ละครสืบสวนญี่ปุ่น ด้วยความที่ละครแนวสืบสวนมีเยอะ และออกฉายบ่อยมาก เลยทำให้มีละครแนว “ล้อเลียน” สืบสวนญี่ปุ่นมาให้คนดูได้ฮากันด้วยค่ะ เรื่องที่จะเอามาเล่าในวันนี้ก็คือเรื่องนี้ค่ะ “Watashi no Kirai na Tantei”
ถ้าพูดถึงละครญี่ปุ่นแล้ว ละครที่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เลยก็คือ “ละครแนวสืบสวน” หรือ “แนวนักสืบ” ค่ะ เพราะเป็นแนวละครที่เห็นได้มากที่สุดในละครญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นละคร Season ไหน ต้องมีละครแนวนี้มาให้ได้ดูกันอยู่เสมอ
ด้วยความที่ละครแนวสืบสวนมีเยอะ และออกฉายบ่อยมาก เลยทำให้มีละครแนว Parody หรือละครล้อเลียนสืบสวนญี่ปุ่นมาให้คนดูได้ฮากันค่ะ เรื่องที่จะเอามาเล่าในวันนี้ก็คือเรื่องนี้ค่ะ “Watashi no Kirai na Tantei”
สำหรับละครเรื่อง “Watashi no Kirai na Tantei” เป็นละครสืบสวนญี่ปุ่น มีคดีฆาตกรรมที่ต้องไขให้ออก และจับคนร้ายให้ได้ เหมือนละครแนวสืบสวนทั่วไป แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือมีเนื้อหาล้อเลียนละครสืบสวนญี่ปุ่นด้วย กันด้วย ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของนักสืบหนุ่ม “อุไก” (รับบทโดย Tamaki Hiroshi) นักสืบมากฝีมือ แต่บ้าเงิน ได้เข้าไปเช่าสำนักงานของ “นิโนมิยะ อาเคมิ” (รับบทโดย Gouriki ayame) หรือ “คุณเจ้าของบ้าน” เด็กสาวผู้มีฐานะร่ำรวย ผู้ที่คลั่งไคล้เรื่องสืบสวนสอบสวน และเรื่องลึกลับมาก จนก่อตั้งชมรมไขคดีปริศนาลับขึ้นมาในมหาวิทยาลัย และเพื่อที่จะได้คลุกคลีกับคดีฆาตกรรม เลยปล่อยสำนักงานให้อุไกเช่าในราคาที่ถูกแสนถูก และทำเนียนมาเป็นผู้ช่วย คอยตามติดสืบคดีไปด้วย แต่อุไกไม่ชอบคดีฆาตกรรม เพราะเป็นคดีที่นักสืบเอกชนมักจะไม่ค่อยได้เงิน ตามหาหมา หาแมวของพวกไฮโซได้เงินดีกว่า
“คุณเจ้าของบ้าน” เลยแก้ปัญหาด้วยการโยนเงินไปให้ไขคดี เพื่อตัวเองจะได้มีโอกาสคอยติดตามไปเสพเรื่องลึกลับตามใจอยากอย่างฟินๆ สิ่งที่เธอพอจะให้ความช่วยเหลือกับอุไกได้ก็คือ “เงิน” และเฉลยแรงจูงใจที่แท้จริงของคนร้ายในตอนท้าย แต่ด้วยทฤษฎีเพี้ยนๆ ของเธอ บวกกับความบ้า คลั่งไคล้ในเรื่องลึกลับ และติดละครสืบสวนมากไป เลยทำให้เธอเองก็สร้างความปั่นป่วนให้กับอุไก นักสืบฝีมือดีคนนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ละครเรื่องนี้ก็จะมีมุกล้อเลียนละครสืบสวนแบบจัดเต็มค่ะ จุดประสงค์หลักของงานแนว Parody ก็คือ “ล้อเพื่อให้คนเก็ท” ความยากของเรื่องนี้คือ มันจะมีบางตอนที่เป็นมุกเฉพาะมาก ล้อถึงละครสืบสวนเฉพาะเรื่อง ถ้าเราไม่ได้ดูเรื่องนั้นมาก็จะไม่เก็ท แต่มันก็จะมีมุกของละครสืบสวนทั่วๆ ไปที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงมาก ถ้าเคยดูละครสืบสวนญี่ปุ่นมาบ้างก็จะเข้าใจค่ะ เพื่อความสนุก เราก็ขอเล่าถึงมุกล้อเลียนทั่วๆ ไปของละครสืบสวนค่ะ จะมีมุกล้อเลียนอะไรบางนั้นตามมาอ่านกันเลยยยย
1. ขนบสับขาหลอกคนดู
แหม่! ขนบนี้ถือว่าเป็นขนบยอดฮิตเลยค่ะ ญี่ปุ่นมีละครแนวสืบสวนเยอะมาก ตอนแรกๆ จะไม่ค่อยหลอกเท่าไร แต่พอละครแนวนี้มันเริ่มเยอะ คนดูก็จะเริ่มจับทางได้ พอเดาได้ ทำให้ละครมันจะไม่สนุก ละครสืบสวนญี่ปุ่นก็เลยมักจะสับขาหลอกคนดู ก็มีทั้งแนวที่ทำให้คนดูเข้าใจผิดว่าคนที่ตำรวจ หรือนักสืบกำลังสงสัยอยู่ไม่ใช่คนร้ายจริงๆ หรอก บางทีก็อาจจะเป็นคนนั้นนั่นแหละ (บางครั้งคนดูก็จะชอบคิดเยอะค่ะ คิดไปว่าคนร้ายต้องเป็นอีกคน ละครเลยแก้เผ็ดด้วยการให้คนที่น่าสงสัยเป็นคนร้ายไปเลย) หรือบางทีก็เป็นคนที่คาดเดาไม่ถึง ในเรื่องนี้ก็เช่นกันค่ะ มีการสับขาหลอกคนดูเช่นกัน
2. ซีรี่ส์สืบสวนต้องจบในตอน
ละครสืบสวนมักจะจบในตอนค่ะ แต่ว่าเนื้อเรื่องของละครทั้งหมดยังไม่สิ้นสุด อย่างเช่น ละครเรื่องนี้มี 10 ตอน แต่ละตอนก็จะเป็นคดีแต่ละคดีไป จบคดีหนึ่งก็เริ่มคดีใหม่ แต่ Theme ละครหลักๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงตอนที่ 10 เป็นลักษณะผสมผสานระหว่าง Renzoku (ละครต่อเนื่อง) และ Tenpatsu (ละครภาคพิเศษจบในตอน) แต่ก็มีบางเรื่องที่ชอบทำให้ไม่จบในตอน เพื่อเรียกเรตติ้ง ถ้าให้ยกตัวอย่างแบบให้เห็นกันง่ายๆ ก็เช่นการ์ตูนเรื่อง “โคนัน”
ละครเรื่องนี้ก็ล้อบ้างค่ะ ประเดิมในตอนแรกเลย พอละครจะจบตอนแล้วก็ยังไขคดีไม่ได้ ทำไงดีๆ ถ้ายังไขคดีไม่ได้แบบนี้ ก็ต้องต่อในตอนถัดไปอย่างช่วยไม่ได้สินะ และในเมื่อไม่จบในตอนแบบนี้แล้ว ตามขนบ สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ คำนี้ค่ะ “つづく” “ติดตามตอนต่อไป” !
