คนญี่ปุ่นต้องการความมั่นคงในชีวิตและการเงิน ดังนั้นหากทำงานบริษัทใดแล้วก็มักจะทำไปนาน ๆ และอินกับงานที่ตัวเองทำมาก เพราะการเปลี่ยนงานนั้นหมายถึง ความไม่อดทนและไม่จริงจังกับการทำงาน บริษัทอื่นที่ไปสมัครก็จะลังเลที่จะรับเข้าทำงาน ทำให้มีผลกระทบในระยะยาว
ลักษณะการหางานและการทำงานของนักศึกษาไทยและญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างต่างกันมาก ได้แก่
เข้าชมรม ทำงานพิเศษ
นักศึกษาที่ญี่ปุ่นนิยมเข้าชมรม พูดง่าย ๆ ว่าทุกคนควรมีสังกัด เพราะคนญี่ปุ่นนั้นยึดถือความเป็นกลุ่มนิยม คือให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและได้รับการยอมรับจากกลุ่ม ชมรมที่เข้านั้นก็จะเป็นชมรมที่ตัวเองมีความสนใจ เช่น ชมรมกีตาร์ ชมรมนักพูด ชมรมกีฬา ฯลฯ บางคนเข้าชมรมมากกว่าเข้าห้องเรียนเสียอีก นอกจากนี้นักศึกษาส่วนใหญ่ยังนิยมทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริมด้วย
ส่วนนักศึกษาไทยนั้น คนที่เข้าชมรมนั้นมีบ้างแต่ไม่มาก ส่วนเรื่องทำงานพิเศษก็ยิ่งน้อยเข้าไปอีก ส่วนใหญ่พ่อแม่จะเห็นว่าช่วงเวลาเรียนก็ควรเรียนให้เต็มที่โดยไม่ให้มีสิ่งอื่นมารบกวนเวลา การทำกิจกรรมมาก ๆ อาจทำให้เรียนได้ไม่เต็มที่
หางานตั้งแต่อยู่ปี 3
พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นมักส่งเรียนถึงแค่ปริญญาตรี และคนญี่ปุ่นค่อนข้างมีความกังวลต่อความมั่นคงในชีวิตและต่อสายตาคนรอบข้างอย่างมาก โดยแต่ละบริษัทจะมีฤดูกาลรับนักศึกษาเข้าทำงาน หากผ่านช่วงรับนี้ไปแล้วก็ต้องรอปีถัดไป คนญี่ปุ่นจะสมัครงานกันตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเรียนจบจะมีงานรองรับให้ทำได้เลย
ต่างจากนักศึกษาไทยที่มักสมัครงานหลังเรียนจบ และสามารถสมัครช่วงใดก็ได้เพราะบริษัทต่าง ๆ เปิดรับสมัครตลอดปี บางคนยังอาจเรียนต่อปริญญาโทก่อนแล้วค่อยทำงานค่ะ
สถาบันสำคัญกว่าวิชาที่เรียน
ที่ประเทศไทยอาชีพยอดฮิตที่พ่อแม่อยากให้ลูกเรียนน่าจะเป็น หมอ วิศวกร บัญชี หรือสายธุรกิจ เพราะเป็นสายวิชาที่ค่อนข้างจะมีอาชีพรองรับและรายได้ดี แต่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยระบุเจาะจงสาขาที่อยากให้ลูกเรียน แต่จะเน้นการให้สอบเข้าสถาบันที่มีชื่อเสียง เพราะนั่นหมายถึงใบเบิกทางในการทำงานรวมถึงการได้เครือข่ายทางธุรกิจ (รวมถึงคู่ชีวิตที่ดี) ดังนั้นบางคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังไม่ได้ จึงยอมรออีกปีเพื่อเตรียมตัวสอบเข้า
อีกอย่างสาขางานอาจไม่สำคัญกับการทำงานบริษัทญี่ปุ่น เพราะหลาย ๆ ครั้งที่ตำแหน่งที่รับไม่ได้ต้องการคนที่เรียนมาตรงสาย อาจรับคนจบวิศวกรมาเป็นพนักงานการตลาด คนจบสายรัฐศาสตร์มาทำบัญชี จบกฎหมายมาทำเทรดดิ้ง เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทญี่ปุ่นเชื่อว่าทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้และไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานตรงกับสายที่ตัวเองเรียนมา
การไม่เปลี่ยนงาน
คนญี่ปุ่นต้องการความมั่นคงในชีวิตและการเงิน ดังนั้นหากทำงานบริษัทใดแล้วก็มักจะทำไปนาน ๆ และอินกับงานที่ตัวเองทำมาก เพราะการเปลี่ยนงานนั้นหมายถึง ความไม่อดทนและไม่จริงจังกับการทำงาน บริษัทอื่นที่ไปสมัครก็จะลังเลที่จะรับเข้าทำงาน ทำให้มีผลกระทบในระยะยาว ต่างจากคนไทยที่ค่อนข้างเปลี่ยนงานบ่อยและทำตามใจตัวเองมากกว่า คนญี่ปุ่นจึงมักงงว่าคนไทยเปลี่ยนงานกันง่ายมาก ๆ ค่ะ
สำหรับผลสำรวจล่าสุด อันดับอาชีพที่รายได้สูงของญี่ปุ่นได้แก่ นักวิเคราะห์ความเสี่ยง รายได้อยู่ที่ 16,000,000 เยนต่อปี ตามมาด้วย Managing Director, Business Analyst, Project Manager, Security Analyst, http://www.careeraddict.com/top-10-highest-paid-jobs-in-japan
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตามเรื่องราวสนุกๆและแรงบันดาลดีๆได้ในหนังสือ Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก ตามร้านหนังสือทั่วประเทศ
สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– คุณจะได้อะไรจากการอ่านหนังสือ Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก
– การบริการลูกค้าแบบญี่ปุ่นคือ คือต้องรู้จักพูด “คำขอโทษ” ไม่ใช่ “คำแก้ตัว”
– เด็กญี่ปุ่นและไทย โตขึ้นอยากเป็นอะไรกันนะ
– ประธานบริษัทถุงมือผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคทางกายและทางใจ
– Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก
– เคล็ดลับความสำเร็จที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Uniqlo
#นักศึกษาญี่ปุ่น