จังหวัดอิวาเตะ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่เพียบ ดังแบบเงียบๆ แต่เก๋นะค๊าาาาา ครั้งนี้ขอหยิบไฮไลท์มาแนะนำกันบางส่วนละกันนะ มาดูกันเลย
จ. อิวาเตะ (Iwate Prefecture) เป็นจังหวัด จังหวัดหนึ่งในภูมิภาคโทโฮขุ (ภาคอีสาน) ของญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนก็อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน …แต่เพิ่งมารู้จักกับจังหวัดนี้เอาก็ตอนที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ตามมาด้วยคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อเดือนมีนาคม 2011 นั่นแหล่ะ ก็โดนเต็มๆ ซะขนาดนั้น นอกจากความเสียหายจะเยอะแล้ว ข่าวคราวเกี่ยวกับภูมิภาคนี้ก็เลยเยอะ ชื่อจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบก็เลยเริ่มติดหูชาวต่างชาติกันขึ้นมานั่นเอง
แต่อันที่จริงแล้วจังหวัดอิวาเตะเขาก็มีดีของเขาอยู่แล้วนะ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเพียบ ดังแบบเงียบๆ แต่เก๋นะค๊าาาาา ครั้งนี้ขอหยิบไฮไลท์มาแนะนำกันบางส่วนละกันนะ มาดูกันเลย
วัดจูซอนจิ (Chusonji)
ไปทำอะไร … ตอบ!
ไปดูมรดกโลกอ่ะสิ!
จูซอนจินั้นก่อตั้งขึ้นมานานมากแล้ว ตั้งแต่ปี 850 โน่นแน่ะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายเช่นเดียวกับวัดเก่าแก่ทั้งหลายในญี่ปุ่น ทั้งสงคราม บูรณะใหม่ ทั้งไฟไหม้ แล้วก็บูรณะอีก แต่ปัจจุบันก็ยังมีสิ่งที่ได้รับการบันทึกให้เป็น “สมบัติชาติ” ทั้ง National Treasures และ Important Cultural Properties เหลือรอดอยู่อีกกว่า 3,000 ชิ้น ไม่รู้เขาทำได้อย่างไร เก็บยังไงให้อยู่น๊าาาา เรื่องนี้น่าสอดรู้สอดเห็นมาก
ที่นี่ถือเป็นวัดในนิกาย Tendai ที่มีความสำคัญที่สุดในภูมิภาคโทโฮขุเลยทีเดียว และจุดที่ไม่ควรพลาดในจูซอนจิก็มีอาทิ Konjikido Golden Hall (มาจูซอนจิทั้งทีก็ควรไปดูนะ) เป็นวิหารย่อยที่ใช้ในการประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ (Amida Nyorai หรือ The Buddha of Infinite Light) แค่ชื่อก็คงรู้แล้วว่าวิหารแห่งนี้ประดับประดาด้วยทองคำเปลวทั้งหลัง ทั้งด้านในและด้านนอก อลังการและดูขลังมาก พูดเลย! นอกจากนี้ก็ควรไปที่ Moon Viewing Slope (Tsukimizaka Slope) เป็นทางเดินกว้างขวางที่สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งถูกปลูกเมื่อ 300 – 400 ปีก่อน ลองจินตนาการความใหญ่โตของต้นไม้กันดูเอาละกัน และจุดสำคัญเมื่อมาวัด ก็ต้องเป็นวิหารใหญ่ ที่ Hondo Main Hall นี้ ไปกราบไหว้และขอพรกันจ้ะ ที่สำคัญเมื่อปี 2011 จูซอนจิยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางวัฒนธรรม “The Cultural Heritage of Hiraizumi” อีกด้วย ไปดูกันสักครั้ง ว่าสมบูรณ์แค่ไหน ดีงามแค่ไหนจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
Chusonji
เปิด : 1 ม.ค. – 3 พ.ย. (08.30 – 17.00 น.)
4 พ.ย. – สิ้นเดือนก.พ. (08.30 – 16.30 น.)