3. ต้องทำท่าเท่ๆ ก่อนไขคดี
ความสนุกของละครแนวสืบสวนก็คือ ทริคในการไขคดี ยิ่งคดีไหนยากๆ ดูตามแล้วคิดแทบไม่ออก แต่พอฟังตัวละครเอกเฉลยแล้วล่ะก็จะรู้สึกว่า … หู้ยยยย สุดยอดไปเลย คิดได้ไง เท่สุดๆ! ดังนั้นฉากที่ตัวละครเอกต้องมาไขคดี เลยเป็นฉากที่เท่มากๆ เพราะทั้งไขคดีลับปริศนาที่ไม่มีใครไขได้ออกมาได้ บวกกับกำลังจะจับคนร้ายได้แล้ว ฉากแบบนี้ถือว่าตัวละครเอกเป็นฮีโร่ ที่ทั้งเมพ ทั้งฉลาดแบบนี้ ก่อนจะอธิบาย ทริคสำคัญที่คนร้ายไขคดี ก็ต้องวางท่าเท่ๆ หล่อๆ สักหน่อยนึง ! ในเรื่องนี้ “คุณเจ้าของบ้าน” ตัวละครเอกฝ่ายหญิงของเรื่อง ก็จะกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างๆ ประมาณว่า “ท่าแบบนี้ต้องนึกอะไรออกแล้วใช่ไหมคะ” “เท่สุดๆ เลย” ซึ่งในละครสืบสวนทั่วไป จะไม่มีใครมาพูดอะไรแบบนี้หรอกค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นละครล้อ ก็เลยมีบทพูดแบบนั้นเรียกความฮา และให้คนดูเก็ทว่า อ่ออ นางกำลังล้อละครสืบสวนอยู่นะ
4. ฉากระบายความในใจของคนร้าย
นี่ก็เป็นขนบสำคัญในละครสืบสวนญี่ปุ่นค่ะ พอนักสืบ ตัวละครเอกของเรื่องไขคดีได้แล้ว รู้ตัวว่าใครเป็นคนร้ายแล้ว มันก็จะเข้าสู่ฉาก “คนร้ายระบายความในใจ” เล่า ถึงเหตุผล อ้างนู้น อ้างนี้ ให้คนอื่นๆ เข้าใจการกระทำของตัวเอง ให้คนอื่นเห็นใจกับชีวิตที่โศกเศร้า คนดูก็ซึ้งจนน้ำตาจิไหลเลยค่ะ และเป็นส่วนที่เรียกเรตติ้งจากคนดูได้ด้วย แต่สำหรับละครเรื่องนี้แล้ว… “ผมขอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น”
พอกำลังจะเข้าโหมดซึ้ง ความเห็นใจเริ่มมา น้ำตาเริ่มคลอ แต่ไอ้หมอนี่กลับพูดว่า…. “ผมไม่ฟังเรื่องราวของฆาตกรที่เพิ่งจับได้หรอกนะ” คนดูกำลังจะเคลิ้มแล้วเชียว หมดอารมณ์กันพอดี บอกเลย! มิน่าล่ะ ละครเรื่องนี้เรตติ้งถึงไม่ค่อยสวยเท่าไร! (อิอิ แซวเล่นนะคะ)
5. ลูกสมุนลับ
จริงๆ แล้ว ตัวละครเอกในละครสืบสวนญี่ปุ่นก็ไม่ได้เก่ง เพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่างหรอกค่ะ มันก็มีบ้างที่คิดอะไรไม่ออก บางทีคาดเดาคดีผิดก็ยังมี ด้วยเหตุนี้จึงมีวิธีการหนึ่งที่นักสืบในละครญี่ปุ่นชอบใช้ นั่นก็คือ “ลูกสมุนลับ” ค่ะ ลูกสมุนนี้จะเป็นคนที่ลึกลับหน่อยๆ ไม่ค่อยเป็นคนที่คนทั่วไปให้ความสนใจมาก แต่เป็นคนที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี ถ้าอยากสืบอะไรเพิ่มเติม นักสืบจะชอบมาหาคนพวกนี้ แต่ว่ากว่าจะล้วงความลับได้ทีต้องหาของมาแลกค่ะ ซึ่งนั่นก็คือ “เงิน” ค่า “เปิดปาก”
ในละครเรื่องก็จะล้อในประเด็นนี้เช่นกันค่ะ “อุไก” จะชอบมาหาคนเก็บของเก่าคนหนึ่ง ผู้ที่รู้คดีลับทุกอย่าง (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไงถึงรู้ทุกอย่าง และตามพระเอกไปได้ทุกตอนขนาดนั้น) ถ้าอยากได้ข้อมูลต้องจ่ายเงินค่ะ
6. ดื่มเหล้าแบบนักสืบ
แม้แต่เรื่องยิบย่อยอย่างนั่งดื่มเหล้า ละครเรื่องนี้ก็เอามาล้อค่ะ ตามขนบละครสืบสวนญี่ปุ่น นักสืบต้องกินเหล้าบาบอนกับน้ำแข็งทรงกลม แต่ในเรื่องนี้อุไกกลับกินเหล้าบาบอนกับน้ำแข็งเหลี่ยมธรรมดา โดยให้เหตุผลว่าการกินไอ้น้ำแข็งทรงกลมที่เห็นในละครน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริงหรอกนะ เพราะว่าน้ำแข็งแบบนั้นน่ะต้องเป็นพวกบาร์เทนเดอร์ทำ ต้องคอยตัดเหลี่ยมของน้ำแข็งออกให้กลม ไม่ใช่ของซื้อของขายที่ซื้อได้ตามร้านทั่วไปหรอก!
