ถ้าพูดถึงแมตช์มวยปล้ำสุดโหดของญี่ปุ่นแล้ว ที่คลาสสิคที่สุดก็ต้องยกให้กับ “ลวดหนาม” หรือในภาษาอังกฤษว่า No Rope Barbwire Death Match ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ไม่มีเชือกเป็นลวดหนามแทนและเป็นแมตช์แห่งความตาย” นั่นเอง
ในบทความวันนี้ผมจะขอย้อนกลับไปพูดถึงมวยปล้ำกันอีกสักครั้งครับ เพราะต้องบอกว่าในช่วงปี 2016 ที่ผ่านมาเทรนด์ที่ดูเหมือนจะค่อย ๆ กลับมาฮิตอีกครั้งก็คือ “แมตช์มวยปล้ำโหด”
ซึ่งถ้าพูดถึงแมตช์มวยปล้ำสุดโหดของญี่ปุ่นแล้ว ที่คลาสสิคที่สุดก็ต้องยกให้กับ “ลวดหนาม” หรือในภาษาอังกฤษว่า No Rope Barbwire Death Match ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ไม่มีเชือกเป็นลวดหนามแทนและเป็นแมตช์แห่งความตาย” นั่นเอง
แน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยว่าทำไมนักมวยปล้ำถึงต้องยอมเสี่ยงกันขนาดนี้ ก่อนอื่นต้องบอกว่าจากที่ได้คุยกับนักมวยปล้ำเองโดยตรง มันมีทั้งแบบเต็มใจและแบบไม่มีทางเลือก
อย่างแรกเลย คือเต็มใจ… ในวงการมวยปล้ำนั้นมีคนที่ชอบการเจ็บตัวอยู่จริง ๆ ครับ รวมไปถึงบางคนที่รู้สักว่าการถูกเล่นงานนั้นเป็นอะไรที่เท่และสมกับความเป็นชาย เหมือนกับแสดงให้โลกได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือดอะไรแบบนั้น แต่อีกแบบหนึ่งคือแบบไม่มีทางเลือก ก็คืออาจจะเป็นนักมวยปล้ำที่ไม่ดังและต้องหาจุดเด่นให้ตนเอง หรือในกรณีทางธุรกิจที่เทรนด์ของวงการมันเป็นแบบนั้น และเราก็ต้องตามรอยปล้ำแบบเดียวกันโดยไม่มีทางเลือกเพราะดีต่อธุรกิจ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามถ้าพูดกันตรง ๆ แล้ว ต้องบอกว่า “อาวุธ” ที่ใช้ในการแข่งขันมวยปล้ำโหด ๆ นั้น ก็มีทั้งของจริงและของปลอมครับ ของจริงส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และทางนักมวยปล้ำเองก็ต้องรับความเสี่ยงอยู่แล้ว เช่นการเอาปลาปิรันย่า, จระเข้ หรือกระทั่งไฟมาใช้ในการแข่งขัน
ซึ่งบางครั้งนักมวยปล้ำก็โดนปลากัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ หรือกระทั่งบางคนที่โดนเผาจนแผ่นหลังไหม้ไปกว่า 80% ตรงนี้เขาไม่ได้มองเป็นอุบัติเหตุเลยนะครับ มองเป็นผลพลอยได้ที่มีโอกาสเกิดได้เสมอกับการปล้ำแบบนี้ และพอรักษาตัวหาย พวกเขาก็จะมาขึ้นปล้ำแบบเดิมอีกนั่นแหละ อาจด้วยภาระหน้าที่ ด้วยสัญญาต่อค่าย หรือจะด้วยเหตุใดก็ตาม มันก็กลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในวงการต่อสู้ของญี่ปุ่นไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