ค่าเข้า : 800 เยน (ผู้ใหญ่), 500 เยน (เด็กนักเรียน) *ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้าชมส่วนไหนด้วยนะ
การเดินทาง : สถานี Hiraizumi (นั่ง Tohoku Shinkansen จากโตเกียวมาลงที่สถานี Ichinoseki จะใช้เวลาประมาณ 2.10 ช.ม. จากนั้นต่อรถไฟ JR Tohoku Main Line มายังสถานี Hiraizumi อีกประมาณ 8 นาที) และจากสถานีจะเช่ารถจักรยานเที่ยวก็ได้ ราคาก็มีให้เลือกหลากหลายตามระยะเวลาที่เราต้องการ หรือจะเช่าทั้งวันก็ประมาณ 1,000 เยนเท่านั้น) นอกจากนี้ยังมีบริการ Taxi Tours เหมาได้ 5,000 เยน/ช.ม. หรือรถตู้ก็ 8,060 เยน/ช.ม. หรือจะเลือกใช้บริการ Loop Bus ก็เที่ยวละ 140 เยน(ราคาผู้ใหญ่)
เว็บไซต์ : http://www.chusonji.or.jp/en/index.html
โตรกธารเกบิเค (Geibikei Gorge)
ไปทำอะไร … ตอบ!
ไปล่องเรือ! ดูความงามของธรรมชาติบ้างเหอะ 😉
สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาให้ความสำคัญกับธรรมชาติค่อนข้างมาก ยิ่งใครใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่เป็นหลักล่ะก็ พอออกนอกเมืองมาเจอธรรมชาติ แค่นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้อง “Sugoi!” ที่แปลว่า “สุดยอด” กันละ แล้วอย่างเกบิเคนี่ล่ะ …บอกเลยว่า ณ จุดนี้ ไม่ใช่ความงามธรรมชาติแบบพื้นๆ …มันสวยมาก!! โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนะ การล่องเรือที่ให้อารมณ์แบบญี่ปุ่นย้อนยุค ผ่านหุบเขาที่เต็มไปด้วยหน้าผาหินรูปร่างแปลกตา ซึ่งแซมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยหลากสี เขียว เหลือง ส้ม แดง จัดมาเต็มมากในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี … ใครปล่อยอารมณ์ดีๆ ขึ้นจากเรือมานี่ อาจจะเขียนกาพย์กลอนกันได้เลยทีเดียว ฮะ ฮะ
ที่นี่อยู่ทางตะวันออก นอกเมือง Hiraizumi กิจกรรมยอดฮิตแน่นอนว่าคือการล่องเรือไปตามลำน้ำ ใช้เวลาประมาณ 90 นาที (รวมเวลาที่เขาจะปล่อยให้เราแวะเดินเที่ยวบนฝั่งประมาณครึ่งช.ม.) คนแจวเรือก็จะบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น อธิบายโน่นนี่ ใครไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็ต้องทำการบ้านหน่อย จะได้ดูโขดหินมุมโน้น มุมนี้ได้อย่างเข้าใจขึ้น แต่เพลงพื้นบ้านที่คนแจวเรือมักจะร้องให้ฟังสร้างความบันเทิงนี่เชื่อว่าทุกคนคนฟังกันได้อย่างเพลิดเพลิน
เอาเป็นว่าไปเหอะ! ที่เกบิเคนี่งามจ้า…
Geibikei Gorge
เปิด : เม.ย. – ส.ค. (08.30 – 16.30 น.)
ก.ย. – ต้นพ.ย. (08.30 – 16.00 น.)
กลางเดือนพ.ย. (08.30 – 15.30 น.)
ปลายพ.ย. – กลางมี.ค. (09.30 – 15.00 น.)
ปลายมี.ค. (09.30 – 15.30 น.)
