เรามาเที่ยวไฮไลท์สำคัญของจังหวัดไซตามะกันต่อเลยดีกว่า มาถึงนี่แล้วไม่ไปย่านมันเทศ “Kawagoe” แสดงว่ามาไม่ถึงไซตามะนะจ๊า
3 จังหวัดที่มาในทริปนี้ The 8th Ronin ไม่เคยมีโอกาสได้มาสัมผัสเลยจ้า ผ่านมาค่อนทางเกือบจบทริปแล้ว ประทับใจ…อยากกลับมาอีกมากๆ เลยล่ะ แต่ทริปนี้ยังไม่จบจ้ะ เรามาเที่ยวไฮไลท์สำคัญของจังหวัดไซตามะกันต่อเลยดีกว่า มาถึงนี่แล้วไม่ไปย่านมันเทศ “Kawagoe” แสดงว่ามาไม่ถึงไซตามะนะจ๊า
ตื่นแต่เช้าไปคาวาโกเอะกันเล้ย!
จับรถไฟ JR จากสถานี Urawa มุ่งหน้าสู่สถานี Kawagoe ออกจากสถานีก็เดินดุ่มๆ ตามผู้คนไปไม่ไกล ก็ถึงย่านที่นักท่องเที่ยวมาจะมาเดินในละแวกคาวาโกเอะกันล่ะ
วันนี้โชคดี เจอไฮไลท์ มีการปิดถนนวิ่งกันหล่ะ ดูบรรยากาศการให้กำลังใจของคนญี่ปุ่นแล้ว น่ารักมากค่ะ รู้จักหรือไม่รู้จักกันก็ไม่รู้ล่ะ แต่เขาเชียร์ทุกคนที่วิ่งผ่านเลยนะ (เราเคยเห็นแบบนี้บ่อยๆ ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะแข่งวิ่ง หรือแข่งจักรยาน คนท้องถิ่นจะมายืนคอยให้กำลังใจผู้ที่เข้าแข่งกันกันตลอด ดีจัง)
เดินเลยมาสักพัก การแข่งวิ่งก็จบลงพอดี รถยนต์เริ่มสัญจรไปมา แล้วสองฟากฝั่งถนนก็มีโน่น นี่ นั่น น่าสนใจ น่าวิ่งเข้าใส่ไปหมด เวลาจะข้ามถนนแต่ละที จึงต้องใช้สติกันนิดนึง ถ้าใครมาที่นี่จะข้ามถนนก็ระวังกันหน่อยล่ะ รถวิ่งไม่เร็ว เพราะคนเดินข้ามไปมาเยอะ แต่ก็เป็นทางรถวิ่งนะจ้ะ ไม่ใช้เห็นของฝั่งตรงข้าม น่ารัก อยากดู ก็ดูรถก่อน ไม่ใช่วิ่งไปเลยล่ะ
มาถึงคาวาโกเอะ ก็ต้องไปที่ Kawagoe Matsuri Kaikan กันนิดนึง เป็นพิพิธภัณฑ์งานเทศกาลของเมืองคาวาโกเอะล่ะ จ่ายค่าเข้าเล็กน้อย ได้เห็นรถแห่ที่เข้าใช้ในงานเทศกาลของที่นี่ ได้สาระความรู้ และได้เห็นสารพัดสิ่งที่เกี่ยวพันกับงานเทศกาลคาวาโกเอะล่ะ ไม่เสียเที่ยวแน่นอนถ้าเข้าไปในนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้ภาษาญี่ปุ่น จากนั้นเราก็ไปเดินขนมลูกกวาด สองข้างทางมีร้านขนมลูกกวาด และขนมหวานน่ารักๆ ให้เราได้เดินเล่นเพลิดเพลินกันด้วยนะ แล้วที่ยอมไม่ได้ต้องแวะถ่ายรูปด้วยก็คือหอนาฬิกา สัญลักษณ์ประจำเมืองคาวาโกเอะนั่นเอง ต้องเก็บภาพกลับมาหลายๆ แชะหน่อย ^^
เราแวะไปดูสถานที่อาบน้ำร้อนแห่งหนึ่งของเมืองนี้กันด้วยล่ะ ชื่อว่า KAWAGOE YUYU LAND อยู่ในบริเวณเดียวกันกับ โรงแรม Sanko ใครอยากจะพักโรงแรมนี้ที่คาวาโกเอะก็ได้เหมือนกัน แต่คนที่มีเวลาน้อย อยากจะมาเที่ยวคาวาโกเอะ แล้วอาบน้ำร้อน พักผ่อนแบบชิลๆ แป๊บๆ ที่นี่ก็มีบริการแบบรายวันด้วยนะ คนญี่ปุ่นมาใช้บริการไม่น้อยทีเดียวล่ะ สำหรับค่าเข้าออนเซน+ผ้าอาบน้ำ+ผ้าเช็ดตัว แบบ 1-Day อยู่ได้ถึงตีสอง ก็ราวๆ 1,840 เยน/คน ส่วนใครที่จะค้างคืน (อยู่ได้ถึง 08.00 น.) ก็จ่ายเพิ่มอีก 1,250 เยน/คน นี่เป็นราคาของที่พักแบบห้องรวม เป็นเก้าอี้นอน (ค่าเก้าอี้ 540 เยนจ้า) หรือถ้าจะอยู่แบบเป็นห้องๆ ก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของ KAWAGOE YUYU LAND กันได้เลย (ภาษาญี่ปุ่น)
ที่นี่เราแวะกินมื้อกลางวันเป็นเมนูเซ็ตมันเทศ ของดีเมืองคาวาโกเอะยังไงล่ะ อิ่ม..
