Nakamura Tempu กล่าวว่า “นอกจากลิขิตฟ้าที่เป็นผู้กำหนดว่าเราจะต้องมาเกิดในประเทศใด ในช่วงใด เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย สิ่งอื่นๆนอกจากนั้นล้วนถูกกำหนดผ่านทางความคิดของคนเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการทำธุรกิจ การมีครอบครัวที่อบอุ่น การมีชีวิตที่มีความสุข”
ดิฉันได้ยินชื่อของ Nakamura Tempu หลายครั้งจากหนังสือของ ดร.คาซุโอะ อินาโมริ ซึ่งได้พูดเกี่ยวกับการใช้สติในการดำเนินชีวิต Nakamura Tempu เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรปรัชญา Tempukai และเป็นผู้นำโยคะเข้ามาในญี่ปุ่น ดิฉันจึงได้ไปค้นหาหนังสือของ Nakamura Tempu มาอ่านและได้พบว่ามีความน่าสนใจแถมยังนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดีค่ะ
Nakamura Tempu กล่าวว่าคนแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ คนที่มีจิตใจด้านบวกและคนที่มีจิตใจด้านลบ
คนที่มีจิตใจด้านบวก ได้แก่ คนที่มีความสดใส ร่าเริง กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ มุ่งมั่น มีน้ำใจและมีจิตใจกว้างขวาง
ส่วนคนที่มีจิตใจด้านลบคือคนที่ เศร้าโศก บึ้งตึง มองโลกในแง่ร้าย ขลาดกลัว หม่นหมอง วิตกกังวล ขี้อาย ขัดเคืองใจบ่อยๆ อิจฉาริษยา ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือคิดว่าตัวเองไร้ค่าน่าสมเพช
สภาพจิตใจของมนุษย์มีความสำคัญยิ่งเพราะจิตใจควบคุมร่างกาย การเคลื่อนไหว ทัศนคติการมองโลก ความเจ็บป่วย คนที่อารมณ์ดีมักจะไม่ค่อยเจ็บป่วยหรือป่วยไม่นาน คนที่มีอารมณ์ด้านลบมักจะก่อปัญหาสุขภาพด้วยอารมณ์ลบ ๆ ของตัวเองอยู่เสมอ เพราะจิตใจมีผลต่อร่างกายโดยตรง โรคหลายๆโรคเกิดจากความเครียด ความขุ่นเคืองใจ การไม่ยอมให้อภัย เช่น โรคกระเพาะ ปวดหลัง ไปจนถึงโรคร้ายต่างๆ เช่นมะเร็ง เป็นต้นค่ะ
จิตใจยังควบคุมวิถีในการดำเนินธุรกิจ นักธุรกิจจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนล้วนขึ้นอยู่กับแรงปรารถนาและความพยายามไปถึงเป้าหมาย จิตใจยังควบคุมความสุขเพราะคนเราจะมีสุขหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าวของภายนอก เช่น รถยนต์ บ้าน ครอบครัว สถานะ ยศถาบรรดาศักดิ์แต่ความสุขเกิดจากสภาวะภายในจิตใจเราเอง จิตใจควบคุมชะตากรรมของเราทุกคนแบบที่เรียกว่า “สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ”
Nakamura Tempu กล่าวว่า “นอกจากลิขิตฟ้าที่เป็นผู้กำหนดว่าเราจะต้องมาเกิดในประเทศใด ในช่วงใด เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย สิ่งอื่นๆนอกจากนั้นล้วนถูกกำหนดผ่านทางความคิดของคนเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการทำธุรกิจ การมีครอบครัวที่อบอุ่น การมีชีวิตที่มีความสุข”
คนที่มีจิตใจด้านบวกจะมีความสุข สดชื่นในชีวิต ในขณะเดียวกันคนที่มีจิตใจด้านลบจะเดือดร้อนเสมอๆ อารมณ์ลบแบ่งเป็น 3 ประเภท
1) ทุกข์กับอดีต บางคนชอบคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีตและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วก็ชอบบอกกับตัวเองซ้ำๆ เช่น ถ้าฉันไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนั้น…ฉันคงจะประสบความสำเร็จไปแล้ว ถ้าฉันไม่เกเร…ฉันคงมีโอกาสในการทำงานที่ดีกว่านี้ ถ้าพ่อแม่ฉันรวย…ฉันคงจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ “ฉันมีชีวิตแย่ เพราะเขาคนนั้นทำร้ายฉัน” ฯลฯ
2) ทุกข์กับปัจจุบัน บางคนรู้สึกหวาดหวั่นกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เช่น บางคนพอกำลังจะก้าวออกจากบ้านก็คิดว่า “วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของฉัน” พอเดินไปเห็นควันจากไฟไหม้ก็คิดว่า “นั่นอาจเป็นบ้านฉันที่กำลังโดนไฟไหม้” พอปวดท้องก็คิดว่า “ฉันคงเป็นมะเร็ง ถ้าฉันตายไปลูกเมียจะอยู่ยังไง” คนที่มีอารมณ์ลบอยู่เสมอจะมองทุกอย่างและทุกเหตุการณ์เป็นลบหมด