ค่าเรือ : 1,600 เยน (ผู้ใหญ่), 860 เยน (เด็กประถม)
การเดินทาง : สถานี Ichinoseki (นั่ง Tohoku Shinkansen จากโตเกียวมาลงที่สถานี Ichinoseki จะใช้เวลาประมาณ 2.10 น.) ต่อรถไฟสาย Ofunato Line จากสถานี Ichinoseki ประมาณครึ่งช.ม. ลงที่สถานี Geibi-kei แล้วเดินทางประมาณ 5 นาทีก็ถืง หรือจะนั่ง Iwate-ken Kotsu Bus (ช.ม. ละคัน) จากสถานี Ichinoseki มาก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยลงที่ป้าย Geibi-kei-guchi แต่ถ้านั่งรถเมล์จากสถานี Hiraizumi มาก็จะสะดวกที่สุด (ต่อสาย JR Tohoku Main Line จากสถานี Ichinoseki มาลงสถานี Hiraizumi แค่แป๊บเดียว) แล้วนั่งรถเมล์ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น แต่ก็ดูรถเที่ยวกลับไว้ด้วยนะ รถเมล์ไม่ได้มาถี่ คือมีเที่ยวรถไม่เยอะนัก
เว็บไซต์ :
http://www.geibikei.co.jp/wp-content/uploads/2014/04/guidance06.pdf (ภาษาอังกฤษ)
http://www.geibikei.co.jp/wp-content/uploads/2015/10/guidance10.pdf (ภาษาไทย)
http://www.geibikei.co.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
ศูนย์อามะแห่งชายฝั่งโคโซเดะ (Kosode Ama Center)
ไปทำอะไร … ตอบ!
ไปดูสาวเก็บหอย…
*ใครจะมาเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ ถ้าไม่รู้จักละครเรื่อง Amachan ถือว่าเชยพอควร ดูกันซะก่อนจะเดินทาง เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง! เจ๊ะ เจ๊ะ เจ๊ะ (ภาษาถิ่นแถบนี้ เป็นเสียงแสดงอาการตกใจ อยากรู้ก็อ่านกันได้ที่นี่ >>เจ๊ะ เจ๊ะ เจ๊ะ คำอุทานสุดฮิปของอามะจัง ที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับสังคม)
จังหวัดอิวาเตะมีอาณาบริเวณกว่าครึ่งที่ติดกับทะเล ซึ่งกระแสน้ำในแถบโทโฮขุนี้ก็เอื้อให้มีทรัพยากรทางทะเลที่มีคุณภาพที่มากมาย และหลากหลาย สำหรับจังหวัดอิวาเตะแล้ว อาหารทะเลที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษก็คือหอยเป๋าฮื้อ (อะวะบิ) และหอยเม่น (อุนิ) ซึ่งอิวาเตะถือเป็นแหล่งอุนิที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ส่วนแหล่งใหญ่ก็คือเกาะฮอกไกโดที่อยู่ถัดจากภูมิภาคโทโฮขุขึ้นไปทางตอนเหนือนั่นเอง
ที่เกริ่นมาซะขนาดนี้ก็เพราะที่ชายฝั่ง Kosode ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Rikuchi Kaigan บริเวณอ่าว Kuji (เมืองคุจิ) จะมีจุดแสดงการดำน้ำของสาวอามะ (Ama) ซึ่งเป็นนักดำน้ำท้องถิ่นที่มีอาชีพงมหอยเม่น (แล้วก็หอยเป๋าฮื้อด้วยนะ) โดยที่เป็นการดำน้ำโดยไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ (free diving) โดยอามะที่ Kosode เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “สาวอามะทางเหนือสุด” หรือ “Norhternmost Ama” คือประมาณว่าแถบนี้คือเหนือสุดของญี่ปุ่นแล้วที่สามารถดำน้ำแบบ free diving เพื่อเลี้ยงชีพได้
