ละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ตำนานเรียวมะ (龍馬伝) ซึ่งได้ดาราแสดงนำฝ่ายชาย คือ ฟุกุยะมะ มะซะฮะรุ (福山雅治) มารับบทเป็น ซากาโมโต เรียวมะ (Sakamoto Ryoma, 坂本龍馬) กลายเป็นละครยอดฮิตที่แฟนๆ ติดกันงอมแงมไปทั่วทั้งบ้านทั้งเมือง (ญี่ปุ่น)
ตั้งแต่ต้นปี 2010 เรื่อยมา หากท่านใดได้ติดตามชมละครอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่จัดสร้างโดยสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันดีว่า สถานี NHK ก็คงจะได้ชมละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ตำนานเรียวมะ (龍馬伝) ซึ่งได้ดาราแสดงนำฝ่ายชาย คือ ฟุกุยะมะ มะซะฮะรุ (福山雅治) มารับบทเป็น ซากาโมโต เรียวมะ (Sakamoto Ryoma, 坂本龍馬) ซึ่งแน่นอนว่า ละครเรื่องนี้ กำลังเป็นละครยอดฮิตที่แฟนๆ ติดกันงอมแงมไปทั่วทั้งบ้านทั้งเมือง (ญี่ปุ่น)
แท้จริงแล้ว ซากาโมโต เรียวมะ (Sakamoto Ryoma) เป็นใคร และมีความสำคัญอย่างไร ถึงได้มาเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ขนาดนี้ ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกนิด ผมจะเล่าให้ฟัง
ช่วงชีวิตของเรียวมะเกิดในยุคที่เป็นรอยต่อของยุคที่ระบบโชกุนล่มสลาย และยุคของการปฏิวัติพัฒนาสังคมและฟื้นฟูระบอบจักรพรรดิ และเรียวมะเองก็ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่มีส่วนในการขับเคลื่อนสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว
เรียวมะเกิดในปี เทมโปที่ 6 (天保6年) เดือน 11 วันที่ 15 ตรงกับวันที่ 3 มกราคมปี ค.ศ. 1836 เป็นบุตรคนสุดท้องในครอบครัวพี่น้อง 5 คนของตระกูลนักรบชั้นสามัญของแคว้นโทสะ มีบันทึกกล่าวว่า ในคืนก่อนวันถือกำเนิดของเรียวมะ มารดาของเรียวมะฝันเห็นมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่วนบิดาก็ฝันเห็นม้ากระโจน ในวัยเด็กเรียวมะเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนโยน จนดูเป็นเด็กที่อ่อนแอในสายตาของเด็กในชนชั้นเดียวกัน มารดาของเรียวมะป่วยกระเซาะกระแซะตั้งแต่หลังจากให้กำเนิดเรียวมะ และเสียชีวิตไปเมื่อเรียวมะอายุเพียง 12 ปี
ว่ากันว่า ความสนใจในทะเล การเดินทาง และโลกกว้าง ของเรียวมะนั้น ได้รับอิทธิพลมาจากการไปเยี่ยมญาติข้างแม่เลี้ยงของเรียวมะ สำหรับสังคมยุคเอโดะซึ่งญี่ปุ่นทำการปิดประเทศ ไม่คบค้ากับชาติอื่นใด ยกเว้นเพียงแต่บางพื้นที่ที่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับชนชั้นสูงอย่างเช่น นางาซากิ ที่นั่นเรียวมะได้พบเห็นของแปลกใหม่มากมาย และสิ่งที่น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรียวมะมากที่สุดเห็นจะได้แก่ แผนที่โลก ซึ่งเรียวมะได้เห็นขนาดของญี่ปุ่นที่เล็กเพียงนิดเดียวเมื่อเทียบกับแผนที่โลกทั้งผืน
ด้วยความที่เป็นเด็กที่มักถูกกลั่นแกล้งจากเด็กอื่นอยู่เสมอ พี่สาวคนที่ 3 โอโตเมะจึงเริ่มสอนการต่อสู้ให้กับเรียวมะ และเมื่ออายุ 14 ปี เรียวมะก็ได้เข้าเรียนวิชาดาบที่สำนักดาบฮิเนะโนะเบนยิ (日根野弁治) ใช้เวลาเรียน 5 ปี ก็สำเร็จวิชาดาบสายโองุริ (小栗流剣術) และณ.จุดนี้เรียวมะก็ได้กลายเป็นที่ยอมรับของเพื่อนในวัยเดียวกัน
เรียวมะได้รับการแนะนำให้ไปศึกษาวิชาดาบต่อที่สำนักดาบโอเคะมะจิชิบะ (桶町千葉) ในสายดาบวิชาฮกชินอิตโต (北辰一刀流) แล้วเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญในระหว่างที่เรียวมะศึกษาวิชาดาบที่เอโดะก็คือ นายพลจัตวาแมทธิว เปอร์รี่ (Matthew Perry) แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้นำเรือดำสี่ลำมาทอดสมอที่นอกฝั่งอุรางะ ในอ่าวโตเกียว (江戸湾口, 浦賀沖) สร้างความแตกตื่นให้กับชาวเอโดะผู้ไม่เคยเห็นเรือของชาวต่างชาติเป็นอันมาก และแน่นอนว่าย่อมรวมไปถึงตัวเรียวมะเองด้วย