เมือง Kawagoe อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดไซตามะ ในสมัยเอโดะมีความเจริญรุ่งเรืองมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งใน “Koedo” หรือ “Little Edo” นั่นเอง ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ การเดินทางมายัง Kawagoe ก็สะดวก ถ้ามีบัตรของ JR จะนั่ง JR Kawagoe Line หรือ JR Saikyo Line มาก็ได้นะคะ
เพิ่มเติมการเดินทาง : JR EAST PASS / JR Kanto Area Pass / Kawagoe Matsuri Kaikan
ช่วงบ่าย เราออกมาเที่ยวกับรอบนอกไซตามะนิดนึง ที่เมือง Kasukabe ที่นี่ถูกจัดเป็นธีมจำลองหมู่บ้านของชินจัง เรียกว่า Cinema Studio : Puratto Kasukabe ใครเป็นแฟนๆ เจ้าหนูจอมทะลึ่งรายนี้ น่าจะตามมาส่องเค้าหน่อยนะ
หลังจากนั้นเราก็มาจัดสถานที่ที่เราติดเอาไว้เมื่อวันก่อน เพราะเวลาไม่พอ นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์รถไฟ (The Railway Museum) อีกหนึ่งสถานที่ที่เราร้องในใจว่า “อยู่นานๆ ได้มั้ย” นานไม่นานไม่รู้ รู้แต่อยู่จนพิพิธภัณฑ์ปิดอ่ะค่ะ ใครที่เป็นสาวกรถไฟ ครั้งหนึ่งในชีวิตมาเหอะ รับรองรักเลย!
ประทับใจสุดๆ กับห้องจัดนิทรรศการพิเศษ รับวันครบรอบ 100 ปีสถานีรถไฟโตเกียว ในห้องนี้มีการนำประวัติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับสถานีโตเกียวมาจัดแสดง มีกระทั่งเสาไม้เก่าแก่ในสถานี เศษอิฐ เศษหน้าจั่วเก่าๆ ที่ถูกรื้อออกมาระหว่างทำการบูรณะ แล้วก็มีพิมพ์เขียวฉบับดั้งเดิมของสถานีแห่งนี้ด้วย พิมพ์เขียวจริงๆ นะ เขี๊ยว เขียว เขียนด้วยดินสอเลยอ่ะ แล้วก็อีกมากมายๆๆๆๆๆ เกี่ยวกับสถานีรถไฟที่เป็นตำนานซึ่งยังมีลมหายใจอยู่ของญี่ปุ่นแห่งนี้ (อารมณ์ประมาณว่าสร้างมาก็ตั้งนานนม ถึงจะเก่าแก่ แต่ก็บูรณะซะสวยจ๊าบบบบ แถมยังเก๋าพอจะให้บริการผู้เดินทางทั้งหลายให้ประทับใจได้ไม่รู้ลืมอีกอ่ะ ชอบๆ)
สำหรับพิพิธภัณฑ์รถไฟ (The Railway Museum) สุดเจ๋งแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเมือง Onari จังหวัดไซตามะ เปิดเวลา 10.00 – 18.00 น. ปิดทุกวันอังคาร และช่วงวันหยุดปีใหม่ (29 ธ.ค. – 1 ม.ค.) ค่าเข้าชมก็ไม่แพง ผู้ใหญ่แค่ 1,000 เยน ส่วนเด็กก็ครึ่งราคาเองค่ะ (ใช้บัตร SUICA ได้ด้วยนะ) ถ้าเพื่อนๆ นั่งรถไฟมาลงสถานี JR Omiya จากนั้นนั่ง Saitama Shin-toshi Kotsu New Shuttle มาลงที่สถานี Tetsudo-Hakubutsukan เดินแค่นาทีเดียวก็ถึงแล้วล่ะ
เพิ่มเติมการเดินทาง : JR EAST PASS / JR Kanto Area Pass / The Railway Museum
คืนสุดท้ายในญี่ปุ่นสำหรับทริปนี้เรายังคงพักกันอยู่ที่ไซตามะ แต่เราย้ายไปนอนที่เมือง Omiya เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น บรรยากาศแบบญี่ปุ่นพื้นบ้านเลยทีเดียว ชื่อว่า Shindoyamaya Hotel สิ่งแรกหลังเช็คอินที่เราจะทำกันคือการกินมื้อค่ำ หมายเลข 8 ไปนอนเล่นเกลือกกลิ้งในห้องพักสักแป๊บ เจ้าบ้านก็มาเรียกไปกินมื้อใหญ่ละ ที่นี่บริการแบบคุณพ่อบ้าน คุณแม่บ้านญี่ปุ่นจริงๆ รู้สึกอบอุ่นมากเลย ที่เด่นทะลุจอเลยก็คืออาหารค่ะ อาหารค่ำของอนุญาตใช้คำว่า “รสเลิศ” พ่อครัวมาแนะนำตัวด้วย ยังเด็กอยู่เลย แต่ฝีมือขั้นเทพ เป็นอะไรที่คุณเจ้าของโรงแรมภูมิใจมาก (ก็น่าภูมิใจอยู่นะ)
