ทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่ค่อยมีความสุข…แสดงให้เห็นว่า ที่เราเคยคิดกันว่าการมีเงินมากพอ ที่จะไม่ทำให้ท้องหิวน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้มีความสุขนั้น จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่
ผลสำรวจล่าสุดของยูเอ็นว่าด้วยเรื่องประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกที่มีการทำสำรวจทุกปี ปรากฏว่าประเทศญี่ปุ่น อยู่ในอันดับที่ 51 จาก 155 ประเทศ ซึ่งดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านเกาหลีใต้ที่อยู่อันดับ 56 แต่ก็นับว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่อยู่อันดับท้ายๆ ต่างจากประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นๆ ที่ติดอันดับต้นๆ ได้แก่ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ แสดงให้เห็นว่า ที่เราเคยคิดกันว่าการมีเงินมากพอ ที่จะไม่ทำให้ท้องหิวน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้มีความสุขนั้น จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่ มีคนวิเคราะห์กันถึงสาเหตุของการไม่มีความสุขของคนญี่ปุ่นดังนี้ค่ะ
• ทำงานหนักเกินไป คนญี่ปุ่นถูกสอนให้เอาใจใส่และจริงจังกับทุกเรื่อง ทำให้ไม่สามารถแยกงานและชีวิตออกจากกันได้ ปริมาณงานที่ต้องทำก็เยอะและไม่อาจปฏิเสธที่จะไม่ทำได้ บางทีงานเสร็จ แต่เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานไม่กลับ ก็กลับบ้านไม่ได้ เพราะต้องแข่งกันทำงานเพื่อให้เจ้านายเห็นว่าขยัน และเผื่อว่าจะได้ขึ้นตำแหน่ง บางคนแข่งกันทำงานล่วงเวลากับเพื่อนร่วมงานหรือไม่ใช้วันลาพักร้อนเลย เมื่อทำงานมากๆ เข้าก็เกิดความเครียดและเหนื่อยล้าจนเป็นข่าวว่ามีพนักงานฆ่าตัวตายหรือป่วยทางจิตหลายต่อหลายครั้ง ต่างจากหลายประเทศในยุโรปที่ดิฉันเคยไปมาที่ทำงานกันชิลมากๆ และมีความสมดุลระหว่างชีวิตทำงานและนอกงานมากกว่า หากมีพนักงานคนใดทำงานถึงดึกเป็นประจำจะถือว่าเป็นบริษัทที่มีปัญหาด้านการจัดการเลยทีเดียว
• ความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนในอดีต ทำให้ระบบการจ้างงานตลอดชีวิตนั้นเปลี่ยนไปด้วย กล่าวกันว่าประชาชนที่มีความ “ไม่มั่นคงในชีวิต ได้แก่ ทำงานรายได้น้อย มีโอกาสถูกเลิกจ้างได้ง่าย หรือทำงานที่ไม่มีความก้าวหน้ามีจำนวนถึง 40% ของประชากรวัยทำงานทั้งหมด เมื่อธุรกิจไม่ดีบางคนจึงโดนเลิกจ้าง จะไปหางานใหม่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่องานกับชีวิตเป็นสิ่งเดียวกันดังนั้นเมื่อไม่มีงาน คนญี่ปุ่นก็รู้สึกเหมือนไร้ชีวิตไร้ตัวตนและรู้สึกไม่มั่นคงอย่างมาก
• ความเครียดจากสภาพสังคม ในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว ความเร่งรีบและแข่งขันทำให้เกิดความเครียด เช่น การแข่งขันกันเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ รีบกินเร็วๆ ในมื้ออาหารเพราะร้านอาหารคนเยอะมาก แย่งกันซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต การเบียดเสียดบนรถไฟ ค่าครองชีพที่แสนแพงเมื่อเทียบกับรายได้ ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้หลายคนที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อยู่แบบตัวใครตัวมันทำให้เกิดความอ้างว้างและโดดเดี่ยวจนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขนาดมีข่าวว่าคนที่อยู่ตัวคนเดียวเสียชีวิตหลายๆวันโดยไม่มีใครรู้จนกว่าจะมีคนมาพบศพ
