Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass นี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมวัฒนธรรม และธรรมชาติ ทางภูมิภาคตอนกลางของเกาะฮอนชู (ซึ่งถูกเรียกว่า “Chubu”) ไม่ต้องซื้อบัตรใหญ่แบบ Japan Rail Pass ที่ครอบคลุมการเดินทางทั่วทั้งญี่ปุ่น อันนั้นราคาแพงกว่ามาก แต่เราก็ไม่ได้จะไปเที่ยวภูมิภาคอื่นนี่นา เราจะเที่ยวเฉพาะย่านนี้ ใช้บัตรนี้ ประหยัดสตางค์ได้เยอะ
ตอนนี้นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง สามารถเดินทางได้สะดวกสบายมากขึ้น ด้วยบัตร Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ซึ่งเป็นบัตรรถไฟใหม่ที่เพิ่งออกมาใช้ได้ไม่นาน (เริ่มใช้ได้เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2015) ราคา 13,500 เยน ใช้ได้ 5 วัน (แบบต่อเนื่องกัน) ใช้นั่งรถไฟจากสนามบินคันไซเข้าเมืองโอซาก้าได้ (Limited Express Haruka) นั่ง Hokuriku Shinkansen ก็ได้ นั่ง Nohi Bus, Hokutetsu Bus, และ Kaetsuno Bus ก็ได้ ถือเป็นความร่วมมือกันของ JR West และ JR Central ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา เที่ยวภูมิภาคนี้ได้อย่างสะดวกและประหยัดมากขึ้นจริงๆ
Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass นี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมวัฒนธรรม และธรรมชาติ ทางภูมิภาคตอนกลางของเกาะฮอนชู (ซึ่งถูกเรียกว่า “Chubu”) ไม่ต้องซื้อบัตรใหญ่แบบ Japan Rail Pass ที่ครอบคลุมการเดินทางทั่วทั้งญี่ปุ่น อันนั้นราคาแพงกว่ามาก แต่เราก็ไม่ได้จะไปเที่ยวภูมิภาคอื่นนี่นา เราจะเที่ยวเฉพาะย่านนี้ ใช้บัตรนี้ ประหยัดสตางค์ได้เยอะ โดยบัตรนี้สามารถใช้เริ่มต้นการเดินทางได้ทั้งจากสนามบินคันไซ (Kansai International Airport) หรือจะเริ่มเดินทางจากสนามบินเซ็นทรัลแจแปน (Central Japan International Airport) ก็ไม่ผิดกติกา
ทริปนี้ เราใช้เส้นทางการเดินทางเป็นรูประฆังคว่ำ โดยลงเครื่องที่สนามบินคันไซ นั่งรถไฟไปเที่ยวจังหวัด Ishikawa จังหวัด Gifu แล้วไปจบที่สนามบินเซ็นแทร์ในจังหวัด Aichi (Nagoya) เป็น Route ที่เดินทางสะดวกดี ทริปสั้นๆ 5 วัน ใช้บัตรเดียวเอาอยู่! ถึงจะมีรถเมล์บ้าง แท็กซี่บ้าง แต่ก็เพื่อไปเที่ยวในจุดที่น่าสนใจทั้งนั้น จ่ายค่าเดินทางเพิ่มไม่มากมาย ^^
ข้อมูลเพิ่มเติม : Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass
มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลย
จุดหมายแรกของเรา .. แน่นอนว่าเป็นสนามบินคันไซ (Kansai International Airport) เราเริ่มต้นออกเดินทางมาตั้งแต่ตอนกลางคืน แวะเปลี่ยนเครื่องที่เวียดนาม (ใช้บริการเวียดนาม แอร์ไลน์ส) มาถึงสนามบินคันไซแต่เช้าตรู่ … มาสนามบินแห่งนี้ก็หลายครั้ง ขอแวะสำรวจกันอีกสักที ว่าสนามบินแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Kansai Tourist Information Center) – อีกหนึ่งจุดในสนามบินคันไซที่ไม่พูดถึง ไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีเอกสารแนะนำเส้นทางที่น่าสนใจในภูมิภาคคันไซ ซึ่งเอกสารบางฉบับมีคูปองส่วนลดอยู่ในนั้นด้วยแล้ว … ยังมีเคาน์เตอร์ให้คำปรึกษาเรื่องตั๋วรถไฟ (Kansai Thru Pass ก็ซื้อได้ที่นี่) จองที่พัก จอง Day Tour นู่น นี่ นั่น ได้อีกหลายอย่าง เข้าไปสอบถามกันได้ ไม่เสียสตางค์ (ถ้าไม่ได้ซื้อบริการอะไรเขาอ่ะนะ) ให้ถือบัตร JCB ก็มาปรึกษาเขาได้ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไรที่คันไซให้คุ้ม ที่แน่ๆ ซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ได้ส่วนลดตั้ง 10% ทั้งแบบ 1 วันและแบบ 2 วัน คุ้มนะ
ที่ตั้ง : ชั้น 1 ขาเข้าผู้โดยสารระหว่างประเทศ
เลาน์จ – ใครๆ ก็พูดถึง ความสะดวกสบายในด้านนี้ของสนามบินคันไซ ตัวเรามาแถบคันไซแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ก็มาลงที่สนามบินแห่งนี้ (ถ้าไม่ไปลงสนามบินต่างจังหวัดน่ะ) มีโอกาสได้ใช้เลาน์จที่นี่อยู่หลายครั้ง ตอนแรกๆ เลาน์จที่นี่ก็ไม่ได้ฮ็อตฮิตอะไร แต่คงเพราะมันโอเคจริงๆ น่ะแหล่ะ ในเลาน์จมีโต๊ะนั่งเล่นคอม มี WiFi อยากได้ห้องที่มีความเป็นส่วนตัวหน่อย..เขาก็มี มีห้องอาบน้ำ มีอาหารเครื่องดื่ม มีหนังสือการ์ตูน-นิตยสาร มีมุมให้เด็กเล่น ฯลฯ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เลาน์จที่ดูสบายๆ แห่งนี้ พักหลังๆ คนเยอะตลอด … (แต่ก็เงียบฉี่ ราวกับไม่มีคนอยู่ เพราะแม้จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้ากล้าพูดเสียงดังนี่ยอมเลย .. แบบว่าบรรยากาศมันไม่เอื้อให้ใช้เสียงเอาซะเลยน่ะสิ 555)
สำหรับราคาเริ่มต้นในการใช้งานก็ 310 เยนต่อ 30 นาที ถ้าจะอาบน้ำด้วยก็จ่ายเพิ่มอีก 510 เยน จะต่อเวลาหรือซื้อแบบแพ็คเกจรวมหลายๆ อย่างก็มีราคาให้เลือกตามความต้องการ
ที่ตั้ง : บริเวณชั้น 2 ฝั่งเหนือ Terminal 1 (ใกล้ McDonald)
โซนช้อปปิ้งและร้านอาหาร – บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า สนามบินคันไซนี้ นอกจากจะมีโซนช้อปปิ้งที่เป็น Duty Free ที่เราจะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองก่อน (ตอนขาออก ที่จะกลับเมืองไทยน่ะ) ยังมีโซนช้อปปิ้ง โซนร้านอาหาร ให้เราได้ไปชิล ไปช้อป รอเวลาเช็คอิน หรือรอเวลาเครื่องออกกันด้วย (ถ้าไม่กลัวตกเครื่องเพราะแถว ต.ม. ยาวอ่ะนะ) มีร้านอาหารอร่อยๆ ร้านกาแฟ ร้าน Muji ร้าน Uniqlo ร้าน Beams ร้านขายยา ร้านร้อยเยน Daiso ร้านสามร้อยเยน 3 Coins ฯลฯ แบบว่าแทบไม่ต้องออกไปช้อปปิ้งนอกสนามบินเลยล่ะ แค่ในสนามบินก็แทบไม่มีกระเป๋าจะให้ใส่ของแล้ว
ที่ตั้ง : บริเวณชั้น 3
ข้อมูลเพิ่มเติม : Kansai International Airport
ยืดแข้งยืดขาที่สนามบินคันไซ แบบไม่ต้องเร่งรีบสักพัก จากนั้นเราก็เอา Voucher ที่จองบัตร Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ไปแลก Pass ตัวจริง โดยเดินจากชั้น 4 Terminal 1 ไปตามทางเชื่อมสู่อาคาร Kansai-Airport Station แลกที่เคาน์เตอร์ JR Ticket Office จากนั้นก็สามารถนำไปใช้ได้เลย
ในครั้งนี้เราเริ่มใช้จากสนามบิน โดยนั่ง Haruka Express ไปสถานี Shin Osaka แล้วต่อไปยังสถานี Kaga Onsen เมืองออนเซนที่เราจะพักกัน ใช้เวลารวมๆ แล้วประมาณ 3 ชั่วโมง (จากสนามบินถึง Kaga Onsen)
