ญี่ปุ่นสีแดง … เขายืนอยู่ที่หน้าร้าน หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกมือเล็กน้อยในหัวเต็มไปด้วยความสับสน “ร้านนี้ ต่างชาติเข้าได้ ชัวร์ใช่ไหม?” ชายไทยสองคน ยืนขนาบซ้ายขวา “ครับ ไม่ผิดแน่…”
เขายืนอยู่ที่หน้าร้าน หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกมือเล็กน้อยในหัวเต็มไปด้วยความสับสน
“ร้านนี้ ต่างชาติเข้าได้ ชัวร์ใช่ไหม?” ชายไทยสองคน ยืนขนาบซ้ายขวา
“ครับ ไม่ผิดแน่…”
มันจะผิดได้อย่างไร ในเว็บไซต์ญี่ปุ่น มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อย่างว่าแบบเรียกว่าจัดเต็ม บริการเรื่องอย่างว่าของญี่ปุ่น จะมีทั้งแบบที่โทรศัพท์เรียกผู้หญิงออกมานัดเจอ แล้วก็นัดสถานที่กัน กับอีกแบบที่จะคล้ายๆ กับของไทย คือก็ไปถึงสถานที่ จะมีห้อง สถานที่และอุปกรณ์เตรียมให้เสร็จสรรพ
และตอนนี้ เขากับชายสองคน ยืนอยู่หน้าร้านคริสตัล เกียวโตะ บริเวณ Kawasaki ซึ่งอยู่ระหว่างโตเกียวกับโยโกฮามะ เป็นหนึ่งในแหล่งดังเรื่องอย่างว่าในหมู่คนญี่ปุ่น (ถ้าเทียบกับไทยก็คงประมาณพระรามเก้า เพชรบุรีตัดใหม่นั่นแล)
“เอ้ย วินเป็นไรเนี่ย ยืนงงอยู่ได้ ก็ไหนบอกเองว่า ล่ามอย่างน้อง พาเที่ยวได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกรูปแบบไง เร็วๆ”
นักเรียนไทยหลายๆ คนมักจะรับงาน part time เป็นล่ามเวลาคนไทย ตามหน่วยงานบริษัทต่างๆ มาเที่ยวดูงาน เขาคุ้นเคยดีว่าพอดึกหน่อย ตอนกลางคืน เหล่าคณะก็จะชวนไปช้อปปิ้งดงกิ โฮเท กินราเมง จุดขายของเขาเวลารับงานล่ามคือ เวลามีคนขอให้ออกนอกรอบแบบนี้ เขาไม่มีคิดค่าล่ามเพิ่ม เขากลับมองว่าทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ การพูดคุยกับคนไทยที่มาดูงานญี่ปุ่นทั้งหลาย ล้วนเป็นข้อมูลที่ดี สัมพันธ์ที่มีประโยชน์ทั้งนั้น
แต่คราวนี้… เขานึกไม่ถึงว่าจะมาถึงขั้นนี้ ตอนสามทุ่มพี่ในคณะสองคน เคาะประตู อ้างว่าตอนกลางวันน้องพูดเรื่องเขต dark side ของญี่ปุ่น พวกเขาอยากไปทัศนศึกษา
ถึงเขาอยู่ญี่ปุ่นมานาน แต่หากใครเข้าไปเว็บไซต์โฆษณาสถานที่อย่างว่าใหม่ๆ บอกเลยจะงงมาก เพราะมันจะมีศัพท์เฉพาะของวงการอย่างว่าญี่ปุ่นเขา NN,NS Pink Salon Hoteheru
แน่นอนมันไม่มีแบบเรียนไหนสอนแน่ (อาจจะมี แต่คงนอกตำรามาก) ความสำคัญคือ เราต้องรู้เพื่อเข้าใจว่า มันสัมพันธ์กับค่าบริการยังไง โชคดีที่เพื่อนๆ คนญี่ปุ่นก็เล่านู่นเล่านี่ให้เขาฟังเยอะ เขาเลยสามารถอธิบายคนไทยบางกลุ่มที่อยากจะสัมผัสญี่ปุ่นเชิงลึกได้!!