แต่ที่ผมเกริ่นไปว่ามันมี “ของปลอม” ปะปนมาด้วยในการแข่งขัน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสิ่งที่ปลอดภัยไร้อันตรายนะครับ แค่มันเป็นสิ่งที่ “เซฟ” ขึ้นมานิดหน่อยเท่านัน ยกตัวอย่างพวกขวด พวกแก้ว ก็จะทำจากน้ำตาล ซึ่งก็เหมือนจะปลอดภัยดี แต่ล่าสุดมีนักมวยปล้ำคนหนึ่งเลือดไหลไปผสมกับน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย ติดเชื้อซะอย่างนั้น หรือแม้กระทั่งลวดนามที่เอามาใช้ เขาจะตัดลวดให้มันสั้นลงเพื่ออย่างน้อยก็บาดแค่ในผิวหนังชั้นนอก แต่ด้วยความที่มันสัมผัสกับร่างกายโดยตรง ก็ยังทำให้เกิดภาวะติดเชื้อและนำไปสู่โรคภัยอันตราย ๆ ได้อีกเช่นกัน
เท่ากับว่านักมวยปล้ำที่กล้าปล้ำแมตช์นี้ ต้องแบกรับคามเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่ามกลางความบันเทิงที่เราได้รับมานั้น ความเสี่ยงเหล่านี้มันคุ้มค่ากันรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มันกำลังกลับมาฮิตอีกครั้ง รวมถึงมันก็เป็นวัฒนธรรมหนึ่งในวงการต่อสู้ของญี่ปุ่นอยู่ดี ดังนั้นผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับแมตช์ “เชือกลวดหนาม” ที่น่าสนใจและควรจะรู้จักกันไว้ครับ
IWA : Tournament Of Death 1995
นี่คือทัวร์นาเมนต์มวยปล้ำในตำนานที่ยังหาชมได้ง่าย ๆทางยูทูปครับ อีเวนท์นี้จัดขึ้นที่ Kawasaki Baseball Stadium และสาเหตุที่มันกลายเป็นตำนานก็เพราะมันคือแมตช์มวยปล้ำทัวร์นาเมนต์ 8 คน ที่เต็มไปด้วยอาวุธและความรุนแรงแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน
ยกตัวอย่างอาวุธที่ใช้ในอีเวนท์นี้ก็เช่น ไม้กางเขนขนาดเท่าตัวคน ที่ปักไปด้วยลวดหนาม, แผ่นไม้ที่เต็มไปด้วยตะปูแหลมที่พร้อมจะแทงร่างกายของนักมวยปล้ำตลอดเวลา การเปลี่ยนเชือกเวทีปกติให้กลายเป็นลวดหนาม รวมถึงยังมีระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทันทีเมื่อถึงเวลา นั่นหมายความว่านักมวยปล้ำจะโดนผลกระทบไปด้วยหากเขาไม่สามารถเอาชนะได้ก่อนเวลา เพื่อที่จะหยุดระเบิดนั้นลง!
คู่เอกของทัวร์นาเมนต์นี้ (ซึ่งเป็นคู่ชิงชนะเลิศ) คือแมตช์ของนักมวยปล้ำอเมริกาขาโหดสองคนซึ่งคนไทยรู้จักกันดี นั่นก็คือ Cactus Jack ปะทะกับ Terry Funk แมตช์นี้นั้นถูกรีรันในสื่อต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่เข้าใจว่านักมวยปล้ำจะต้องปล้ำกันโหดขนาดนี้ทำไม โดย Cactus Jack ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้รับเงินเพียง 300 ดอลลาร์เท่านั้นในการขึ้นปล้ำอีเวนท์นี้ (ประมาณเก้าพันบาท ซึ่งจะน้อยกว่านี้อีกหากเทียบกับค่าเงินในสมัยนั้น) เรียกว่าต้องใจรัก และได้รับผลตอบแทนทางด้านอื่นที่เหมาะสมจริง ๆ ถึงจะคุ้มค่ากับการเสี่ยงแบบนี้ และแน่นอนว่าแมตช์นี้ก็สร้างชื่อเสียงให้กับเขาและกลายเป็นตำนานจนทุกวันนี้อย่างแท้จริง
