ความสัมพันธ์กับคนญี่ปุ่น คือเรื่องละเอียดอ่อนและค่อนข้างเซนซิทิฟ เนื่องจากผมทำงานกับคนญี่ปุ่นมานาน จึงได้พบว่าความสัมพันธ์ของเรากับกลุ่มคนแบบนี้ มันน่าอึดอัดกว่าการสนิทชิดเชื้อกับคนญี่ปุ่นแบบปกติ ทั้งๆ ที่คนญี่ปุ่นทั่วไปก็ดูเข้าถึงยากอยู่แล้ว
สิ่งที่ผมจะพูดในวันนี้ก็คือเรื่อง “ความสัมพันธ์” กับคนญี่ปุ่นครับ ผมใช้คำว่าในวงการเพราะผมต้องการจะสื่อถึงบุคคลที่ไม่ใช่คนปกติทั่วไป อาจเป็นนักธุรกิจ ดารานักร้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ตรงนี้คือเรื่องละเอียดอ่อนและค่อนข้างเซนซิทิฟ เนื่องจากผมทำงานกับคนญี่ปุ่นมานานพอสมควร จึงได้พบว่าความสัมพันธ์ของเรากับกลุ่มคนแบบนี้ มันน่าอึดอัดกว่าการสนิทชิดเชื้อกับคนญี่ปุ่นแบบปกติ ทั้งๆ ที่คนญี่ปุ่นทั่วไปก็ดูเข้าถึงยากอยู่แล้ว
ความสัมพันธ์ที่ผมจะพูดถึงนั้นก็หมายถึงการรู้จักทั่วไปนั่นล่ะครับ แต่สำหรับญี่ปุ่นนั้นผมพบว่าที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ “ที่เกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่” จะถูกหยิบยกมาเป็นลำดับแรกสุด ฟังแล้วอาจจะแปลกๆ นะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าคนญี่ปุ่นเลือกคบคนเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ผมหมายถึงว่าสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เขาจะแยกประเภทของความสัมพันธ์และแยกประเภทของคนที่ผ่านเข้ามามนชีวิตเสมอ
ดังนั้นคุณอาจไปสุดทางของความสัมพันธ์นั้นๆ ได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือคุณต้องข้ามผ่านกำแพงทางความรู้สึกของอีกฝ่ายไปด้วย ยกตัวแย่างง่ายๆ คือคนญี่ปุ่นจะคบบางคนเพื่อทางธุรกิจเท่านั้น เราอาจมีปฏิสัมพันธ์ให้กัน อาจจะสนิทให้ตาย แต่ก็จะลงท้ายที่ “เพื่อนนักธุรกิจที่สนิทที่สุด” ดังนั้นมันจะมีกำแพงบางๆ ของคำว่าธุรกิจกั้นอยู่ สิ่งที่สูงสุดของความสัมพันธ์แบบนี้ก็คือการพยายามเข้าไปอยู่ในหัวใจของอีก ฝ่ายให้ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ในการสร้างความสัมพันธ์แต่ละอย่างได้ ยาก เคยมีคนญี่ปุ่นเปรียบเทียบให้ผมฟังว่า เขาให้ค่าความถูกต้อง/ความประทับใจอย่างละ 2 คะแนน แต่ให้ค่ากับความผิดพลาด 10 คะแนน ดังนั้นต่อให้คุณทำดีห้าครั้งแต่พลาดครั้งเดียว นั่นคือคุณกลายเป็นคนไม่โอเคในสายตาของอีกฝ่ายไปเลย
ดังนั้นแล้วคนญี่ปุ่นจึงมีธรรมเนียมต่างๆ มากมายเพื่อให้แน่ใจว่าในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ทุกคนจะมีครรลองที่เกี่ยวเนื่อง ธรรมเนียมเหล่านี้เองเหมือน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่จะบอกว่าเมื่อคุณทำ คุณจะเอาตัวรอดในสถานการณ์นั้นๆ ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ความสัมพันธ์แบบนี้คือความซ้ำซากที่ไม่มีทางก้าวผ่านกำแพงความสัมพันธ์ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกหนังสือแนว big idea หรือพวกการสร้าง value ทางสังคมจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในญี่ปุ่นครับ พวกวัยรุ่นที่เตรียมเข้าวัยงานเริ่มคิดว่ามันสำคัญและจำเป็น
นอกจากนี้แล้วในกรณีที่คนรู้จักนั้นๆ มีศัตรูทางธุรกิจ และศัตรูนั้นๆ เป็นคนรู้จักของเรา ส่วนนี้ผมมักถูกร้องขอให้ “ไม่แสดงความสัมะนธ์ออกมาทางสาธารณะ” คือหากเป็นในที่ลับๆ เช่นทาง inbox ก็โอเค ย้ำนะครับว่าไม่ได้ให้ยกเลิกหรือทำลายความสัมพันธ์ แต่ให้ปกปิดเท่านั้นเอง
ในส่วนตัวผมทำงานในวงการมวยปล้ำครับ วงการนี้พูดง่ายๆ ก็ไม่ต่างจากงานในวงการบันเทิงคือเราต้องมีระยะห่างแบบไม่ให้คนรู้สึกแย่ เราถูกสอนให้มีความสนอกสนใจคนดูเป็นพิเศษ พยายามจดและจำชื่อของทุกคนให้ได้ แสดงความเป็นห่วงเป็นใย ตอบกลับจดหมาย ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมายที่เหมือนเพื่อนสนิททำกัน ในข้อแม้ว่าห้ามรู้สึกหรือมีความสัมพันธ์แบบส่วนตัวเด็ดขาด! ทุกอย่างทำไปเพื่อธุรกิจเท่านั้น ตรงนี้ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจและเราจะมาพูดถึงกันในโอกาสต่อต่อไปครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