ธุรกิจร้านขายของตามสถานี…หากใครเคยไปญี่ปุ่นจะพบว่าในหลายๆ สถานีมีร้านรวงมากมายให้จับจ่ายซื้อสินค้า (ภาษาญี่ปุ่นเรียกร้านเหล่านี้ว่า Ekinaka) ในอดีตร้านในสถานีส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ตั้งเพื่อขายเครื่องดื่ม ขนม ข้าวกล่อง หรือบะหมี่ ต่อมาบริษัทรถไฟญี่ปุ่นเริ่มที่จะบริหารร้านใหญ่ๆ ในสถานีมากมาย
หากใครเคยไปญี่ปุ่นจะพบว่าในหลายๆ สถานีมีร้านรวงมากมายให้จับจ่ายซื้อสินค้า (ภาษาญี่ปุ่นเรียกร้านเหล่านี้ว่า Ekinaka) ในอดีตร้านในสถานีส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ตั้งเพื่อขายเครื่องดื่ม ขนม ข้าวกล่อง หรือบะหมี่ ต่อมาบริษัทรถไฟญี่ปุ่นเริ่มที่จะบริหารร้านใหญ่ๆ ในสถานีมากมาย ได้แก่ ร้านหนังสือ ร้านขายขนม ร้านขายยา ร้านกาแฟ ร้านขนมเค้ก ร้านดอกไม้ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงร้านที่ให้บริการด้านต่างๆ เช่น ร้านตัดผม ทำเล็บ ร้านนวด ร้านอาหาร ร้านนั่งชิลจิบเบียร์หรือไวน์ รวมทั้งใช้เป็นลานจัดกิจกรรมต่างๆ สร้างความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ต่างจากสถานีรถใต้ดินในประเทศไทยที่ร้านค้าดูหงอยเหงา หากสังเกตสถานีสุขุมวิทหรือพระราม 9 จะเห็นว่าร้านค้าระหว่างทางเดินสถานีนั้นเปลี่ยนโฉมหน้าไปเรื่อยๆ และดูแล้วธุรกิจน่าจะอยู่ลำบาก เพราะโดยมากก็เงียบสงัดลูกค้าน้อยมาก ดิฉันเลยแอบสงสัยว่าทำไมร้านเหล่านี้ถึงไม่ฮิตแบบที่ญี่ปุ่น แผงขายของบนบีทีเอสยังดีหน่อย เพราะสถานีใหญ่ๆ หลายสถานีโดยเฉพาะที่เป็นแหล่งมนุษย์เงินเดือนยังมีคนซื้อจำนวนมาก บางแผงถึงขนาดต่อคิวกันยาวเลยทีเดียว สถานีบีทีเอสใกล้ที่พักดิฉันเองมีร้านกาแฟสดและเครื่องดื่มต่างๆ นับได้ถึง 6 แผงด้วยกัน ดิฉันลองวิเคราะห์ดูว่าทำไมร้านในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของไทยและญี่ปุ่นจึงต่างกัน
• ประเทศไทยคนใช้บริการรถไฟฟ้ายังน้อย ที่โตเกียวบางสถานีมีผู้โดยสารมาใช้บริการมากถึงจำนวนหลายล้านคนต่อวัน เทียบกับที่ประเทศไทยมีผู้โดยสารบีทีเอสวันหนึ่งรวมประมาณ 7 – 8 แสนคน รถใต้ดินก็มีผู้โดยสารประมาณครึ่งหนึ่งของบีทีเอสเท่านั้น แน่นอนเมื่อคนน้อยกว่าความคึกคักของร้านค้าก็ย่อมสู้ไม่ได้
• แผงลอยข้างนอกมีมากมายและราคาถูกกว่า แผงลอยของประเทศไทยนั้นจัดว่ามากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกและราคาก็ถูกกว่าร้านบนสถานี เช่น หากซื้อกาแฟบนสถานีราคาต่ำๆ ก็ 30 – 50 บาทตามค่าเช่า แต่หากซื้อข้างนอกราคาอาจแค่ 20 – 25 บาทเป็นต้น แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นร้านในหรือนอกสถานีราคาแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
• พฤติกรรมผู้บริโภค สถานีรถไฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น เป็นจุดนัดพบของคนส่วนมาก คนญี่ปุ่นยังคุ้นเคยกับการใช้บริการร้านค้า ซื้อของใช้และเสื้อผ้าในสถานีเพราะสะดวกสบาย
สถานียังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและร้านขนม ในช่วงเวลาอาหารคนญี่ปุ่นนิยมแวะซื้อข้าวกล่องในสถานี นัดเพื่อนทานข้าวในร้านอาหาร หรือจิบเบียร์ที่ร้านในสถานีก่อนกลับบ้าน บางร้านที่ดังๆ ยังเป็นที่กล่าวขานกันเช่น ต้องมากินร้านนี้ๆ ที่สถานีนี้ๆ เป็นต้น แต่ของไทยเหรอคะคงจะหาน้อยคนที่จะถ่อมาสถานีเพื่อมาซื้อข้าวค่ะ
• สาธารณูปโภคภายในสถานี สถานีที่ญี่ปุ่นหลายแห่งมีการเชื่อมโยงทางเดินระหว่างสถานีไปยังห้างสรรพสินค้าและ
ช้อปปิ้งมอลล์เพื่อเรียกคนให้เข้ามาเดินช้อปปิ้ง บางครั้งไม่ต้องเดินออกจากประตูตั๋วก็สามารถจับจ่ายซื้อของได้ ร้านค้าภายในสถานีก็ตั้งแบบล่อตาล่อใจเรียงรายน่าซื้อมาก ต่างจากร้านในสถานีที่ไทยที่ดูหลบๆ อยู่ในมุมมืดสักหน่อย แทบทุกสถานีที่ญี่ปุ่นยังมีห้องน้ำอยู่หลายๆ มุม ต่างจากที่ไทยที่ไม่ได้มีห้องน้ำสะดวกเท่า ทำให้เวลาจะกินอะไรก็ต้องคิดนิดนึงว่าหากปวดขึ้นมาจะต้องวิ่งไปทางไหนค่ะ
คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ
สามารถติดตามอ่าน Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก ตามแผงหนังสือชั้นนำ และ สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ธุรกิจญี่ปุ่นที่ตั้งขึ้นจากการเกิดจากปัญหา
– A-Dot Company ปรุงวัตถุดิบที่ไม่สมบูรณ์ให้เป็นอาหารแสนอร่อย
– อาหารปลอมที่ดึงดูดให้สั่งอาหารจริง
– คนญี่ปุ่นบ่นคิดถึงอาหารรถเข็นไทย
– มารยาทการเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น
– เทคนิคการคิดสิ่งใดให้สมปรารถนา ตามแนวดร. อินะโมะริ