Ama เป็นอาชีพดั้งเดิมที่แม้ปัจจุบันจะกลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะมีการโชว์ดำน้ำให้นักท่องเที่ยวดูในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนที่ Kosode Ama Center แต่ก็ยังมีสาวอามะที่ยังงมหอยเม่นขึ้นมาจำหน่ายเพื่อเลี้ยงชีพอยู่นะ พวกเธอจะดำน้ำที่มีความลึกเฉลี่ยกว่า 10 เมตร ดำลงไปแต่ละครั้งก็เก็บหอยเม่นได้ราวๆ 10 ตัว น้ำแถบนี้ก็เย้น เย็น! ยังไงก็อย่าลืมไปอุดหนุนความเพียรพยายามของพวกเธอกันล่ะ
แล้วในวันอาทิตย์ของเดือนสิงหาคม ปกติแล้วที่เมืองคุจิจะมีเทศกาลฉลองสำหรับอามะด้วย ชื่องานว่า “The Northernmost Ama Festival” จัดที่บริเวณท่าเรือ Kosode Fising Post ในงานแน่นอนว่าเราจะได้ดูโชว์การดำน้ำของสาวอามะ ไปชิมหอยเชลล์ย่างร้อนๆ ซื้ออาหารอะไรสดๆ กันได้อย่างสนุกสนาน แล้วในงานก็ยังมีการแข่งขันดำน้ำงมหอยเม่น และการแสดงพื้นเมืองอีกด้วย ใครชอบเทศกาลแบบพื้นบ้าน ในบรรยากาศเป็นกันเอง ก็ไปกันได้
สำหรับใครที่ต้องการไปชมสาวอามะดำน้ำที่ Kosode Ama Center (ก.ค. – ก.ย.) เขาก็มีโชว์ให้ดูกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น. มีค่าเข้าชม 500 เยนเท่านั้น (แต่วันธรรมดาต้องจองก่อนนะ ติดต่อที่ Kuji City Commerce and Tourism Division ได้เลย)
Kosode Ama Center
เปิด : ก.ค. – ก.ย. (โชว์การดำน้ำงมหอยเม่นมีเฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น)
วันเสาร์และอาทิตย์ (10.20, 11.20, 14.20) ถ้าเป็นวันธรรมดาและกรุ๊ป 10 คนขึ้นไปต้องจองล่วงหน้า (โทร. 0194-54-2261 เวลา 09.00 – 17.00 น. ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
ค่าเข้า : 500 เยน (ผู้ใหญ่), 500 เยน (เด็กนักเรียน) *ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้าชมส่วนไหนด้วยนะ
การเดินทาง : สถานี Kuji (นั่ง Tohoku Shinkansen จากสถานีโตเกียว มาลงที่สถานี Hachinohe ใช้เวลาประมาณ 2.30 ช.ม. จากนั้นต่อ JR Hachinohe Line ไปอีกประมาณ 2.25 ช.ม. ก็จะถึงสถานี Kuji)
แต่ถ้าใครเป็นแฟนละคร Amachan จริงๆ จะรู้ว่าในจังหวัด Iwate มีบริษัทรถไฟเอกชนที่ร่วมทุนกับรัฐบาลชื่อว่า Sanriku Railway (Sanriku Tetsudo เรียกสั้นๆ ว่า Santetsu) ให้เราได้เลือกใช้บริการอยู่ด้วย ซึ่งในละครเรื่องนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทรถไฟเยอะอยู่เหมือนกัน และได้บริษัทรถไฟเจ้านี้นี่แหล่ะเป็นต้นแบบ โดยใช้ชื่อในละครว่าบริษัทรถไฟ Kitasanriku Railway (Kitasanriku Tetsudo เรียกสั้นๆ ว่า Kitatetsu) …ดังนั้นใครอยากลองตามรอยละคร ก็ไปลองดูกันได้ มีอยู่ 2 สาย คือ Kita-Riasu Line วิ่งระหว่างสถานี Miyako กับสถานี Kuji และ Minami-Riasu Line วิ่งระหว่างสถานี Sakari กับสถานี Kamaishi เข้าไปดูในเว็บไซต์เขาได้ >> http://www.sanrikutetsudou.com/ (มีแต่ภาษาญี่ปุ่นนะ) ไปลงที่สถานี Kuji เหมือนกัน เป็นสถานีที่ใช้ร่วมกับของรถไฟสาย JR …แต่บอกก่อนเลยว่ารถไฟของ Santetsu นี้ใช้กับ JR Pass ต่างๆ ไม่ได้นะ
เว็บไซต์ : http://www.pref.iwate.jp/kouchoukouhou/27900/35196/037938.html
เมืองคุจิ (Kuji)
ไปทำอะไร … ตอบ!