ร้านอย่างว่าของญี่ปุ่น มีหลายระดับ ซึ่งราวกับถอดแบบมากับโมเดลของไทย (ไม่แน่ใจว่าอะไรเกิดก่อน) ระดับที่ห้ามมีอะไรกัน แต่จะมีการลูบไล้ตามตัวให้ บางกรณีต้องมีการคุยกับสาวผู้ให้บริการก่อน ซึ่งโดยกฎ กติกาของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ แล้ว การเรียกสาวมาที่โรงแรม หรือที่บอกว่ามานวด จะห้ามมีกิจกรรมอย่างว่า จะมีแต่ที่ที่เรียกว่า soapland เท่านั้นที่จะมีกิจกรรมจนถึงจุดปลายทาง
มันเหมือนมีกำแพง กำแพงที่กั้นระหว่างดินแดนสีแดง soapland กับดินแดน คาวาอี้ ดิสนีย์ คิกขุอาโนเนะของญี่ปุ่น แต่แล้ว… เขารู้ตัวอีกทีก็ไปอยู่อีกฟากของกำแพงแล้ว
และสมกับที่เป็นญี่ปุ่น ทุกอย่างที่เขียนในเน็ต แทบจะตรงกับที่เขากำลังจะเจอประสบการณ์ใหม่จริงๆ
สถานที่อย่างว่า จะมีเว็บไซต์บอกแผนที่ บอกส่วนลด (มีหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น ลดราคา first visit discount หรือถ้ามาตั้งแต่ก่อนกลางวันก็มีส่วนลด) บอกราคา (ซึ่งส่วนใหญ่จะแปรฝันตาม จำนวนเวลา เช่น ถ้าเลือก 70 นาทีอาจจะประมาณสองหมื่นเยน ถ้า 90 นาทีก็จะสองหมื่นห้าพันเยน เป็นต้น)
ในร้านจะมี counter ต้อนรับ ชายใส่สูทหยิบกระดาษที่มีรูปของสาวๆ ที่ available มาให้พวกเราดู
ร้านอย่างว่าของญี่ปุ่นจะต่างกับไทย คือไม่ใช่จะมีสาวมานั่งในตู้กระจก แต่จะเป็นวิธีการดูจากรูปภาพเอา
พอเราชี้เลือกเรียบร้อย ก็จ่ายเงินก่อน ตามคอร์ส ตามเวลาที่เขียนในเว็บเพจอย่างไม่ผิดเพี้ยน
หลังจากนั้น เราทั้งสามก็ชักไม่ค่อยพูดอะไรกัน ก่อนที่ผู้หญิงที่เลือกจะมา ทางคนของร้านจะให้เรามานั่งรอในห้องเล็กๆ มีที่นั่งกับแขกสองสามคน นั่งอยู่ก่อน… เท่าที่สังเกต ถ้าไม่นับเขาและพี่สองคนในคณะ ส่วนใหญ่จะเป็นชายวัยประมาณสี่สิบ ทุกคนเหมือนเป็น ซาลารี่แมน ห้องเต็มไปด้วยควันบุหรี่ มีโปสเตอร์ รูปสาวๆ ในชุดคอสเพย์ มีซุ้มการ์ตูนให้อ่านอยู่แก้ขัด มี counter ให้กดน้ำ กาแฟเองเช่นกัน
สามสิบนาทีผ่านไป ชายใส่สูทก็เรียกเบอร์ของเรา ให้เราเดินไปหน้าลิฟท์ ผู้หญิงที่เขาเลือกก็มารอในชุดนักเรียน ม.ปลาย (คนญี่ปุ่นเขาชอบชุดแบบนี้จริงๆ )
แต่แว่บแรกที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้น… ทำให้เขาคิดได้ว่าเทคโนโลยีโฟโต้ช็อป ไปไกลมากกก (ทำให้รู้สึกทันที ว่านี่คือข้อด้อยของสถานที่อย่างว่าในญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับไทย)