Kaga Onsen นั้นอยู่ในจังหวัด Ishikawa เป็นทางผ่านที่จะไปยัง Kanazawa เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัด เราแวะเที่ยวกันที่นี่ก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยเข้าตัวเมือง Kanazawa
ข้อมูลเพิ่มเติม : Kanga Onsen
ที่เมืองออนเซนคางะ เราแวะไปกินกลางวันกันที่ Tsuki Usagi no Sato เมื่อนั่งแท็กซี่จากสถานีไปถึงที่ร้าน ตอนแรกก็ไม่คิดจะอยู่นานนัก กะแวะมากินข้าวเฉยๆ แล้วไปต่อเลย … แต่สุดท้ายก็โดนหลอกล่อให้อยู่นาน ซะจนไม่อยากไปที่อื่น ฮะ ฮะ
ร้านอาหารกลางวันของที่นี่ มีตัวชูโรงเป็นอุด้งเส้นงา แปลกแต่จริง! เคยกินมาแล้วทั้งเส้นอุด้งแบบนุ่นจนละลายในปาก แล้วก็หนึบจนอยากเคี้ยวต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากกลืน …สำหรับอุด้งซึ่งผสมงาของที่นี่ ทั้งนุ่ม ทั้งหนึบ ได้รสสัมผัสที่ดีทีเดียว อาหารอื่นๆ ที่กินเคียงกันในเซ็ตก็รสชาติไม่เลว กินหมดเกลี้ยงโดยง่าย ไม่ต้องบิ้วอะไรกันมาก และเมื่อมาถึงที่นี่ไฮไลท์ของเขาคือ “กระต่าย” สังเกตจากชื่อร้านก็ได้ “Usagi” แปลว่ากระต่าย (^^) ดังนั้นต้องแวะไปเล่นกับเจ้าตัวเล็ก (และตัวใหญ่ .. ถึงใหญ่มากกกก กันหน่อย)
Tsuki Usagi no Sato รวบรวมกระต่ายเอาไว้หลายสายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์เล็กๆ น่ารัก น่าอุ้ม และพันธุ์ใหญ่เบิ่ม น่ากอด แต่อุ้มแทบไม่ไหว … นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินเล่น ให้อาหาร คลุกคลี จะอุ้ม จะกอดก็ยังได้ (แต่ก็มีกติกา มารยาทนะ ที่แน่ๆ ทุกคนต้องใส่ทุกมือเวลาสัมผัสกับกระต่าย และถ้าใครจะอุ้ม จะป้อนนม จะให้อาหาร นู่น นี่ นั่น เขาก็มีราคาบอก ราคาก็พอรับได้) ที่บริเวณลานกระต่ายนี้ ได้รับความนิยมมากทั้งเด็กน้อย สาวน้อย และหนุ่มๆ แทนที่จะเห็นแต่กระต่ายน่ารักๆ เราเลยได้เห็นมนุษย์ญี่ปุ่นน่าเอ็นดูหลายคนที่เล่นกับพวกอุซางิน้อยอย่างร่าเริงทีเดียว กลายเป็นว่าน่ารักทั้งกระต่าย ทั้งคนมาเล่นกับกระต่ายซะงั้น ฮะ ฮะ
และที่สำคัญ ของฝาก ของที่ระลึก ที่เป็นรูปกระต่ายน้อยน่ารัก แบบว่าเยอะมาก (คือ.. น่าจะมีร้านแบบนี้ที่เมืองไทยบ้างนะ จะไปอุดหนุน หุ หุ)
ข้อมูลเพิ่มเติม : Tsuki Usagi no Sato
Kaga Onsen เป็นเมืองที่มีอะไรให้ทำหลายอย่างนอกจากแช่ออนเซน ทริปนี้เราไปเล่นกับกระต่าย และกินอุด้งเส้นงามาแล้ว ก่อนที่จะเข้าโรงแรมแช่ออนเซ็นสบายๆ ลองแวะไปที่ Kaga Fruitland ดูสิ ที่นี่มีผลไม้ตามฤดูกาลให้เก็บ ช่วงที่เราไปเป็นหน้าสตรอฯ เก็บกันเพลิน ขอบอก แปลงที่เราไปสตรอเบอร์รี่ลูกไม่ใหญ่มาก แต่รสชาติหวานใช่ได้เลย
..เป็นครั้งแรกที่ได้เก็บสตรอเบอร์รี่ร่วมกับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ทุกคนจะจ่ายค่าเก็บสตรอเบอร์รี่ที่ศูนย์บริการของ Kaga Fruitland เสร็จแล้วก็รอรถชัตเติ้ลบัสมารับ บัสจะมาเป็นรอบๆ พอไปถึงโรงเรือน เจ้าหน้าที่เขาก็อธิบาย วิธีการเลือก วิธีการเก็บ แล้วพอเขาบอกว่า “ลุย” หนุ่มสาวญี่ปุ่น คว้ากระป๋องน้อยๆ เดินดุ่ยๆ ไปด้านในกันหมด เราไม่อยากไปแย่งใคร อยู่แถวๆ ด้านหน้าโรงเรือน ผ่านไปสัก 15 นาที หันไปดูคนญี่ปุ่น แม่เจ้า!! กระป๋องใบน้อยๆ ขนาดประมาณแก้วน้ำของพวกเขา เต็มไปด้วยเศษขั้วของสตรอเบอร์รี่ เรียกว่า “ล้น” เลยดีกว่า พอหันมาดูกระป๋องในมือตัวเอง เอิ่ม เลิกถ่ายรูป แล้วรีบกินให้ทันพวกท่านๆ เขาท่าจะดีกว่า ไม่งั้นจะไม่เหลือสตรอฯ ให้กินแล้วนะ จ่ายไปตั้ง 1,800 เยน เพื่อสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้นนี่นา (–)”