ไปกินน่ะสิ!
อันที่จริงเมืองคุจิ (Kuji) เมืองท่าเล็กๆ แห่งนี้ …ถ้าจะพูดให้แฟร์ๆ คือมีชื่อเสียงได้เพราะถูกนำมาใช้เป็นฉากในละครเรื่อง Amachan …ถ้ามาเมืองนี้ก็อาจจะได้เห็นบรรยากาศของละครเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว แต่ที่สถานีรถไฟ Kuji นี่จะยิ่งมีให้เห็นเยอะกว่าที่อื่นๆ เพราะมีหลายฉากที่ใช้สถานีรถไฟแห่งนี้ในการดำเนินเรื่อง ดังนั้นนอกจากการนั่งรถไฟสาย Santetsu มายังเมืองนี้แล้ว การมาดูอามะดำน้ำ อาชีพหลักที่ถูกกล่าวถึงในละครเรื่องนี้แล้ว เมืองนี้ยังมีอาหารท้องถิ่น ที่ดังเป็นพลุแตกอันเนื่องมาจากละครด้วย มาเมืองนี้ต้องกิน!! เมนูหลักแน่นอนว่าเป็นเมนูดังประจำเมืองที่ขายดิบขายดีขึ้นมาก หลังละครออนแอร์ นั่นคือข้าวหน้าไข่หอยเม่น (Uni don อ่านว่าอุนิด้ง) ที่โด่งดังมากในละครเป็นประเภทข้าวกล่อง หรือเบนโตะ (Bento) คือข้าวกล่องหน้าไข่หอยเม่น (ในละครเป็นข้าวกล่องที่จำหน่ายตามสถานที่รถไฟอีกต่างหากซึ่งมีชื่อเรียกว่าเฉพาะเจาะจงลงไปอีกว่าเอคิเบน หรือ Ekiben มาจากคำว่า Eki ที่แปลว่าสถานีรถไฟ และ Bento ที่แปลว่าข้าวกล่อง) อ่านเพิ่มเติมเมนูไข่หอยเม่นตามรอย Amachan ได้ที่นี่ >> https://www.marumura.com/uni/
ยังไม่หมดนะ เมนูแรกคือข้าวหน้าไข่หอยเม่น ยังมีอีกเมนูที่ดังไม่แพ้กันเพราะละครเรื่องนี้ เป็นซุปท้องถิ่นชื่อว่า Mamebu (มาเมบุ) ทำจากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในเมืองคุจินี่แหล่ะ มีผักต่างๆ เต้าหูทอด และคันเปียว (น้ำเต้าตากแห้ง) เป็นต้น รสชาติจะเป็นอย่างไร คงต้องไปลองชิมกันดูเอาเอง ฮะ ฮะ
เอาจริงๆ นะ ละครเรื่องนี้ทำให้ข้อดีหลายๆ อย่างในเมืองนี้ฮิตขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ได้ ทั้งรถไฟท้องถิ่น อาหารท้องถิ่น อาชีพท้องถิ่น ของที่ระลึกท้องถิ่น แม้กระทั่งความสัมพันธ์แบบคนท้องถิ่น ละครไทยถ้าทำแบบนี้บ้าง OTOP ท้องถิ่นบ้านเรา อาจจะขายดิบขายดี มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเยอะๆ บ้างเนอะ
Kuji
สำหรับการเดินทางมายังเมืองนี้นั้น ดูในส่วนของ Kosode Ama Center ด้านบนได้ เมืองเล็กๆ สถานีรถไฟเล็กๆ ในบรรยากาศอบอุ่น ที่พักหาไม่ยากอย่างที่คิด ช่วงก.ค ถึงก.ย. ก็จะมีนักท่องเที่ยวเยอะหน่อยเท่านั้น
เว็บไซต์ : http://www.kuji-tourism.jp/lang/en/index.html
เทศกาลซันซะแห่งเมืองโมริโอกะ (Morioka Sansa Odori)
ไปทำอะไร … ตอบ!