The Great Muta vs The Great Nita (NJPW : 1999)
การปล้ำคู่นี้เป็นอีกหนึ่งการปล้ำในตำนานของญี่ปุ่นครับ ต้องเกริ่นก่อนว่าปัจจุบันนั้น NJPW (New Japan Pro Wrestling) คือสมาคมมวยปล้ำอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น และมีฐานแฟน ๆ ที่แข็งแกร่งมาก แมตช์นี้มีความพิเศษตรงที่ปกติแล้วการปล้ำของ NJPW จะเป็นการปล้ำแบบปกติ ไม่ค่อยมีแมตช์แฟนตาซี หรืออะไรที่อันตรายเข้ามาปะปนมาก
แต่แมตช์นี้เป็นข้อยกเว้นครับ นักมวยปล้ำสองคนในแมตช์นี้ ขอเริ่มจาก The Great Muta ก่อน…เขาคือนักมวยปล้ำที่แฟนๆมวยปล้ำรู้จักกันดีครับ เพราะขึ้นปล้ำในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80 มีจุดเด่นคือคาแรกเตอร์ที่แฟนตาซีหลุดโลก (สมัยนั้นนักมวยปล้ำที่คาแรกเตอร์ชัด ๆ จากญี่ปุ่นแบบนี้ยังมีน้อย) มีจุดเด่นคือการพ่นสารพิษใส่หน้าคู่ต่อสู้ได้ ผสมผสานกับสไตล์การปล้ำนินจาที่โดดเด่น ก็ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา
ในขณะที่ The Great Nita มีชื่อจริงว่า Atsushi Onita คนนี้คือตำนานของวงการมวยปล้ำญี่ปุ่น ว่ากันว่าเขาคือนักมวยปล้ำที่ Charisma มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะถ้าดูถึงสกิลการปล้ำ ต้องบอกว่าเขาปล้ำได้แย่มากๆ แต่เขาสามารถดึงดูดผู้ชมได้ด้วยสไตล์การปล้ำที่โดดเด่น และ “ลูกบ้า” แบบที่ไม่มีคนญี่ปุ่นคนไหนทำกัน เขาเป็นตำนานของมวยปล้ำ Deathmatch ร่างกายบอบช้ำมากเต็มไปด้วยรอยแผล จนคนว่ากันว่าทุกส่วนของร่างกายเขานั้นล้วนเคยแตกหัก ปริแตก หรือนองเลือดมาแล้วทั้งสิ้น
แมตช์นี้เริ่มต้นมาจากที่ Onita เปลี่ยนกิมมิคเป็น The Great Nita อาละวาดในสมาคมตนเอง (เหมือนจะ troll กลายๆ) และแฟนๆก็เริ่มเรียกร้องอยากเห็นทั้งสองคนนี้มาเจอกัน เป็น Dreammatch ในฝันที่น่าจะบ้าน่าดูหากเกิดขึ้น และสุดท้ายทาง NJPW ก็จัดให้ครับ และถึงใจมากด้วยเพราะนอกจากจะเปลี่ยนเชือกเป็นลวดหนามแล้ว เขายังเพิ่ม “กระแสไฟฟ้า” เข้าไปที่ลวดหนามด้วย นั่นหมายความว่าใครที่ถูกเหวี่ยงเข้าไปที่ลวดหนาม นอกจากจะโดนบาดแล้ว ยังจะโดนกระแสไฟที่ระเบิดเต็ม ๆ เล่นงานอีกด้วย !!! แมตช์จะเป็นอย่างไรก็ติดตามชมด้านบนได้เลยครับ
Atsushi Onita vs Hayabusa
https://www.youtube.com/watch?v=BV-qviybDTs
แมตช์นี้ถูกโปรโมทว่าเป็นแมตช์ “อำลา” ของโอนิต้า ซึ่งตอนนั้นกำลังพีคมาก ๆ มีแฟน ๆ ติดตามเยอะ และตอนนั้นสมาคมของแกอย่าง FMW ก็มีดาวดวงใหม่อย่าง Hayabusa นักมวยปล้ำหน้ากากจอมพริ้วไหว (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เป็นตัวชูโรง
