเขาสูงทะเลสวย
– เที่ยวอาโอโมริ : Aomori Nebuta Matsuri
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
– www.raumen.co.jp
– www.kanagawa-kankou.or.jp
#Yokohama Ramen Museum