7. 33 นาที ช่วงเวลาในการไขคดีลับ
แฟนละครสืบสวนจะรู้ดีว่า ช่วงเวลาการไขคดีลับนั้นจะถูกเปิดเผยในช่วงเวลาไหน ถ้ามาเปิดเผยตอนต้นๆ ก็ดูไม่ใช่ละครสืบสวนแล้ว เพราะมันจะดูเร็วไป เรื่องก็จะจบเร็ว ช่วงแรกๆ จะเป็นช่วงปูเรื่อง เกิดเหตุฆาตกรรม และการสืบหาความจริง แล้วค่อยเข้าสู่ช่วง “ปิ๊ง! ฉันไขคดีได้แล้ว!” ซึ่ง ช่วงเวลาในการไขคดีได้มักจะเป็นช่วงท้ายของละครค่ะ ละครญี่ปุ่นจะมีเวลาเฉลี่ยในการฉายประมาณ 46 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกับการไขคดีได้ก็เมื่อละครฉายไปแล้วประมาณ “33 นาที” พอละครเดินมาถึงช่วงเวลานี้ปุ๊ป เตรียมใจรอไว้เลยค่ะว่า ปริศนาทั้งหมดกำลังจะถูกคลี่คลายแล้ว!
8. ล้อละครญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ
นอกจากจะล้อขนบสืบสวนทั่วๆ ไปแล้ว ยังมีล้อละครสืบสวนชื่อดังแบบเฉพาะเรื่องด้วยนะคะ เช่น เรื่อง “Nazotoki wa Dinner no Ato de” “Galileo” เป็นต้น แต่ใช่ว่าละครเรื่องนี้จะล้อเฉพาะละครสืบสวนด้วยกันเองนะคะ แต่ล้อละครญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมด้วย เช่น “Dr.X” “Ama Chan” แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังเอามาล้อค่ะ
ฉากนี้จะเป็นตอนที่อุไกซังกับคุณเจ้าของบ้านเขาไปสืบสวนคนในบ้านหลังหนึ่ง พอดีว่าคนในบ้านหลังที่จะเขาไปสอบถามความจริงเนี่ย นางเป็นคนขี้อายค่ะ เลยเอาผมมาปิดหน้าเอาไว้แบบซาดาโกะแบบนี้ พอเห็นฉากนี้แล้ว รู้สึกว่า…ฉันควรจะกลัว หรือจะฮาดีล่ะเนี่ย!
และนี่ก็เป็นมุกล้อเลียนละครสืบสวนญี่ปุ่นจากเรื่อง “Watashi no Kirai na Tantei” แบบเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ แม้จะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ซ้ำกันในละครสืบสวนทุกๆ เรื่อง แต่ในเรื่องก็มีสิ่งที่ไม่ซ้ำกับใครค่ะ สิ่งนั้นก็คือ “พล็อตคดีฆาตกรรม” ที่ยังคงสร้างให้น่าติดตามอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าในเรื่องจะเน้นล้อเลียนจนดูเป็นละครคอมเมดี้ แต่คดีของแต่ละตอนในละครเรื่องนี้ ขอบอกว่า “หิน” สุดๆ ค่ะ ไม่ได้ดูล้อเล่น เหมือนตอนล้อเลียนละครเรื่องอื่นเลยจริงๆ!
เรื่องแนะนำ :
– เหตุผลที่ว่าทำไมคนไทยถึงรักทาคุยะ คิมูระ
– คาเมะ&ยามะพี รีเทิร์น! ย้อนรอย Nobuta wo Produce เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
– พลังของละครญี่ปุ่นที่ช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมที่อยากได้ให้เป็นจริง
– พระ-นางละครญี่ปุ่น ที่ไม่ได้แสนดีตามขนบนิยม
– ดารา- ศิลปินญี่ปุ่นมากฝีมือ ที่ขอโบกมืออำลาวงการบันเทิง