แมตช์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางคนดูกว่าห้าหมื่นคน โดยแมตช์นี้ต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนเชือกเป็นลวดหนาม แต่เขาใช้ “กรงลวดหนาม”มาล้อมเวทีเลย !!! ในตอนนั้น Onita สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ “แมตช์ที่จะปิดฉากชีวิตนักมวยปล้ำ” แต่เขาต้องการถึงขนาด “แมตช์ที่อาจจบชีวิต” เขาไปเลย เรียกว่าร่างกายและจิตวิญญาณของเขาอุทิศให้กับมวยปล้ำแบบนี้จริง ๆ
และไม่ใช่แค่ลวดหนามเท่านั้น เพราะข้าง ๆ เวที จะมีนาฬิกาที่สามารถเห็นตัวเลข 15.00 อย่างชัดเจน ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่า มันคือนาฬิกานับถอยหลัง ที่จะระเบิดทันทีหากมันลดลงจนเหลือ 0 เรียกว่าอันตรายอยู่รอบด้านจริงๆสำหรับแมตช์นี้
แมตช์ดำเนินมาอย่างนองเลือดครับ หลายๆครั้งที่กรรมการทำท่าจะยุติแมตช์ จนกระทั่งเวลา 15 นาทีหมดลง ทั้งสองยังไม่มีใครเอาชนะกันได้… และรอบ ๆ เวทีก็ระเบิดขึ้น !!!! ควันทะมึนปิดรอบเวทีไปหมด
แมตช์ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง คนดูส่งเสียงกรี๊ดกันระงม จนกระทั่งควันจาง นักมวยปล้ำทั้งสองคนนอนจมกองฝุ่น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาสู้กันต่อ เป็นภาพที่ทำเอาบรรยายไม่ถูก หลาย ๆ คนตั้งคำถามว่า “คุณจะทำกันถึงขนาดนี้ไปเพื่ออะไร”
ผลการปล้ำเป็นอย่างไร เราอยากให้ทุกคนดูกันเอง แต่ว่าหลังจากจบแมตช์ คนดูทั้งสนามต่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างกึกก้อง บางคนพยายามกรูเข้าไปที่สนาม และภาพสุดท้ายที่พวกเขาเห็นก็คือมิตรภาพของทั้งสองนักมวยปล้ำที่ต่างเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันหลังการต่อสู้อันบ้าระห่ำนี้จบสิ้นลง
สุดท้ายแล้วมวยปล้ำก็ยังมีอีกหลาย ๆ แง่มุมที่เข้าใจได้ยาก หรือแทบจะเข้าใจไม่ได้เลยสำหรับคนที่ไม่เคยติดตามชมหรือไม่ได้อยู่ในวงการนี้ แต่ผมเองยังเชื่อว่าในทุก ๆ ความเจ็บปวดหรือความอันตรายทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ มันยังคงมีแง่มุมที่งดงาม ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ศักดิ์ศรี”… “ความจำเป็น”… “ธุรกิจ” ตลอดจนความสุขของแฟน ๆ ที่เป็นเหมือนชนักติดหลังให้นักมวยปล้ำต้องพยายามอย่างเต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือ “ความสุขของแฟนๆ” นั่นเอง
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– เรื่องราวที่น่าสนใจของวงการมวยปล้ำหญิงญี่ปุ่นในปี 2016
– ไอดอลญี่ปุ่นกับวงการมวยปล้ำ
– เมื่อพาคนญี่ปุ่นเที่ยวทะเลไทย
– การขึ้นปล้ำที่ต่างประเทศของค่ายมวยปล้ำญี่ปุ่น
– Local Idol ความงดงามจากสิ่งเล็ก ๆ สู่โลกที่กว้างใหญ่