แต่ที่น่าทึ่งคือ ผู้หญิงที่ถูกเรียกมา จะทำหรือปฎิบัติกับแขกราวกับอ่านสนธิสัญญา ตามที่เขียนในเน็ตไว้ทุกตัวอักษร จะต้องกอด จะต้องทำขั้นไหนก่อนหลัง เล่นท่าอะไร อะไรที่ขอแล้วต้องคิดเงินเพิ่ม จนบางทีเขาคิดว่า นี่เป็น AI หรือเปล่านี่…
เขายอมรับว่า นี่ไม่ใช่สเป็ค… เขาคิดว่าน่าจะระวังเรื่องการตัดต่อ การดูโปรไฟล์ส่วนสัดมากกว่านี้ (เพราะตัวจริงอ้วนมาก ^^) และก็จบลงด้วยการคุยและกอดกันจากลา
เมื่อลงมาถึงข้างล่าง ชายในชุดสูทจะยื่น แบบสอบถามให้เราประเมินความพึงพอใจ !! อันนี้ถือว่าแปลกมาก แน่นอนคนไทยสองคนที่ไปกับเขาคงกรอกไม่ได้ (เพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น) คำถามไม่ใช่แค่ตอบข้อเดียวเสร็จ ละเอียดยังกับข้อสอบปลายภาค มีทั้งให้ประเมินความสะอาดของสถานที่ ขั้นตอนการบริการ รวมถึงว่าตอนอย่างว่าพอใจไหม พอเขากรอกว่าไม่พอใจ (จะพอใจได้ไง ก็เสียไปเกือบสามหมื่นเยน แต่นั่งคุยชั่วโมงกว่า) คนใส่สูทรีบถามว่าเพราะอะไร พนักงาน เมกุจัง ทำไม่ดี พูดจาแย่ หรืออย่างไร
คืนประหลาดของเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว… พี่คนนึงบอกว่าพอใจเหมือนตัวเองเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น (เออ.. คิดให้ได้อย่างนี้สิครับ) ส่วนอีกคนบอกว่าเมื่อเทียบราคากับสิ่งที่ได้รับ ของไทยดีกว่า คงไม่คิดแนะนำเพื่อนให้มาลอง ส่วนตัวเขาเอง… ตอบไม่ได้
เช้าวันรุ่นขึ้น
โทรศัพท์ดังมาหาผม
“พี่วินครับ… ทีหลังอย่าโยนงานให้ผมแบบกระชั้นชิดขนาดนี้นะครับ” เสียงเขาดูสับสน
“ขอโทษจริงๆ… คนที่ติดต่อมาก็บอกว่า ได้ยินต่อมาว่า น้องวินพาไปได้ทุกที่ ทุกเวลา พี่เลยอยากให้น้องมาช่วยรายการนี้ นายก็ชื่อวินด์เหมือนกัน เราเลยคิดถีงนายเป็นคนแรกเลย ว่าแต่…. ปกติก็ไม่เคยบ่น เป็นไรวะ”
“…คือ… เรื่องมันยาวครับ”
Note:
ชื่อตัวละคร ทั้งชายและหญิงล้วนเป็นฟิคชั่น
สถานที่ ตัวเลข เครื่องแต่งกายในเรื่องข้างต้น เป็นความจริง
ไม่ขอมอบเครดิตให้ใคร เพราะน่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
เรื่องแนะนำ :
– หนังสือญี่ปุ่นน่าอ่าน EP.2 คู่มือ ฆาตกรรม‼
– หนังสือญี่ปุ่นน่าอ่าน EP.1”
– แรงกระเพื่อมจักรวาล… ญี่ปุ่น x คลื่นแรงโน้มถ่วง x โนเบล
– ญี่ปุ่นจอมเกรงใจ… หรือเขาไม่ได้อยู่ดาวดวงเดียวกับเรา
– เมื่อคนญี่ปุ่น อยากโดดงาน