อิ่มท้อง สุขกาย สบายใจ หลับสนิทค่าาาาา
วันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้วจ้า ต้องเป็นวันดีแน่ๆ สายฝนโปรยปราย ชุ่มฉ่ำแต่เช้า คุณเจ้าบ้านโทรมาปลุกไปรับมื้อเช้าที่ห้องอาหารค่ะ ฝีมือไม่ตก อร่อยเหมือนมื้อค่ำเลย
สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ Shindoyamaya Hotel มากที่สุดก็คือสถานี JR Omiya เป็นสถานีขนาดใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว เดินทางมาด้วย JR สะดวกมากเลยล่ะ แล้วต่อรถแท็กซี่ไปยังโรงแรมดูจะสะดวกที่สุดอ่ะค่ะ
เพิ่มเติมการเดินทาง : JR EAST PASS / JR Kanto Area Pass / Shindoyamaya Hotel
เช้านี้เราแวะไปขอพรที่ศาลเจ้ามุซะชิ อิชิโนะมิยะ ฮิคะวะ (Musashi Ichinomiya Hikawa) เอาฤกษ์เอาชัยก่อนกลับบ้าน เป็นศาลเจ้าใหญ่ และสวยงามมากทีเดียว
พวกเรากินกลางวันเร็วกันนิดนึง เพราะเราจะเดินทางด้วยรถไฟชิงกันเซนจากสถานี Omiya ไปยังสถานี Tokyo กันนั่นเอง เดินสำรวจสถานีรถไฟอายุ 100 ปีแห่งนี้ได้แป๊บเดียว อยากจะสำรวจให้ทั่วๆ จัง เสียดายแต่ก็ต้องรีบจับ Narita Express เข้าสนามบินนาริตะกันแล้ว
ที่ JR EAST Travel Service Center ณ สถานีรถไฟโตเกียวเนี่ยนะ มีบริการที่หลากหลาย ครบครันมากๆ นอกจากจะมีข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไว้บริการ ไม่น้อยหน้า Tourist Information Center ที่ใดๆ แล้ว ข้อมูลด้านการเดินทางด้วยรถไฟก็แน่น จะจองโรงแรม หรือทัวร์ก็ได้ มีบริการฝากกระเป๋า แถมด้วยแลกเงินตราต่างประเทศก็ยังได้ สะดวกดีนะ
แม้จะทำ Web Check-In (การบินไทย) มาล่วงหน้า แต่ข้าฯ ไม่ขอเสี่ยง นั่ง Narita Express ไปชิลๆ อยู่สนามบินน่าจะดีกว่า มีของฝากมากมายที่จะต้องทำการสอยกลับไปตามออเดอร์
สำหรับทริปท่องเที่ยวจังหวัดกุนมะ นีงาตะ และไซตามะ 3 จังหวัดที่ The 8th Ronin ได้ไปเยือนเป็นครั้งแรกนี้ ถือว่าประทับใจกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มากๆ ขนาดว่านี่เป็นแค่ทริปสั้นๆ ที่ได้เที่ยวชมเพียงจุดไฮไลท์เท่านั้นนะ ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาเยือนทั้ง 3 จังหวัดนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน คราวหน้าจะค่อยๆ เจาะกันไปเลยล่ะ แล้วพบกันใหม่ บายยยยยย
(จังหวัดกุนมะ – จังหวัดนีงาตะ – จังหวัดไซตามะ) สามารถติดตามได้ที่
WENDY TOUR (สัมผัสซากุระและเทศกาลหิมะในคราวเดียว!)
J-PLAN HOLIDAY
JTB Thailand
JAPANiCAN
JR EAST PASS (ภาษาอังกฤษ)
JR Kanto Area Pass (ภาษาไทย)
JR Kanto Area Pass (ภาษาอังกฤษ)
สนับสนุนการเดินทางโดย :
ขอบคุณข้อมูล :
-http://kawagoematsuri.jp/English/index.html
-http://kawagoe-yuyu.com
-http://kawagoe-yuyu.com/archives/3705
-http://www.sainokuni-kanko.jp/eng/subculture.html
-http://shinchan-game-cinema.jp
-http://www.railway-museum.jp/en/index.html
-http://www.shindoyamaya.com/