• สังคมสูงอายุ คนที่อายุมากอาจโดนบีบให้เกษียณก่อนอายุหรืออาจได้รับเงินชดเชยไม่มากพอที่จะเลี้ยงชีพยามแก่เฒ่าเพราะอายุยืนเหลือเกิน ลูกหลานก็ไม่ค่อยเลี้ยงดู (เพราะเอาตัวเองยังไม่รอด) บางคนก็ปรับตัวไม่ได้เมื่อเกษียณอายุและมาอยู่บ้านเฉยๆ เพราะชีวิตที่ผ่านมามีแต่เรื่องงานเท่านั้น เมื่อมาอยู่บ้านก็รู้สึกแปลกแยกกับครอบครัวและสังคมอื่นๆ ที่นอกจากเรื่องงาน
• ขาดความยืดหยุ่น ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบโดยปราศจากความยืดหยุ่น เช่น การเข้าแถวขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ การห้ามส่งเสียงดังบนรถไฟ วินัยการจราจรดีเยี่ยม การขาดความยืดหยุ่นนี้เองทำให้ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ถือมารยาทในสังคมสูง และจะไม่แสดงอารมณ์ด้านลบทางสีหน้าให้ใครเห็น ดังนั้นอารมณ์และความรู้สึกด้านลบใดๆก็ต้องปิดเอาไว้บอกใครไม่ได้ เช่น ความโกรธ ความโมโห ความไม่พอใจ จนกลายเป็นความเก็บกดทำให้ไม่มีความสุข
• สังคมแบบรวมกลุ่ม สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมแบบกลุ่มนิยมและมักจะทำอะไรเหมือนๆ กัน เวลาเดินอยู่ในโตเกียวในวันทำงาน เราจะเห็นพนักงงานออฟฟิศใส่เสื้อผ้าสีเดียวกันและแต่งตัวลักษณะคล้ายๆ กันเดินขวักไขว่ คนญี่ปุ่นชอบทำตัวให้เหมือนๆ คนอื่นและไม่ต้องการแปลกแยก พวกเขาเรียกร้องการยอมรับจากคนอื่น ซีเรียสกับภาพลักษณ์และแคร์สายตาคนอื่นมากๆ ค่าของคนๆหนึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าเขาได้รับการยอมรับจากคนอื่นมากแค่ไหน เพราะฉนั้นเขาก็เลยกลายเป็นคนที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง หากโดนเพื่อนที่โรงเรียน เจ้านายหรือเพื่อนที่ทำงานกีดกันหรือกลั่นแกล้งแล้วละก็ เขาก็จะรู้สึกถึงความกดดันแบบที่ยอมรับไม่ได้ ต่างจากฝรั่งที่อาจถือคติ “ช่างมันฉันไม่แคร์”
• ไม่มีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หากเป็นคนไทยหรือฝรั่ง เวลาเครียดก็อาจจะเข้าวัด สวดมนต์ นั่งสมาธิ ไปพบบาตรหลวงหรืออธิษฐานต่อพระเจ้าก็พอจะคลายความเครียดไปได้บ้าง แต่ญี่ปุ่นไม่ยึดถือคำสอนของศาสนาใดอย่างจริงจัง เมื่อเกิดความทุกข์กลับไม่มีคำสอนหรือธรรมะใดๆ ที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจได้ค่ะ
ติดตามเรื่องราวแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจด้วยความรักในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” ตามแผงหนังสือชั้นนำ และ สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ดึงดูดพนักงานโดยใช้ยูนิฟอร์ม
– ธุรกิจญี่ปุ่นที่ตั้งขึ้นจากการเกิดจากปัญหา
– A-Dot Company ปรุงวัตถุดิบที่ไม่สมบูรณ์ให้เป็นอาหารแสนอร่อย
– อาหารปลอมที่ดึงดูดให้สั่งอาหารจริง
– คนญี่ปุ่นบ่นคิดถึงอาหารรถเข็นไทย
– มารยาทการเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น
#คนญี่ปุ่น