ไปสนุก!
เมืองโมริโอกะอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดอิวาเตะ เป็นเมืองที่มีความเจริญมากในยุคซามูไร จึงมีทั้งปราสาทให้ชม มีสวนชมซากุระที่เป็นไฮไลท์ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาภูมิภาคโทโฮขุจำนวนมากให้มาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณว่าถ้าจะชมซากุระในภูมิภาคนี้ ต้องนึกถึงเมืองนี้เลยล่ะ แต่ถ้าเป็นฤดูร้อน เทศกาลใหญ่ประจำเมืองนี้ก็คือ Morioka Sansa Odori นี่แหล่ะ เรียกได้ว่าปิดถนน พาเหรดกลองไทโกะและเต้นระบำกันครึกครื้นทั้งเมือง งานนี้เคยติด Guinness เมื่อปี 2007 ว่าเป็นเทศกาลที่ใช้กลองไทโกะเข้าร่วมเยอะที่สุดด้วย และยังถือว่าเป็น 1 ใน 5 เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเลยทีเดียว ไปดูกันเหอะ สนุกแน่ๆ จัดกันสี่วัน ตั้งแต่วันที่ 1 – 4 สิงหาคมของทุกปี
Morioka Sansa Odori
เปิด : ต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี (ราวๆ 1 – 4 ส.ค.) พาเหรดจะเริ่มช่วงหัวค่ำ ประมาณ 18.00 – 21.00 น.
ค่าเข้า : ดูฟรี
การเดินทาง : สถานี Morioka เดินทางด้วย Tohoku Shinkansen มาถึงได้เลย ส่วนสถานที่จัดงานก็คือที่ถนน Chuo-dori หน้า City Hall เลย ระยะทางสำหรับพาเหรดก็ประมาณ 1 ก.ม.
เว็บไซต์ :
http://www.sansaodori.jp/
http://www.morioka-hachimantai.jp/eng/morioka/220.html
http://www.japan-iwate.info/app/location_detail.php?lid=56
ยิ่งพูดถึง ยิ่งมันมือ อยากจะเอาสถานที่นู้น เอาเมืองนี้ เอาเทศกาลนั้นมาแนะนำเยอะๆ อิวาเตะ ไม่ใช่จังหวัดเล็กๆ เลยนะ และยังมีความหลากหลายในแต่ละพื้นที่อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ มีเวลา ลองหาข้อมูลของแต่ละเมืองดูสิ น่าจะเจอจุดที่ใช่ จุดที่ชอบ ที่เพื่อนๆ ต้องอยากไปชม นอกจากที่เราแนะนำมาแล้วแน่ๆ ลองไปกันดูนะคะ ^^
เรื่องแนะนำ :
– เมนู Uni ไข่หอยเม่น สไตล์ญี่ปุ่น สดหวานมัน ตามรอยอามะจัง
– Iwate แดนแห่งป่าไม้และสายน้ำ
– เจ๊ะ เจ๊ะ เจ๊ะ คำอุทานสุดฮิปของอามะจัง ที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับสังคม
-7 สาเหตุที่ควรชวนคนสำคัญดู “อามะจัง”
– Amachan ละครญี่ปุ่นน่าดูขนาดนี้ ไม่รู้จักไม่ได้แล้ว!
– Amachan : อามะจัง สาวน้อยแห่งท้องทะเล ละครญี่ปุ่นที่ดูแล้วชวนสำนึกรักบ้านเกิด
– อามะ … อาชีพน่าเหลือเชื่อของผู้หญิงญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมากว่า 2 พันปี
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพเพิ่มเติม :
http://www.chusonji.or.jp/en/index.html
http://www.japan-iwate.info
http://www.pref.iwate.jp
http://www.adventurejapan.jp/en/archives/4952
http://www.jnto.or.th/newsletter/tohoku-summer/#Morioka-Sansa-Odor