เพื่อนๆ คนไหน จะมา Kaga Fruitland ก็ไม่ยาก มีรถเมล์ (Can Bus) สามารถขึ้นได้จากหน้าสถานี Kaga Onsen เลย และ Can Bus นี่ยังสามารถซื้อเป็นตั๋ววันได้ด้วย 1 วัน 800 เยน นั่งรถเมล์เที่ยวเมืองนี้ได้อย่างสบายๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม : Sankyo Farm (Kaga Ishikawa)
ก่อนจะเข้าโรงแรมไปชิล ขอแวะอีกที่นึง Yunokuni No Mori เป็นศูนย์รวบรวมศิลปะหัตกรรมในย่านนี้เอาไว้ เราสามารถเรียนรู้ ลงมือทำ (จะปั้นหม้อ เพ้นท์แก้ว ทำกระดาษญี่ปุ่น ฯลฯ มีเพียบ) ช้อปปิ้ง ศิลปะขั้นสูงเหล่านี้กลับบ้านเราไปได้ด้วย พื้นที่ด้านในกว้างขวางมาก อาคารแต่ละหลังก็มีจุดขายของตัวเอง แนะนำว่าถ้าคนชอบพวกงานฝีมือ ควรใช้เวลาอยู่ที่นี่นานๆ เพลินมาก บอกเลย สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็สามารถนั่ง Can Bus มาได้เหมือนกับที่ Kaga Fruitland เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม : Yunokuni no Mori
ที่นี่มีโรงแรมให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่จะมีห้องแช่น้ำแร่ ก็สมกับเป็นเมืองออนเซน ซึ่งทริปนี้เราใช้บริการของโรงแรม Saichoraku ซึ่งอยู่ในบริเวณ Yamashiro Onsen เป็นโซนออนเซนที่ใหญ่ที่สุดโซนหนึ่งในเมือง Kaga
ที่นี่มีห้องพักแบบ Western ในห้องพักสวยงาม สะอาดสะอ้าน กว้างขวาง มีการแยกส่วนของห้องส้วมและห้องอาบน้ำออกจากกัน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าห้องพักกว้างขึ้นไปอีก ห้องออนเซนรวมก็ใหญ่โต ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่เดียว ราคาไม่รุนแรงมาก แล้วเขาก็รวมค่าอาหารเช้า-เย็นไว้แล้วด้วย บุฟเฟ่ต์ทั้งสองมื้อ อาหารก็หลายหลากทีเดียว และการเดินทางมาที่โรงแรมก็สะดวก สามารถนั่งรถเมล์ Can Bus จากสถานี Kaga Onsen มาได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : Saichoraku
ทริปนี้เริ่มต้นด้วยการเดินทางมาจากสนามบินคันไซ ในจังหวัดโอซาก้า แต่มาใช้เวลาเกือบทั้งวันที่เมือง Kaga จังหวัดอิชิคาว่า ซึ่งอยู่ไกลกันพอสมควรเลยทีเดียว เราใช้บัตร Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ที่เซฟไปได้เยอะมาก แต่ก่อนที่ยังไม่มีบัตรนี้ วางแผนเที่ยวภูมิภาคนี้แต่ละที พอเห็นค่าเดินทางแล้วถอย.. ต่อรถก็เยอะ ปวดใจ ต้องเลี่ยงไปเที่ยวที่อื่นแทน ตอนนี้สบายเลย ฮะ ฮะ
ต่อจากเมือง Kaga เราจะไปเที่ยวกันต่อที่เมือง Kanazawa ที่อยู่ในจังหวัดอิชิคาว่าเหมือนกัน … รอติดตามกันนะคะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลางด้วย Takayama-Hokuriku Pass (4) : Gero Onsen
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลางด้วย Takayama-Hokuriku Pass (3) : Takayama
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลางด้วย Takayama-Hokuriku Pass (2) : Kanazawa