การมาของเรือดำในครั้งนี้ ได้สร้างความสั่นคลอนให้กับระบอบการปกครองแบบโชกุน และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ถ้อยคำหนึ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายที่เรียวมะส่งถึงโอโตเมะพี่สาวต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า “ถ้าหากมีสงคราม เราจะเอาศีรษะคนต่างชาติเหล่านี้กลับบ้านไปด้วย” เรียวมะใช้เวลา 15 เดือน ก็สำเร็จวิชาดาบและเดินทางกลับแคว้นโทสะ
เขาได้เป็นครูฝึกวิชาดาบที่สำนักดาบฮิเนะโนะ ในช่วงนี้เองที่เรียวมะได้พบกับ จอห์น มันจิโร (ジョン万次郎) ชาวประมงที่เรือแตกลอยข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคไปแล้วได้รับการช่วยเหลือจากชาวอเมริกัน และได้รับการฝึกฝนให้สื่อสารภาษาอังกฤษได้ จนภายหลังได้มาเป็นล่าม และบุคคลอีกผู้หนึ่งที่เรียวมะได้พบปะก็คือ คาวาดะ โชเรียว (河田小龍) ช่างวาดภาพผู้มีความสนใจศึกษาสภาพสังคมชาวต่างชาติ (ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในขณะนั้น) ตอนนั้นเรียวมะได้ซึมซับความเข้าใจระบบสังคมของชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสิทธิและความเท่าเทียม
และเมื่อเรียวมะอายุได้ 22 ปี เขาก็ได้รับการส่งตัวให้ไปศึกษาวิชาดาบเพิ่มเติมที่เอโดะอีกครั้ง คราวนี้ได้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 2 คน คือ ทะเคจิ ฮัมเปตะ (武市半平太) กับ โออิชิ ยาทะโร่ (大石弥太郎) เรียวมะกลับไปศึกษาต่อที่สำนักดาบชิบะอีกครั้ง การศึกษาในครั้งนี้เรียวมะเต็มไปด้วยความสับสน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่ของซามุไร หรือสิทธิความมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งการมาเอโดะในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้เรียวมะได้ศึกษาทั้งโลกใหม่และโลกเก่า
จากเหตุการณ์เรือดำของกองทัพสหรัฐอเมริกาบุกรุกน่านน้ำยื่นข้อเสนอให้เปิดประเทศ ทำให้รัฐบาลโตกุกาว่าออกคำสั่งให้แว่นแคว้นหัวเมืองต่างๆระดมกำลังตระเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาวะสงคราม ญี่ปุ่นซึ่งห่างภาวะสงครามขนาดใหญ่มานานกว่าชั่วอายุคน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอาวุธที่มีอานุภาพสูงกว่า จึงทำให้การเตรียมยุทธการเป็นไปอย่างไม่คล่องแคล่วนัก อีกทั้งยังมีปัญหาการแย่งชิงตำแหน่งโชกุนให้กับตระกูลที่กลุ่มพวกของตนให้การสนับสนุน และบางกลุ่มก็มีการเอาใจออกห่างเมื่อโชกุนในตำแหน่งไม่ใช่โชกุนที่มาจากการสนับสนุนของกลุ่มพวกตน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะระส่ำระสายทั้งทางอำนาจและทางสังคม
แล้วเรียวมะได้กลับสู่มาตุภูมิแคว้นโทสะอีกครั้ง เพื่อนๆ ร่วมรุ่นของเรียวมะต่างก็กระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังของแคว้น แต่เรียวมะมีความเห็นที่ต่างออกไปจากเพื่อนของเขา เรียวมะพยายามจะอธิบายถึงวิธีการที่ชาวญี่ปุ่นต้องทำ การปรับตัวปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับโลกใหม่ แต่ความคิดของเรียวมะดูเหมือนจะใหม่และหลุดออกไปจากคนในยุคเดียวกัน ประกอบกับเพื่อนสนิทของเรียวมะที่ชื่อทะเคจิ ฮัมเปตะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดกองกำลังคนหนุ่มพิทักษ์แคว้นด้วย ชีวิตเรียวมะในช่วงนี้ช่างยากที่จะหาใครยืนข้างเคียง
(โปรดอ่านต่อตอนต่อไป)
เรื่องแนะนำ :
– Sakamoto Ryoma ที่ผมรู้จัก ตอนที่ 4: พักผ่อนเถิดนะเรียวมะ
– Sakamoto Ryoma ที่ผมรู้จัก ตอนที่ 3
– Sakamoto Ryoma ที่ผมรู้จัก ตอนที่ 2