3) ทุกข์กับอนาคต บางคนวิตกกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เช่น “ถ้าฉันทำแบบนี้ อาจเกิดเหตุการณ์แบบนั้น” แต่ยิ่งวิตกกังวลมากเท่าไร ก็มีแนวโน้มว่าเหตุการณ์ร้ายๆ จะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น บางคนเป็นมากๆ จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องดักจับความคิดลบ โดย Nakamura Tempu ก็ได้บอกวิธีปฏิบัติไว้แล้วได้แก่
1) การเลือกรับสารที่ดี ในปัจจุบันข่าวสารและสื่อต่างๆมักนำเสนอข้อมูลด้านลบ เช่น ข่าวคนทะเลาะกัน ฆ่ากันตาย ผัวเมียเลิกกัน ทั้งนี้เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินเสมอ หากได้ยินเรื่องดีๆของคนอื่นเรามักจะรู้สึกแย่ หากได้ยินเรื่องไม่ดีของคนอื่น เรากลับจะรู้สึกดี เพราะมันสร้างความรู้สึกว่าเรา “ก็ยังดีกว่าคนอื่น” ข่าวประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมของคน แต่หากเรายิ่งเสพข้อมูลด้านลบแบบนี้มากเท่าไร จิตใจของเราก็ยิ่งหม่นหมองลงเท่านั้นและก็ยิ่งดึงดูดสิ่งไม่ดีเหมือนข้อมูลไม่ดีที่เรารับให้เข้ามาในชีวิต
2) ฝึกมองจิตใจตัวเอง มีสติรับรู้ถึงถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นในทุกๆขณะและรู้ตัวว่ากำลังคิดลบเลือกรับฟังสิ่งดีๆโดยเฉพาะช่วงก่อนหลับและตอนตื่นนอนใหม่ๆเพราะเป็นช่วงที่จิตใต้สำนึกของคนเราจะเปิด และทดแทนอารมณ์ไม่ดีด้วยอารมณ์ดีๆเรื่องราวที่มีความสุข เพราะคนเราจะไม่สามารถคิดเรื่องดีและไม่ดีในขณะเดียวกันได้
3) เลือกคบคนที่มีทัศนคติที่ดี คนที่คล้ายกันจะดึงดูดกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคนที่มีทัศนคติด้านลบชอบจับกลุ่มนินทาว่าร้ายคนอื่น เมื่อไรก็ตามที่เราคบคนที่มีทัศนคติที่ดี เราเองจะมีทัศนคติที่ดีขึ้นไปด้วย
รักษาสภาพจิตใจให้สงบและรื่นรมย์ หากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น นั่นคือ “โลกภายนอกของเรา” แต่เราสามารถเลือกตีความสถานการณ์ต่างๆ ในแง่ดีหรือแง่ลบได้ หากเรามองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ มองทุก ๆ สิ่งในด้านบวก ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเพียงแค่อาหารที่บำรุงร่างกายเพื่อการเจริญเติบโตของเรา รวมถึงหัดให้อภัยคนอื่นและตัวเอง
วิธีคิดแบบนี้จะทำให้ชีวิตเราเต็มไปด้วยความสุข เมื่อสภาพจิตใจดีแล้ว เราก็จะรักษาสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้ และสามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จดังตั้งใจ
*******************************************************************************
สามารถพูดคุยแสดงความคิดเห็นกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ Facebook Page: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
ทักทายพูดคุยกับพิชชารัศมิ์ ได้ที่ >>> Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ธนาคารอาหารญี่ปุ่น เก็บของเหลือเพื่อคนยาก
– หลักปฏิบัติ 6 เพื่อการขัดเกลาจิตวิญญาณของดร. คาซุโอะ อินาโมริ เทพแห่งการบริหารญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่
– อย่ากินทิ้งกินขว้าง อย่าใช้ทิ้งใช้ขว้าง จิตสำนึกดี ๆ ของคนญี่ปุ่นที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง
– จัดบ้านให้น่าอยู่ จัดร้านให้น่าเข้า สไตล์ญี่ปุ่น
– การช่วยเหลือคนอื่น เทคนิคพิชิตโรคซึมเศร้า
– จากเกษตรกรโคนมชาวญี่ปุ่นสู่เจ้าของร้านไอศกรีมโฮมเมดหลากรสตามฤดูกาล
#Nakamura Tempu